วันนี้ (9.ก.ค.67) ช่วงเช้า ในเวลา 10.00 น. ทีมข่าวช่องแปดได้เดินทางไปยังบ้านของน้องอลิส ที่ บ้านโนนค้อ ต.ยางชุมน้อย อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีนั้น
ช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. วันที่ (9 ก.ค.67) ครูหนุ่ย ได้นำพานขันธ์ 5 เข้าขอขมาครอบครัวของน้องอลิส โดยครูหนุ่ย เดินทางด้วยรถกระบะส่วนตัวพร้อมสามีมาที่บ้านของน้อง ซึ่งทันทีที่ลงจากรถ ครูหนุ่ยได้ถือพานขันธ์ 5 เข้าไปก้มกราบนางทองทิพย์ (ย่าของน้องอลิส) เพื่อเป็นการขอขมา เเละขอโอกาสเยียวยา โดยครูหนุ่ยร้องไห้ พยายามอธิบายว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเละมีความตั้งใจที่จะชดใช้เยียวยา ไม่ได้คิดจะทอดทิ้ง เเต่ตอนนั้นที่เกิดความลังเล เพราะตนเองมีปัญหาหลายเรื่อง เงินทองไม่มี สามีก็ป่วย ลูกก็เล็ก ดังนั้นวันนี้จึงกลับมาขอโอกาส อยากจะทำตามเงื่อนไขเดียวกับครูอีก 2 ท่าน คือครูน้อย กับครูปูเป้
ซึ่งย่าทองทิพย์ ไม่ขอรับขันธ์ 5 และไม่รับการขอขมา พร้อมเดินหนี โดยได้บอกกับครูหนุ่ย ว่าเคยให้โอกาสไปเเล้วในวันที่ไปเจรจากันที่โรงพัก เเต่ครูหนุ่ยไม่รับโอกาสนั้นเอง ในเมื่อครูหนุ่ยอยากจะไปศาล ก็ขอให้ไปเจอกันที่ศาลตามความตั้งใจของครูหนุ่ย เพราะหัวอกคนเป็นย่า เเค่สูญเสียหลานก็เสียใจมากพอเเล้ว ยังจะต้องมานั่งให้อภัยครูอีก ไม่มีใครเข้าใจว่ามันเจ็บปวดเเค่ไหน เเละที่ผ่านมาทางครอบครัวทำตามเงื่อนไขครูมาตลอด เเม้กระทั่งข้อเสนอ หรือสถานที่เจรจา ครูก็เป็นคนจัดเเจง ดังนั้นวันนี้ทางครอบครัวจึงขอเป็นผู้ตัดสินใจเองบ้าง
หลังจากที่ย่าทองทิพย์ ไม่รับการขอขมา ครูหนุ่ย จึงถือขันธ์ 5 ที่เตรียมมา เดินเข้าไปหาพ่อกับเเม่ของน้อง เเละพยามคุกเข่าจะกราบ เเต่พ่อกับเเม่ของน้องเดินหนี บอกกับครูหนุ่ยว่าครูเป็นผู้ใหญ่ อย่ามากราบเด็ก พร้อมยืนยันว่าวันนี้ไม่สามารถรับข้อเสนอของครูหนุ่ยได้ เพราะเคยให้โอกาสไปเเล้ว เเต่ครูหนุ่ยไม่รักษาคำพูด ดังนั้นขอยึดการตัดสินใจครั้งที่ 2 ของครูหนุ่ย คือเจอกันในชั้นศาล
โดยระหว่างที่ครูหนุ่ย กำลังพยายามขอโอกาสอยู่นั้น ทางครอบครัวของน้องก็ได้โทรปรึกษาทนายโนบิ ก่อนที่ย่าทองทิพย์ จะยื่นข้อเสนอให้กับครูหนุ่ย ว่าทางครอบครัวไม่ใช่คนใจดำ จะลองให้โอกาสสักครั้ง เเต่มีเงื่อนไขว่าครูหนุ่ย จะต้องเดินทางไปโรงพัก เพื่อรับสารภาพข้อกล่าวหาก่อน และจัดทำเอกสารให้แล้วเสร็จ หลังจากนั้นค่อยกลับมาพร้อมเอกสารยืนยันยอมรับ และเข้ามาคุยกันใหม่เรื่องเงินเยียวยา เเต่เบื้องต้นจะไม่ได้เรียก 1 เเสน เหมือนครูคนอื่นๆ เพราะครูหนุ่ยพิเศษกว่าเพื่อน ดังนั้นจะขอเรียกเงินเพิ่มอีกเท่าตัว คือ 2 เเสนบาท ซึ่งทางครูหนุ่ย ก็ร้องไห้โฮ พยายามเข้าไปกราบย่าทองทิพย์อีกรอบ เเล้วบอกว่าไม่มีเงิน ไม่รู้ว่าเงิน 2 เเสน จะไปหามาจากที่ไหน ตอนนี้ลำบากมาก เเต่จะรับข้อเสนอของครอบครัวกลับไปพิจารณา
หลังจากที่การเจรจาไม่เป็นผล ครูหนุ่ยไปนั่งร้องให้อยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านเพียงลำพัง ซึ่งเป็นจังหวะที่ครูน้อย เดินทางมาที่บ้านของน้องพอดี โดย ครูน้อย ได้เข้าไปกอดปลอบใจครูหนุ่ย และนั่งรอ ก่อนที่ครูหนุ่ยจะพยายามพูดคุยอีกครั้ง จนกระทั่งไม่สำเร็จ และได้ดินทางกลับไป
โดย ย่าทองทิพย์ เผยกับทีมข่าวช่องแปดว่า ครูหนุ่ยได้ติดต่อมาผ่านผู้ใหญ่บ้านพรชัย หลังได้โทรประสานมาบอกย่าว่าครูหนุ่ย ต้องการจะเข้ามาเจรจาที่บ้าน
ขณะเดียวกัน ย่าจึงแจ้งกลับไปว่าไม่ต้องมาหรอก เพราะก่อนหน้านี้ครูหนุ่ยเป็นคนยืนยันต้องการที่จะไปคุยที่ศาล ก็ให้จบที่ศาลตามนั้น เพราะตนได้ปรึกษากับทนายแล้ว โดยทนายได้ให้คำปรึกษาว่าหากคุณครูจะเข้ามาให้พักไว้ก่อน ก่อนหน้านี้คุณครูต้องการที่จะไปศาล ก็รอให้ไปเจรจากันที่ศาลทีเดียว ซึ่งทางครอบครัวก็ขอ ยืนยันว่า ให้จบที่ศาลอย่างเดียว
ส่วนประเด็นทางผู้ปกครองศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคอนกาม ไม่ยอมรับให้ครูทั้งสองท่านเปลี่ยนไปสอนแทน เพราะคดียังไม่คลี่คลาย ย่าเผยอีกว่า ความคิดคนส่วนมากไปในทิศทางเดียวกัน ให้คดีมีความคลี่คลายเสียก่อน หากผลคดีจะออกมาอย่างไรก็รับได้ ย่าเชื่อว่าความคิดของผู้ปกครองคงยังไม่อยากให้บุตรหลานอยู่ในความดูแล เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
ส่วนประเด็นผลชันสูตร คาดว่าภายในอาทิตย์นี้จะได้ทราบผล ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรตนก็ยินดีที่จะรับได้ ถึงแม้ผลชันสูตรจะออกมาเป็นน้ำในสระ ก็ต้องรอดูกันอีกที
สุดท้ายผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าอยากจะบอกอะไรกับหลานหลังจากคดีผ่านไป เกือบ 1 เดือน
ย่าเผยทั้งน้ำตาว่า ก็คิดถึงน้องอลิส อยากให้น้องมาหา ย่าคิดถึงมาก ก่อนจะก้มหน้าร้องไห้พูดไม่ออกแบบจุกอก
โดยครูหนุ่ย เปิดใจกับทีมข่าวพร้อมน้ำตาว่า ครูตั้งใจอยากจะไปขอโทษ และขอขมาหลังจากที่ไกล่เกลี่ยที่โรงพัก ตนได้เกิดเหตุการณ์สับสน เพราะสามี และพี่สาวป่วย ลูกยังเล็ก และมีแม่ที่ต้องดูแล ซึ่งตนกังวลหลายๆอย่าง ตนจึงต้องการอยากจะเข้าไปเพื่อขอโอกาส จากผู้ปกครองน้องเพื่อให้โอกาสครูหนุ่ยอีกครั้ง เพราะครูไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ช่วยเหลือ และจะไม่เยียวยา ซึ่งครูมีเจตนาตกลงไปแล้วรอบนึง แต่ปรากฏว่ามันมีเหตุการณ์ที่เข้ามาให้คิดว่าตนจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ซึ่งครูมีภาระความรับผิดชอบเยอะ จึงตัดสินใจรวนเรในวันนั้น
แต่วันนี้ ครูตั้งใจทำพานเพื่อที่จะไปขอขมาขอโอกาสจากผู้ปกครองของน้อง เพื่อให้โอกาสครูหนุ่ย ให้ความรักความเมตตา เพราะครูหนุ่ยไม่ได้มีเจตนาจะไม่ช่วยเหลือ อยากขอโอกาสให้ผู้ปกครองเห็นใจเมตตาใช้สิทธิ์เหมือนกับคุณครูทั้ง 2 ท่าน คือ ครูน้อย กับ ครูปูเป้ ด้วย
ขณะเดียวกัน ครูหนุ่ยยืนยัน ตนไม่ได้ฟังคำพูดใคร เพียงคิดถึงวันข้างหน้า หากตนจะหาเงินมาจากที่ไหน เพราะภาระครอบครัวค่อนข้างเยอะ และยอมรับ ตนกลัวและเป็นกังวลมาก หลังครอบครัวปฏิเสธการให้โอกาสกับครูหนุ่ย เพราะใครก็คงไม่อยากที่จะไปศาล เป็นคำว่าศาล ใครก็กลัว ซึ่งครูหนุ่ยอ้างไม่รู้กฏหมาย เมื่อนึกถึงครอบครัว จึงยอมรับว่ากลัวมากๆ
จากนั้นทีมข่าวจึงสอบถามประเด็นหลังครอบครัวไม่รับขอขมา ครูหนุ่ย เผยทั้งน้ำตาอีกว่า หากไม่รับ ครูยืนยันก็จะไปอีก จะไปจนกว่าทางครอบครัวผู้ปกครองจะเห็นใจคุณครู ซึ่งครูยอมรับอยากจะเยียวยา ไม่ได้มีความรู้สึกไม่เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ด้วยตนเป็นผู้หาเงินด้วยความยากลำบาก เพราะเงินตอนนี้ก็ยังไม่มี ไม่รู้จะไปหาจากที่ไหน
และครูก็อยากจะขอโอกาส กับผู้ปกครองของน้อง ให้โอกาสครูหนุ่ยด้วย ครูหนุ่ยขอความเมตตา ความรักให้โอกาสครูหนุ่ยได้ใช้สิทธิ์เหมือนคุณครูทั้งสองท่านอีกครั้ง
ส่วนประเด็นแนวทางต่อไปในการหาเงิน ครูหนุ่ยเผยว่า ก็คงต้องกู้ยืมเงิน เพราะไม่มีเงินติดตัวเลย หากจะเรียกจำนวนเงินมากขึ้น ก็ยอมรับว่าไม่มีเงินจริงๆ ซึ่งภาระต่างๆในครอบครัวก็มีแต่เพียงครูหนุ่ยที่ดูแล จึงไหว ที่จำนวน 1 แสนบาท จึงอยากขอใช้สิทธิ์เหมือนคุณครูทั้ง 2 ท่านเพราะว่าครูหนุ่ยก็ไม่ได้มีเจตนาว่าจะไม่ไม่เยียวยาคือเราก็รับเงื่อนไขตัวนี้ไปแล้วตั้งแต่ครั้งแรกแต่มันก็มีประเด็นทำให้คิดกังวล
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามประเด็น หลังจากผู้ปกครองศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคอนกามไม่เห็นด้วยที่จะให้ครู ทั้ง 2 ท่าน เปลี่ยนไปสอน ครูหนุ่ยเผย ขอความเมตตาจากผู้ปกครองให้ความรักความเอ็นดูครูหนุ่ยด้วย เพราะตนไม่ได้มีเจตนาไปทำร้ายเด็ก ซึ่งเกิดจากการประมาทในช่วงระยะเวลาที่เด็กไปกินข้าว ครูไม่สามารถที่สโคปเด็กไว้ในความดูแลได้ตลอดเวลา เพราะเป็นช่วงกระจายตัว ส่วนทางคดีคงให้เป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามหน้าที่ต่อไป ซึ่งตนจะย้ายไปสอน ประมาณสัปดาห์หน้า วันที่ 15 ก.ค. นี้