จากกรณี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผู้การจ๋อ นำทีมสืบนครบาล IDMB นำโดยสารวัตรแจ๊ะ ผู้กองโชแปง ได้เข้าจับกุม นายนาวา หรือ ไดรเวอร์ติ๊ก หรือ “ติ๊ก นาวา” อายุ 36 ปี ได้กลางถนน หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยก่อเหตุขโมยภาพถ่ายโบราณอายุ 120 ปี ของ CEO เจ้าพ่อสื่อโฆษณาชื่อดัง ซึ่งเป็นเจ้านายของตัวเอง นั้น
โดย นายติ๊ก นาวา ผู้ต้องหา ขโมยภาพถ่ายโบราณอายุ 120 ปี ของเจ้านายของตัวเอง จำนวน 4 ภาพ ในช่วงวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังบ้านเจ้านายเกิดเหตุเพลิงไหม้ จากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังไปทำงานตามปกติ ซึ่งภาพที่ขโมยเป็นภาพถ่ายล้ำค่า ประกอบด้วย พระบรมฉายาลักษณ์ ร.5 พร้อมพระปรมาภิไธย จำนวน 4 ภาพ อายุกว่า 120 ปี ซึ่งไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ สูญหายไปจากบ้านพักซึ่งเป็นคฤหาสน์หรู และนำไปขายในตลาดมืดแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้ นายติ๊ก นาวา ที่เป็นพนักงานขับรถให้กับ CEO รายนี้ และจากการตรวจสอบ ยังพบอีกว่าตัว นายติ๊ก เข้าไปทำงานอยู่กับ CEO รายนี้ ตั้งแต่ปี 2565 และตีสนิทจนได้รับความไว้ใจ จนสามารถเข้าถึงห้องที่เก็บสมบัติล้ำค่าของตระกูลได้ ซึ่งปกติห้องดังกล่าวบุคคลหรือคนงานทั่วไปจะไม่สามารถเข้าถึงห้องนี้ได้ ฝ่ายสืบสวนจึงมีการวางแผนสะกดรอยตามเพื่อดูพฤติกรรม จนสามารถจับกุมตัวได้ในวันนี้ ขณะที่นายติ๊ก กำลังขับรถเพื่อมุ่งหน้าไปบุญครอง แต่เมื่อผ่านเส้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีการเข้าปิดสกัดและแสดงหมายจับเข้าทำการจับกุม
เบื้องต้น ติ๊ก นาวา ให้การว่า ขายทรัพย์สินที่เป็นภาพถ่ายทั้ง 4 ภาพไปในราคารวม 100,000 บาท ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยว่า มีการวางแผนมาก่อนหรือไม่ เพราะเจ้าตัวอ้างว่า ไม่ได้วางแผนไว้ แต่จังหวะที่ไฟไหม้เหมือนจังหวะพอดีกัน เพราะการที่บ้านเกิดเพลิงไห้สิ่งสำคัญอย่างแรกคือต้องดูแลชีวิตทรัพย์ แต่การที่คนร้ายอาศัยจังหวะมาซ้ำเติม ไปนำเอาทรัพย์สินที่มีมูลค่า 120 ปี มีมูลค่าทางจิตใจไป
โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ชุดสืบสวนนครบาลได้คุมตัว ติ๊ก นาวา ไปส่ง สน.บางนา ซึ่งทันทีที่ ติ๊ก นาวา เจอนักข่าว ได้สะอื้นไห้ พร้อมยกมือไหว้ และพูดว่า "ผมเดินทางผิด" ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า มีใครสั่งให้มาขโมยของหรือไม่ เจ้าตัวอ้างว่า ไม่มีใครสั่งให้ขโมย แต่ยอมรับว่า ไปกู้เงินมา จากแก๊งวัดด่าน ที่เคยถูกจับกุมในคดียิงฟอร์จูนเนอร์จริง เพราะเป็นหนี้รอบด้าน ยิบย่อยทั่วไป เลยหาทางออกในทางที่ผิด ตนเองสำนึกผิดแล้ว
และเมื่อถามว่า เจ้านายเขาไว้ใจเราขนาดนั้นทำไมถึงกล้าขโมย ติ๊ก นาวา ตอบย้ำอีกว่า สำนึกผิดแล้ว และไม่ได้นัดแนะกับใครมาก่อน ไม่รู้ว่ารูปมีมูลค่าที่สามารถขายได้ แต่จำไม่ได้ว่าเอาไปขายในราคาเท่าไร พร้อมยกมือไหว้ ขอโทษกับเจ้านาย และปฏิเสธอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจเข้าไปทำงานเพื่อขโมยของ และไม่ได้ตั้งใจกลับไปเอารูปตอนไฟไหม้ สิ่งที่ทำไม่มีใครช่วย ทำเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ พฤติการณ์ในการก่อเหตุของนายติ๊ก ที่คล้ายกับจอมโจรลูแปง ตัวละครในภาพยนตร์ คือ จะล็อกเป้าหมาย และก่อเหตุ เพราะการลักทรัพย์ครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เป็นการลักทรัพย์ตอนเกิดเพลิงไหม้ และช่วงเกิดเหตุเพลิงไหม้คือ เดือน พ.ค. และหลังเกิดเหตุ ติ๊ก นาวา ก็ยังไปทำงานตามปกติ ตั้งแต่เดือน พ.ค. - ก.ค. โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งก็คาดว่าน่าจะมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ แต่คนร้ายย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ และที่ผ่านมาเจ้านายของ ติ๊ก นาวา ดูแลเขามาอย่างดี ไว้ใจเขามาก เพราะสามารถเดินเข้าออกพื้นที่ของบ้านในพื้นที่ที่รักษาความปลอดภัยได้ ซึ่งก่อนหน้านี้บ้านหลังดังกล่าวไม่เคยมีเหตุการณ์ทรัพย์สินหายมาก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร