พ่อแม่ร่ำไห้ลูกฆ่าโหด "ว่าที่ร้อยโท" และชิงทอง รับติดเกมตั้งแต่เด็ก คาดหาเงินมาช่วยใช้หนี้ครอบครัว 10 ล้าน
กรณี นายนิพิฐพนธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ก่อเหตุชิงทองคำ 70 บาทกลางห้างดังในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยโทรเรียกรถผ่านแอปฯให้มารับ จากนั้นขึ้นไปนั่งเบาะหลังใช้ปืนยิงท้ายทอยผู้ตายจนเสียชีวิต และลากศพไปทิ้งเหวดอยสุเทพ ลึกประมาณ 50 เมตร เพื่ออำพรางศพ จากนั้นขับรถของผู้ตาย ไปก่อเหตุวิ่งราวทองที่ห้างดังกล่าว
ความคืบหน้า วันนี้ (9 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่และพ่อนายนิพิฐพนธ์ ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา ขณะนำอาหารไปเยี่ยมลูก ที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ว่า ลูกรับรู้มาตลอดว่าที่บ้านทุกข์ใจ หลังครอบครัวเจอปัญหาถูกหลอก นำเงินไปลงทุน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะมาก่อเหตุแบบนี้
ส่วนลูกปืนของลูกชาย ตนเองไม่ทราบมาก่อนเลยว่าลูกชายนั้นมีปืนหรือซื้อปืนมา เมื่อคืนนี้ตำรวจพาลูกไปค้นที่บ้าน ตนเองก็ได้คุยกับลูก และบอกลูกว่า หากทำอะไรไปให้รับสารภาพทั้งหมด ห้ามโกหก ลูกชายจึงยอมบอกที่ซ่อนทองในที่สุด
ส่วนทองเมื่อคืนที่ได้ตนเองเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้ลูกยอมบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ซึ่งเขาพบพบทั้งภายในห้องนอนของลูกชายบนฝ้าเพดาน รวมถึงซอกใต้หลังคาที่เจ้าหน้าที่มีการปีนขึ้นไปค้น
ในฐานะที่ตนเองเป็นแม่ อยากขอโทษทางฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยใจจริง และตนเองจะประสานเพื่อเข้าไปขอขมาผู้ตายและญาติที่งานศพได้ด้วย ส่วนจะไปเมื่อไหร่ยังไงนั้น ต้องทางตำรวจประสานให้อีกครั้ง
ยืนยันลูกไม่มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่อย่างแน่นอน ส่วนอาการป่วยทางจิต ตนเองไม่ค่อยแน่ใจ เพราะตนเองสังเกตุ ช่วงหลังมานี้ลูกเริ่มมีอาการที่เปลี่ยนไป ไม่ค่อยพูด ชอบดูหนังที่มีเนื้อหารุนแรง รวมถึงเล่นเกมลักษณะการวางแผนและยิงปืน อยู่ตลอด บางครั้งแกล้งน้องก็จะแกล้งแรง ซึ่งก็เคยเตือนลูกบ้างแต่ก็ไม่อยากพูดมากเกินไปเพราะกลัวลูกจะเตลิด
ขณะที่พ่อของผู้ก่อเหตุ กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังจากเกิดเหตุชิงทองในเมือง ตนเองก็ทราบข่าวและดูข่าวมาโดยตลอด แต่ไม่ทราบ ว่าลูกชายของตนจะเป็นคนก่อเหตุ เพราะลูกชายไม่มีลักษณะอาการที่จะส่อไปทางนี้เลย แต่ลูกชายชอบแกล้งน้อง อาจจะแกล้งรุนแรงหน่อย แต่เขาก็รักน้อง
ซึ่งลูกชาย ก็มีเพื่อนอยู่บ้างประมาณ 3-4 คน มีทั้งเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน และเพื่อนที่เป็น กลุ่มเล่นเกมด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่ ลูกชายจะใช้เวลาอยู่คนเดียวมากกว่า
ตนเองไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกชายจะทำร้ายคนแบบนี้ เมื่อคืนนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวลูกชายไปค้นที่บ้านตนเองได้พูดคุยกับลูกชาย ว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ทำอะไรถึงไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ลูกชายก็ไม่ได้ตอบอะไร
ตนเองอยากขอโทษ ทางฝั่งครอบครัวผู้ตายมาก เพราะเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะตนก็ไม่อยากให้เกิดอาการแบบนี้ และไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นด้วย