ศึกแย่งมรดก 100 ล้าน ภรรยาพร้อมลูกๆ ร้องสายไหมต้องรอด ถูกญาติลักพาตัวสามีบังคับให้ถอนตัวจากกองมรดก
เมื่้อวันที่ 9 ก.ค.2567 นางสุนีย์ ตันบุญเฮง มาร้องขอความช่วยเหลือ กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีสามีของตนเองถูก "ป้าหยก" พี่สาวของสามีเข้ามาลักพาตัวสามีออกจากบ้านย่านจรัญสนิทวงศ์ไปยังบ้านของป้าหยก ย่านอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรปราการ
โดยนางสุนีย์ เล่าว่า ครอบครัวของสามีมีทั้งหมด 8 คนโดยปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว 3 คน เหลือคนที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมด 5 คนโดยสามีของตนเป็นคนสุดท้อง ส่วนป้าหยก คู่กรณีเป็นพี่สาวคนรอง หลังจากพี่สาวคนโตของสามีได้เสียชีวิตไปและให้สามีที่เป็นน้องชายคนสุดท้องเป็นผู้จัดการมรดกที่เหลือ ซึ่งเหลือพี่น้องอีก 5 คน โดยมรดกที่จัดการจะมีที่ดินที่พี่น้องร่วมกันสร้างมามูลค่าประมาณ 100 ล้าน
ซึ่งหลังป้าหยกทราบข่าวว่าพี่สาวคนโตเสียชีวิตและให้น้องชายเป็นผู้จัดการมรดก ป้าหยกพยายามเข้ามาหาน้องชายที่เป็นสามีของนางสุนีย์ตลอด โดยพยายามพูดจาหว่านล้อมให้สามียกมรดกส่วนของสามีให้กับป้าหยก และพูดทำให้ครอบครัวของตนเองทะเลาะเบาะแว้งกัน บางครั้งก็เข้ามาอาละวาดภายในบ้าน และกล่าวหาว่าตนเองไปทำร้ายป้าหยก มีการไปแจ้งความฟ้องร้องกัน รวมถึงไปแจ้งความว่าน้องชายเป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้จัดการมรดก เนื่องจากตลอดเวลาที่ป้าหยกเข้ามาที่บ้านก็พูดจนสามีของตนเองเครียดเส้นเลือดในสมองเกือบแตกจนเป็น "โรคสโตรก" ดูแลตัวเองไม่ค่อยได้
จากนั้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนเองต้องไปขึ้นศาลคดีที่ถูกฟ้องว่าไปทำร้ายร่างกายป้าหยก ทำให้บ้านวันนั้นไม่มีคนอยู่ แต่เมื่อกลับมาบ้านก็ไม่พบสามี จึงไปสอบถามเพื่อนข้างบ้านบอกว่า ป้าหยกได้จ้างรถแท็กซี่มาพาตัวสามีไปจากบ้าน ตนเองจึงตามไปหาที่บ้านย่านสมุทรปราการ แต่ก็ไม่ได้พบ จึงไปแจ้งความแต่ตำรวจก็บอกว่าเป็นเรื่องของครอบครัวให้ลองไปคุยกันก่อน
จนกระทั่งวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นวันที่สามีและป้าหยกต้องไปขึ้นศาลในคดีฟ้องร้องเรื่องมรดก แต่ก็ไม่มีใครไปที่ศาล ตนเองจึงมาที่บ้านก็พบหญิงสูงวัยคนหนึ่ง เมื่อเจอหน้าก็รีบปิดประตูบ้านและอ้างว่าเป็นเพียงลูกจ้างมาดูแลสามี และเมื่อขอเข้าไปหาสามี เพราะเป็นห่วง เนื่องจากตอนที่ป้าหยกพาตัวมาไม่ได้เอายาประจำตัวมาด้วยตนเองจึงกังวลว่าสามีจะอยู่อย่างไร กินนอนอย่างไร โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอามาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ป้าหยกได้ทำพฤติกรรมแบบนี้กับพี่น้องคนอื่นด้วยหรือไม่ นางสุนีย์ กล่าวว่า ป้าหยกเข้าไปทำพฤติกรรมแบบนี้กับน้องชายอีกคน จนล้มป่วยเหมือนกันแต่ครอบครัวของพี่ชายคนนั้นโตกันหมดแล้วป้าหยกจึงเข้าไปยุ่งมากไม่ได้ แต่ครอบครัวของเธอยังมีลูกที่ไม่ได้โตมากจึงทำให้ป้าหยกเข้ามาวุ่นวายได้ง่ายกว่า
ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า สน.บางขุนนนท์ซึ่งเป็นสน.ในพื้นที่ควรรับผิดชอบซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรซับซ้อน ถ้าหากทางสน. บางขุนนนท์ ออกหมายค้นไปยังบ้านหลังดังกล่าวและนำตัวสามีของผู้เสียหายออกมาเรื่องดังกล่าวก็จบ