จากกรณีการเสียชีวิตของ ด.ญ.ชลธิชา ก้อนทรัพย์ หรือน้องเมย์ วัย 1 ขวบ 9 เดือน ซึ่งเสียชีวิตในช่วงเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 โดยน้องเมย์ ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนครนายก ด้วยอาการถูกของแข็งกระแทกบริเวณศีรษะจนทำให้เลือดข้างในสมอง ซึ่งในเบื้องต้นมีพยานเห็นว่า นายพิชิต อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ที่รับเลี้ยงน้องเมย์ เป็นผู้ทำร้ายน้องเมย์ จนมีอาการหมดสติ ตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2567 จนกระทั่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลนครนายกในช่วงเช้าวันนี้

 

จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังวัดสว่างอารมณ์ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งทางญาติได้จัดงานศพของน้องเมย์ที่วัดแห่งนี้ โดยจะมีการจัดสวดอภิธรรมเป็นเวลาห้าคืน และจะทำการฌาปนกิจในวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 ซึ่งบรรยากาศในงานก็ได้มีการรดน้ำศพในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. โดยได้มีทาง คุณบุ๋ม ปนัดดา ประธานมูลนิธิองค์กรทำดี เป็นผู้ดูแลในเรื่องงานศพทั้งหมด นอกจากนั้นถ้าหากต้องมีการสู้คดีก็จะจัด ทนายความมาดูแลในเรื่องดังกล่าวด้วย

 

โดยหลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ชนาภา อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้องเมย์ โดยได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า

 

“ ตนนั้นได้เลิกรากับพ่อของน้องเมย์ตั้งแต่น้องเมย์อายุได้เพียงสามเดือน โดยหลังจากที่เลิกราตนก็คิดว่าศักยภาพของตนไม่สามารถดูแลน้องเมย์ได้จึงให้ทางฝ่ายพ่อของเขาเป็นผู้ดูแล หลังจากนั้นตนจึงได้ไปอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตน และได้หางานทำเพื่อเก็บเงินและคิดว่าจะไปรับน้องเมย์กลับมาเลี้ยงเอง ซึ่งในตอนหลังตนได้ขอรับน้องเมย์กลับมาเลี้ยงเองแต่ทางบ้านของพ่อของเขาได้บอกกับตนว่าจะขอเป็นผู้ดูแลน้องเมย์ด้วยตัวเอง 

 

โดยหลังจากนั้นตนก็ไม่ทราบว่าทางบ้านของพ่อของน้องเมย์ได้นำน้องเมย์ไปฝากไว้ให้กับคนอื่นเลี้ยง ซึ่งตนมาทราบอีกครั้งหนึ่งก็ในช่วงที่เกิดเหตุกับน้องเมย์และน้องเมย์ต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งในวันนั้นตนทราบเรื่องจากป้าของน้องเมย์ได้โทรไปบอกกับตนว่าน้องเมย์ประสบอุบัติเหตุกระทบกระเทือนทางสมองและต้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส หลังจากที่ตนทราบตนรู้สึกตกใจและเสียใจมากตนจึงได้รีบเดินทางมาที่จังหวัดนครนายกเพื่อมาดูน้องเมย์

 

หลังจากนั้นตนมาทราบว่านายพิชิตซึ่งเป็นสามีของผู้ที่ดูแลน้องเมย์ได้เป็นผู้ก่อเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจและอยากจะถามเขาว่าว่าทำไมถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะสาเหตุอะไร แต่ก็มาทราบภายหลังว่านายพิชิตนั้นมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดตนจึงคิดว่าอาจจะเป็นเพราะการขาดยาหรือไม่ ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ตนก็ถูกสังคมโจมตีในเรื่องทำไมเป็นแม่ถึงไม่ดูแลน้องเมย์ด้วยตัวเอง โดยในเรื่องนี้นั้นตนอยากจะชี้แจงว่าแต่ละคนก็มีศักยภาพไม่เท่ากันซึ่งในตอนที่ตนเลิกรากับพ่อของน้องเมย์ไปนั้นตนก็รู้ตัวดีว่าตนไม่สามารถดูแลน้องเมย์ได้จึงต้องฝากไว้ให้กับทางพ่อเขาดูแลก่อน แต่ตนก็ตั้งใจที่จะไปหางานทำและตั้งตัวและคิดว่าจะรับน้องเมย์ไปดูแลเองแต่ก็มาเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้น้องเมย์เสียชีวิตเสียก่อน

 

ทั้งนี้ผลจากการชันสูตรของแพทย์ในเบื้องต้นได้แจ้งกับตนว่าสาเหตุที่ทำให้น้องเมย์เสียชีวิตเกิดมาจากการกระทบกระเทือนทางสมอง และมีเลือดข้างในสมองจึงทำให้ต้องเสียชีวิตนอกจากนั้นตามเนื้อตัวก็ยังมีร่องรอยเขียวช้ำจากการถูกทำร้าย ในส่วนเรื่องของการกระทำชำเรานั้นทางแพทย์ได้แจ้งว่าบริเวณอวัยวะเพศของน้องเมย์นั้นก็มีรอยช้ำและรอยถลอก แต่ไม่มีการฉีกขาดของอวัยวะเพศและพรหมจรรย์ ทั้งนี้ตนจะต้องรอผลการตรวจละเอียดของทางแพทย์อีกครั้งหนึ่ง

 

สุดท้ายตนก็อยากบอกกับน้องเมย์ว่าตนขอโทษที่รับน้องเมย์ไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กและเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับน้องเมย์และตนอยากบอกกับน้องเมย์ว่าตนรักน้องเมย์มาก”

โดยในวันนี้ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปยังบ้านของนายพิชิต โดยทีมข่าวได้พบกับ น.ส.ศรีไพ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นผู้รับเลี้ยงน้องเมย์และเป็นภรรยาของนายพิชิต โดย หลังจากทราบว่าน้องมีเสียชีวิต ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า

 

“ ในกรณีรับเลี้ยงน้องเมย์นั้นตนได้รับเลี้ยงน้องเมย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงวันที่เกิดเหตุก็เป็นเวลาประมาณสองเดือนกว่า ซึ่งตนได้รับเลี้ยงในลักษณะที่ไม่ใช่การว่าจ้างเลี้ยงเด็ก แต่เป็น ลักษณะทางญาติของนายพิชิตสามีของตน ได้นำน้องเมย์มาฝากให้กับตนเลี้ยง 

 

โดยในที่เกิดเหตุนั้นตนได้ออกไปทำงาน ซึ่งที่บ้านน้องเมย์ก็อยู่กับลูกสาวลูกสาวของตนและลูกชาย กับนายพิชิต จากนั้นตนจึงกลับมาที่บ้านช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง โดยปกติน้องเมย์จะเดินออกมารับตนที่บริเวณข้างบ้านหลังจากได้ยินเสียงรถ แต่ในวันนั้นน้องเมย์ไม่ได้เดินออกมาตนจึงรู้สึกเอะใจ และได้เดินเข้าไปในบ้านนายพิชิตจึงบอกว่าน้องเมย์ได้พลาดตกมาจากบริเวณพื้นต่างระดับและหัวฟาดพื้นจนทำให้หมดสติ ซึ่งสภาพที่ตนเห็นน้องเมย์ในวันนั้นก็คือน้องเมย์นั้นหมดสติและเริ่มตัวเขียว แต่มีร่องรอยฟกช้ำบริเวณแผ่นหลังลำตัวและแขนขา ซึ่งตนก็ไม่เชื่อว่าน้องเมย์จะตกจากบริเวณพื้นต่างระดับตามที่นายพิชิตบอก แต่ก็ได้รีบให้นายพิชิตขี่รถจักรยานยนต์พาน้องเมย์ไปส่งโรงพยาบาล และเมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ก็เลยแจ้งว่าต้องพาน้องเมย์ไปเอกซเรย์สมองเนื่องจากมีการกระทบกระเทือนทางสมอง

 

ซึ่งในวันนี้หลังจากที่ตนทราบว่าน้องเมย์ได้เสียชีวิตตนก็รู้สึกเสียใจเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะตนรู้สึกรักและผูกพันกับน้องเมย์ โดยตนรักน้องเมย์เหมือนลูก ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้ที่เอามาฝากให้ตนเลี้ยงก็เคยมาขอคืนไปซึ่งตนก็ได้ให้คืนไป แต่ไปเพียงสองวันเขาก็นำน้องเมย์กลับมาคืนให้กับตน และในที่เกิดเหตุตนยืนยันว่าตนมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งลูกของตนก็เป็นพยานว่าเห็นนายพิชิตได้ทำร้ายน้องจริง ในส่วนเรื่องการกระทำชำเรานั้น ในเรื่องนี้ตนไม่ทราบ ต้องรอผลตรวจอย่างละเอียดของทางแพทย์อีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้านายพิชิตเป็นผู้กระทำในลักษณะดังกล่าวนี้จริง ตนก็มองว่านายพิชิตเหยียดหยามศักดิ์ศรีของตนมาก และเป็นคนที่เลวมากที่ทำแบบนี้ และตนก็อยากจะบอกกับเขาว่า ถ้าเขาทำแบบนี้จริงเค้าเป็นคนเลวมากและขอให้เขารับกรรมที่เขาทำไว้ ให้สาสมที่สุด

 

ในส่วนตัวนั้นไม่เคยเห็นนายพิชิตจะมีพฤติกรรมที่สอบไปในทางที่จะล่วงละเมิดกับน้องเมย์ ไม่เคยเห็นว่าเขาจะไปทำไม่ดีกับน้องเมย์ในเชิงลักษณะนั้น แม้กระทั่งตอนอาบน้ำเขาก็เป็นคนอาบให้โดยหลังจากอาบน้ำให้น้องเมย์เสร็จเขาก็รีบแต่งตัวให้ แต่ในเรื่องการทำร้ายนั้นตนและลูกก็เคยโดนนายพิชิตทำร้าย ซึ่งตนเองก็โดนทำร้ายอยู่บ่อยครั้งแต่ตนก็ทนเพื่อลูก ซึ่งสาเหตุจากการทำร้ายนั้นน่าจะมาจากการที่เขาไม่ได้เสพยาเสพติด ซึ่งปกติเค้าก็ยังเสพอยู่ โดยในที่เกิดเหตุนั้นก็เป็นไปได้ที่เขาน่าจะไม่ได้เสพยาเสพติดจึงทำให้เกิดการคุ้มคลั่งและหงุดหงิดจึงทำร้ายน้องเมย์

 

ทั้งนี้ตนอยากจะขอโทษและขออโหสิกรรมกับน้องเมย์ ซึ่งถ้าหากเป็นไปได้ตนก็ไม่อยากให้น้องเมย์เสียชีวิต หรือแม้กระทั่งน้องเมย์จะกลับมาแบบไม่เต็ม 100% ตนก็จะเลี้ยงดูน้องเมย์ให้อย่างดีที่สุด ซึ่งหลังจากที่ ตนทราบว่าน้องเมย์เสียชีวิตนั้นตนก็รู้สึกเสียใจเสียใจเป็นอย่างมาก และตนได้ส่งข้อความไปขอโทษกับทางญาติของน้องเมย์ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนเองนั้นก็ไม่อยากให้เหตุการณ์เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น“

 

โดยหลังจากนั้น น.ส.ศรีไพ ได้นำขนมที่น้องเมย์ชอบ และซื้อให้น้องเมย์กินทุกวัน ใส่จานและไปวางไว้ที่กลางแจ้งบริเวณข้างบ้านหลังจากนั้นได้จุดธูปจำนวนหนึ่งดอก และได้บอกกล่าวกับน้องเมย์ให้มากินขนมที่น้องเมย์ชอบ และได้บอกกับน้องเมย์ว่าตัวเขาเองไม่สามารถไปที่งานศพได้และขออโหสิกรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษทางด้านญาติของน้องเมย์ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับน้องเมย์

ไร้ปาฏิหาริย์! 1 ขวบเหยื่อผัวพี่เลี้ยงโหดทำร้ายตายแล้ว