จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (8 ก.ค.) ได้พบศพชายรูปร่างท้วม สวมเสื้อลายขวางสีขาวแดง นุ่งกางเกงขายาวสีดำ บริเวณคอมีรอยสักสร้อยสังวาลย์, บริเวณหน้าอกมีรอยสักรูปเสือเผ่น, บริเวณท้องหน้ามีรอยสักราหูอมจันทร์ยันต์มหาอุด, บริเวณแผ่นหลังสักรูปฤาษีเดินดง, บริเวณแขนซ้ายมีรอยสักรูปมังกร ซึ่งเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตได้ เนื่องจากไม่พบเอกสารประจำตัวระบุว่าเป็นใคร โดยสภาพศพนั้นได้นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา พื้นที่หมู่ 4 ตำบลท่าชุมพล อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพนิ่งของผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ซึ่งจะเห็นสภาพของศพที่ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรอยสักยันต์ตามร่างกาย, ร่องรอยบาดแผลตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือทั้งสองข้างที่หายไปบางส่วน ซึ่งก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะถูกตัดหรือถูกสัตว์เลื้อยคลานกัดแทะ เนื่องจากในพื้นที่ของตำบลท่าชุมพลนั้นมักจะมีตัวเงินตัวทองอยู่อาศัย
ล่าสุด (9 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดพบศพ ซึ่งพบว่าบริเวณผิวน้ำนั้นยังคงมีคราบไขมันจากศพลอยอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งสังเกตเห็นว่าระดับน้ำนั้นสูงประมาณ 15 เซนติเมตร โดยที่ในทุ่งนานั้นมีเพียงหญ้าที่ขึ้นรก ยังไม่ได้มีการปลูกข้าวแต่อย่างใด ขณะเดียวกันทางด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างราชบุรีก็ได้เดินทางมาพร้อมกับชุดสืบสวน สภ.โพธาราม เพื่อลงสำรวจบริเวณจุดพบศพเพิ่มเติม ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวน 3 คน ก็ได้มีการเดินถอดรองเท้าลงไปภายในน้ำและมีการใช้เท้าสัมผัสคลำหาวัตถุอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยที่มีการเดินค้นหาอยู่ประมาณ 30 นาที ซึ่งก็มีการพบเพียงไม้ไผ่กลมยาวขนาด 1 ช่วงแขนในจุดที่พบศพของผู้เสียชีวิต นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้พบกับสิ่งผิดปกติใด
ต่อมานางเพ็ญพิมล อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างราชบุรี ก็ได้เผยว่า เมื่อสักครู่ที่ตนได้เดินลงไปที่ทุ่งนาเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ลงไปสำรวจร่องรอยเพิ่มเติม ว่าจะยังมีทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหลงเหลืออยู่หรือไม่ เผื่อว่าจะพอมีอะไรที่สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมได้ แต่จากการเดินสำรวจก็ไม่ได้พบกับวัตถุอื่นจะมีก็แต่ไม้ไผ่ 1 กิ่งที่ในพบบริเวณจุดพบศพ ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ ซึ่งระดับน้ำประมาณข้อเท้าก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะทำให้คนเสียชีวิต เนื่องจากสภาพศพก็อยู่ในลักษณะคว่ำหน้า
ส่วนรอยช้ำตามลำตัวนั้นก็ยืนยันว่ามีจริง แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้เสียชีวิตจะเป็นลมหมดสติแล้วล้มลงไปกระแทกหรือเปล่า หรือแม้แต่บาดแผลบริเวณมือทั้งสองข้าง ที่พบว่านิ้วมือได้หายไปนั้น ก็เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกสัตว์แทะ แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งตามความเป็นจริง ศพได้เสียชีวิตมานานจนเน่าเปื่อย หากตัวเงินตัวทองมารุมแทะจริงสภาพศพก็น่าจะเสียหายมากกว่านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องรอผลจากนิติเวชอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ขอยืนยันว่าที่ร่างของผู้เสียชีวิตไม่มีทรัพย์สินอื่น แม้แต่รองเท้าก็ไม่มี ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่าทำไมรองเท้าถึงหายไป ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่มีเอกสารอื่นใด มีเพียงแค่ใบจากยาเส้นและไฟแช็กจำนวน 2 อัน
ต่อมาทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจละแวกใกล้เคียงจุดพบศพ ซึ่งก็พบกับเล้าเป็ดที่ตั้งอยู่ห่างจากจุดพบศพประมาณ 500 เมตร ปรากฏว่าด้านข้างของคอกเป็ดนั้นมีเสื้อผ้ากองอยู่จำนวนหนึ่ง โดยเป็นเสื้อผ้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบว่าถูกทิ้งอยู่ในคูน้ำ ประกอบไปด้วย เสื้อสีเหลือง 1 ตัว, กางเกงยีนส์สีดำขาสั้น 1 ตัว, กางเกงยีนส์ขายาว 1 ตัว, ผ้าเช็ดตัว 1 ผืน, รองเท้าแตะ 1 คู่ โดยที่เสื้าผ้านั้นยังคงดูใหม่อยู่ เพียงแต่จะมีคราบดินคราบโคลนที่แห้งกรังติดอยู่บางส่วน
ต่อมาทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับลูกจ้างของคอกเป็ด ทราบชื่อคือ นายสนั่น อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า ตนนั้นได้ทำงานเลี้ยงเป็ดให้กับนายสมคิด หรือ เถ้าแก่ไก่ (เจ้าของคอกเป็ด) โดยตนนั้นเคยมีร่วมงานเป็นชายชาวลาว 1 คน ซึ่งตนก็จำไม่ได้ว่าเขาชื่ออะไร แต่เพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวนั้นได้ลาออกและขอกลับบ้านเกิดไปนานกว่า 1 เดือนแล้ว ซึ่งตนก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับชายชาวลาวเพียงไม่นาน แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนขยันและรักครอบครัว เนื่องจากหน้าจอโทรศัพท์เขาได้ตั้งรูปลูกเมียเอาไว้
นักข่าวก็ได้ถามต่อว่าตอนที่เพื่อนร่วมงานชาวลาวกลับบ้าน นายสนั่นได้เห็นกับตาตัวเองหรือเปล่า โดยนายสนั่นก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เห็นกับตาแต่เถ้าแก่ไก่นั้นเป็นคนบอก เถ้าแก่บอกว่ามีรถแท็กซี่มารับเพื่อนร่วมงานชาวลาวไปแล้ว พร้อมกับบอกว่ามีการจ่ายค่ารถไปให้ 5,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นหลายวัน เถ้าแก่ก็บอกตนว่าเพื่อนร่วมงานชาวลาวเดินทางถึงบ้านแล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายได้มีการโทรศัพท์มาแจ้ง แต่นายสนั่นก็ไม่ได้ยินกับหูตัวเอง แต่ตนก็มั่นใจว่าเพื่อนร่วมงานชาวลาวนั้นได้กลับบ้านเกิดไปแล้ว ยืนยันว่าเพื่อนร่วมงานไม่มีรอยสักเพราะเคยอาบน้ำด้วยกัน 1 ครั้ง
นอกจากนั้นทีมข่าวก็ได้ถามถึงเสื้อผ้าที่พบอยู่ใกล้กับคอกเป็ดว่าเป็นของใคร นายสนั่นก็ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า เป็นของเพื่อนร่วมงานชาวลาว พร้อมกับยอมรับว่าตนเป็นคนนำมาทิ้งไว้เอง เนื่องจากเห็นว่าเพื่อนร่วมงานได้กลับบ้านเกิดไปแล้ว ตนก็ไม่ได้อยากนำเสื้อผ้ามาใส่ต่อจึงตัดสินใจนำไปทิ้ง แต่เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่เอาไปทิ้งที่ถังขยะ นายสนั่นก็ให้เหตุผลว่าปกติตนก็ทิ้งขยะที่คูบริเวณนี้อยู่แล้ว