จากกรณีวันนี้ (9 ก.ค. 2567) เวลา 10.00 น. ตำรวจ สน.สามเสน รับแจ้งเหตุพบศพหญิงสาวอยู่ภายในห้องพักอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซอยสามเสน 28 ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุบริเวณห้องพักชั้น 2 เจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้เจ้าของหอพักเป็นคนเปิดประตู จากการตรวจสอบหลังจากเปิดประตู พบหญิงไทย ทราบชื่อ นางสาวเขมฤทัย หรือ แอ้ม อายุ 30 ปี อดีตทำงานเป็นแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ที่รัฐสภา นอนเสียชีวิตบนที่นอนอยู่ภายในห้องเช่าดังกล่าว ในสภาพมีบาดแผลถูกอาวุธมีด แทงเข้าที่ลิ้นปี่ 1 แผล นอนเสียชีวิต คาดว่าเสียชีวิตวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบอาวุธมีดดาบซามูไร พร้อมซองใส่ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นผลชันสูตรแพทย์ระบุว่าถูกฆาตกรรม
ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ตามความคืบหน้าเกี่ยวกับชายต้องสงสัย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดของอพาร์ตเมนต์ จับภาพชายต้องสงสัยสวมใส่ชุดทหาร สวมหมวก ถือของพะรุงพะรัง และมีกระเป๋าสะพายหลัง เดินลงจากตึกที่เกิดเหตุ ในวันที่ 29 มิ.ย. เวลา 18.25 น. โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด 3 ตัว ของอพาร์ตเมนต์จับภาพเอาไว้ได้ โดยตัวแรกจะเป็นตรงบันไดที่เห็นว่าชายต้องสงสัยใส่ชุดทหาร ซึ่งคาดว่าเป็นแฟนของคนตายที่หายไป เดินลงบันไดมา มีลักษณะคล้ายจะยกมือทำความเคารพโดยตะเบ๊ะ หรือวันทยาหัตถ์ บริเวณจุดทางออกประตู ก่อนที่จะเดินผ่านจุดจอดรถมอเตอร์ไซค์และเดินออกประตูของอพาร์ตเมนต์ จากนั้นเดินผ่านกลุ่มคนที่พักอยู่ในตึก โดยไม่มีอะไรผิดสังเกต และมีการหลบหนีออกไปจากตึก
โดยจากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ตายพักอาศัยอยู่กับแฟนเป็นทหารเกณฑ์ ชื่อ นายสุนัย อายุ 24 ปี ปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย ซึ่งหลังก่อเหตุเจ้าตัวได้หลบหนีกลับไปยังค่ายทหารดังกล่าว ก่อนจะถูกทหารประจำค่ายนำตัวนายสุนัยมามอบตัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ทำบันทึกจับกุมตามหมายจับและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สามเสน ไปดำเนินคดีต่อไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณด้านหน้าตึกที่เกิดเหตุ โดยมีเหตุการณ์เมื่อเช้าวันนี้ 9 ก.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. เศษ หลังจากรับแจ้งว่าพบมีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องชั้น 2 จึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน และรวมถึงกู้ภัยเข้ามาในที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบ
ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า หลังจากที่มีการเคลื่อนย้ายร่างของนางสาวเขมฤทัย พบว่าเจ้าหน้าที่บางส่วนโดยเฉพาะอาสากู้ภัยยังคงสแตนด์บายอยู่ที่ตึก เพื่อรอรับคำสั่งในการเคลียร์ห้องที่เกิดเหตุ เนื่องจากมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ และระหว่างนั้นได้มีญาติของคนตายเดินทางมาจากบ้าน ย่านลาดพร้าว ซึ่งมาที่เกิดเหตุ โดยหนึ่งในนั้นคือ นางสาวดาริกา อายุ 29 ปี น้องสาวของคนตาย ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับอาการเสียใจ
โดยนางสาวดาริกา เผยว่า เมื่อเช้าตนเองรับโทรศัพท์ ซึ่งตอนแรกก็เข้าใจว่ามีคนโทร. มาอำเล่นว่าพี่สาวเสียชีวิต หลังจากยืนยันข้อมูลจึงได้รีบเดินทางมา ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าพี่สาวจะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะโดยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับใคร ส่วนการติดต่อกันครั้งสุดท้ายก็นานมาพอสมควร เพราะช่วงหลังไม่ค่อยได้คุยกัน จะมีคุยกันบ้างก็ตอนที่พี่สาวโทร. มาขอเงินครั้งละ 500 บาท โดยอ้างว่าเงินหมุนไม่พอใช้ และทุกครั้งที่พี่สาวโทร. มาตนเองก็รู้ว่าพี่สาวโทร. มาขอเงิน แต่ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องปมปัญหาว่าไปมีเรื่องอะไรกับใครที่ไหน
สำหรับชายต้องสงสัยซึ่งเป็นแฟนทหาร ตนเองไม่แน่ใจว่าเป็นคนเดียวกันกับที่เมื่อปลาย ปี 2566 งานลอยกระทง ที่ทั้งคู่ไปลอยกระทงด้วยกันใช่คนเดียวกันหรือไม่ เพราะคนนั้นก็เป็นทหารเหมือนกัน แต่วันนี้ทราบว่า แฟนทหารหายตัวไป (นายสุนัย) ตนเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าใช่ฝีมือของเขาหรือไม่ แต่ถ้าเกิดใช่ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่โหด และเกินที่มนุษย์เขาทำกัน และถ้าหากใช่จริง ตนเองก็อยากจะถามต่อหน้า ว่าทำไมต้องทำกับพี่สาวตัวเองแบบนี้ หากจะเลิกหรือไม่รักกันแล้ว ก็ทำไมถึงไม่เดินออกจากชีวิตกันโดยดี ทำไมถึงต้องฆ่ากัน แถมยังมีการอำพรางศพทิ้งให้พี่สาวนอนตายอยู่ในห้องนานเป็นสัปดาห์กว่าจะมีคนรู้ ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าจะทำกับพี่สาวตนเองแบบนี้ และหากใช่จริงก็ขอให้ถูกจับโดยเร็ว และย้ำว่าจะไม่ให้อภัยอย่างเด็ดขาดเด็ดขาด
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดสุดท้ายวันที่ 28 มิ.ย. ตามที่วินมอเตอร์ไซค์ให้ข้อมูลกับทีมข่าว ว่ามีการไปส่งคนตายออกไปทำธุระซื้อของ และเตรียมตัวจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดสุดท้ายเห็นเจ้าตัวนั่งซ้อนท้ายรถวินมอเตอร์ไซค์ ช่วงเวลาประมาณ 20.45 น. โดยประมาณ ก่อนที่คืนถัดมาเจ้าตัวจะถูกฆ่าตาย
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้มีการตรวจสอบความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของนายสุนัย แฟนทหาร ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัย แม้ว่าเจ้าตัวจะยังมีการรับสารภาพว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การเสียชีวิตนั้น โดยพบความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊ก มีการโพสต์สตอรี่ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยประมาณ ซึ่งเจ้าตัวได้มีการโพสต์สตอรี่พร้อมกับเพลงประกอบ โดยเป็นภาพเจ้าตัวถือปืน และมีการใช้เพลงประกอบทำนองว่า “เป็นตัวเองวันนี้มันก็ดีที่สุดแล้ว รู้สึกดีที่ใช้ทุกลมหายใจ เพื่อใครสักคน” และยังได้มีการลงสตอรี่ ในชุดเครื่องแบบทหารซึ่งถ่ายคู่กับเพื่อนที่เป็นทหารด้วยกัน
จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กยังพบว่า เจ้าตัวมีการใช้ภาพปก ซึ่งมีการเปลี่ยนเมื่อวันที่ 26 พ.ค. โดยภาพที่ใช้มีข้อความระบุว่า “ฉันจะซื่อสัตย์กับเธอ ทั้งต่อหน้าและรับหลัง” ซึ่งมีภาพการ์ตูนประกอบ เป็นรูปผู้ชายกับผู้หญิงหันหลังจับมือกัน แม้ว่าจะอยู่ในสังคมคนละแบบ
ด้าน นายวิชิต อายุ 61 ปี เจ้าของอพาร์ตเมนต์ เผยว่า ตัวของคนตายมาเช่าห้อง ช่วงปี 2565 โดยมาอาศัยอยู่เพียงคนเดียว แต่มาช่วงหลัง พบว่าเจ้าตัวมีแฟนเป็นทหาร ก็จะมีการพามาที่ห้องบ้างบางครั้ง แต่แฟนทหารไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยที่นี่เป็นประจำ ลักษณะเทียวไปเทียวมา และครั้งสุดท้ายตนเองเห็นทหารคนดังกล่าว ออกจากตึกวันที่ 29 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ซึ่งมีลักษณะแปลกมีการขนสัมภาระและกระเป๋าจำนวนมากพะรุงพะรัง มีสะพายอยู่ด้านหลัง 1 ใบ และถือติดมือไปด้วยอีก โดยตนเองได้มีการสอบถามว่าจะไปไหน โดยตัวของแฟนทหารอ้างว่าจะย้ายไปทำงานที่อื่น ซึ่งในวันนั้นก็ไม่ได้พบเห็นความผิดปกติอะไร นอกจากเห็นเก็บข้าวของออกไปจำนวนมากผิดปกติ
สำหรับตัวของผู้หญิงนับตั้งแต่ที่เห็นว่าผู้ชายออกไปก็ไม่เห็นความเคลื่อนไหวอีก จึงเข้าใจว่าน่าจะเกิดเหตุในวันที่ 29 มิ.ย. และหลังจากนั้นประตูห้องก็ถูกล็อกจากด้านนอก จนมีลูกบ้านภายในตึก มีการถามกันว่าทำไมช่วงนี้ไม่เห็นคนตายออกมาใช้ชีวิตหรือไปไหนมาไหน ซึ่งตอนแรกก็เข้าใจว่าน่าจะเดินทางไปอยู่ต่างจังหวัดกับแฟนทหาร จึงไม่มีใครเอะใจ และครั้งแรกเริ่มได้กลิ่นเหม็นประมาณช่วงวันที่ 3 ก.ค. แต่ก็ยังหาต้นทางไม่ได้ว่าเหม็นมาจากห้องไหน จึงไม่ได้มีการเข้าตรวจสอบ จนกระทั่งช่วงค่ำวานนี้ มีลูกบ้านทนกลิ่นไม่ได้จึงตัดสินใจขอให้มีการเปิดห้อง และในเช้านี้วันนี้ตนเองจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยกันตรวจสอบ เพราะไม่กล้างัดห้องเอง จนกระทั่งพบว่าเจ้าตัวกลายเป็นศพอยู่ในห้องมีผ้าห่มคลุมอยู่
และเท่าที่ตนเองได้มีการสอบถามคนที่พักอยู่ในตึก ก็ไม่มีใครได้ยินคนทะเลาะกันในคืนนั้น จึงเข้าใจว่าน่าจะมีการก่อเหตุในช่วงเสี้ยววินาทีหรือไม่ เพราะถ้าหากคนทะเลาะกันต้องได้ยินเสียงดังลั่น แต่ในวันนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ และที่สำคัญก็มีกลุ่มผู้ชายที่เป็นคนที่ที่พักในตึกมารวมตัวกันอยู่ข้างล่างกันหลายคน ก็ไม่มีใครเห็นความผิดปกติเช่นกัน