จากเหตุการณ์ที่พบร่างของ นางสาวเขมฤทัย หรือ แอ๋ม อดีตแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ที่รัฐสภา ถูกมีดซามูไรแทงบริเวณหน้าอก นอนเสียชีวิตอยู่ภายในอพาร์ตเมนต์ ย่านสามเสน ซึ่งเบื้องต้นแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน และศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ นายสุนัย ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งนายสุนัย เป็นทหารเกณฑ์ ปฏิบัติราชการสนามชายแดน จ.เชียงราย โดยตำรวจได้คุมตัวมาที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.)




มีรายงานว่า หลังจากแจ้งข้อกล่าวหาให้รับทราบตามหมายจับ และการสอบปากคำในเบื้องต้น นายสุนัย ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยอ้างว่าที่ลงมือก่อเหตุไปเพราะความหึงหวง จึงใช้มีดแทงนางสาวเขมฤทัย เสียชีวิต ตำรวจ สน.สามเสน อยู่ระหว่างการนำตัวกลับมาที่กรุงเทพมหานคร เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมและอาจจะเตรียมทำแผนประกอบคำสารภาพ


และกรณีการตั้งข้อสังเกตของผู้ที่พักอาศัยอยู่ในตึก หลังจากเห็นภาพกล้องวงจรปิดในวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งเป็นที่ตัวของนายสุนัย มีการหนีออกจากตึก และพบพฤติกรรมตอนที่เดินลงบันได ใช้มือขวา ลักษณะวันทยาหัตถ์ หรือตะเบ๊ะทางลงบันได นั้น




ล่าสุด (10 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่ตึกดังกล่าวอีกครั้ง ได้มีการทดสอบเดินลงจากบันไดจุดเดียวกันกับที่ภาพกล้องวงจรปิดปรากฏ ซึ่งหลังจากลงจากบันไดชั้น 2 จากห้องของคนตาย หลังจากลงบันไดลงมาแล้วจะพบกับประตูกระจกขึ้นลงของตึก ซึ่งจุดดังกล่าวมีแต่ป้ายข้อความซึ่งแมนชั่นได้มีการติดประกาศเอาไว้ แต่ไม่ได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งของที่สามารถที่จะเคารพหรือไหว้ได้ เนื่องจากเป็นบันไดเปล่า แต่ถ้ามองอีกมุมหลังจากที่ลงจากบันไดแล้ว มีการมองเยื้องออกไปที่ประตูทางออก จุดดังกล่าวจะมีศาลพระภูมิตั้งอยู่ หากมองอีกมุมเข้าใจว่าหลังจากลงตึกแล้ว มีการทำทำความเคารพศาลพระภูมิไหว้ศาลพระภูมิก่อนจะออกจากตึกหรือไม่


ขณะที่ทีมข่าวได้สอบถามนางสาวแอน (นามสมมติ) อายุ 46 ปี เพื่อนร่วมงานของนางสาวแอ๋ม ผู้ตาย เปิดเผยว่า น้องแอ๋ม มาทำงานเป็นแม่บ้านที่รัฐสภาได้ประมาณสองปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็รู้ว่าน้องแอ๋มมีการพูดคุยและคบหากับนายสุนัย ผู้ก่อเหตุ ที่เป็นพลทหาร เนื่องจากตนเองมักจะเห็นน้องมีการวิดีโอคอลคุยกับนายสุนัยบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเห็นผู้ก่อเหตุมาหาผู้ตายที่ทำงาน




โดยนางสาวแอ๋มได้ลาออกจากงานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพี่อจะกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดและดูแลลูก ซึ่งตนเองก็เจอผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายในวันนั้น ซึ่งที่ตนเองรู้ทั้งสองคนคบหากันมาแล้วประมาณหนึ่งปี และทราบว่าฝ่ายชายจะเป็นคนขี้หึง และตนเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าฝ่ายชายจะก่อเหตุรุนแรงกับเพื่อนร่วมงานได้ถึงขนาดนี้


ส่วนที่แอ๋มรู้จักกับผู้ก่อเหตุนั้น ทราบว่ารู้จักกันมาจากโซเชียล แต่ไม่รู้ว่าจากทางเฟซบุ๊ก หรือทาง TikTok และห้องที่เกิดเหตุก็เป็นห้องของแอ๋ม ซึ่งนายสุนัย ผู้ก่อเหตุ เมื่อมีการพักปฏิบัติราชการ ก็จะกลับมาอยู่กับแอ๋มที่ห้องแห่งนี้ครั้งหนึ่งประมาณ 6-7 วัน โดยก่อนหน้านี้ระหว่างแอ๋มเป็นโสดก็มีผู้ชายมาจีบอยู่บ้าง แต่หลังจากแอ๋มได้ไปคบกับผู้ก่อเหตุแล้ว เท่าที่ตนเองรู้ก็ไม่เคยเห็นแอ๋มคุยและยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนไหนอีกเลย


นอกจากนี้เพื่อนของผู้ตายยังให้ข้อมูลว่า ที่แอ๋มเคยเล่าให้ฟังมาคือนายสุนัยค่อนข้างเป็นคนที่ขี้หึงหวงหนักมาก ถึงขั้นต้องมีการเชื่อมบัญชีผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไลน์ ไว้ในโทรศัพท์ของนายสุนัยเอง เพราะคิดไปเองว่าน้องแอ๋มจะไปคุยกับผู้ชายคนอื่น จนกระทั่งวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีแชตไลน์ของแอ๋มทักมาหาเพื่อนที่ทำงานว่า "แอมจะไม่อยู่นะ แอ๋มจะเข้าป่า โทรศัพท์จะเอาไว้กับผัว จะติดต่อแอ๋มไม่ได้" ซึ่งพอเพื่อนทุกคนรู้เรื่องนี้ก็ไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากทั้ง เฟซบุ๊ก และไลน์ของแอ๋ม ทางด้านนายสุนัยมีการเชื่อมเข้าโทรศัพท์ตัวเองไว้ จึงคิดว่าน่าจะเป็นนานสุนัยที่ทักมาหาเพื่อนแบบนี้ ตนเองจึงได้ลบแชตดังกล่าวเพราะไม่อยากยุ่งกับนายสุนัยที่ก่อเหตุอยู่แล้ว




และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกล้องบริเวณด้านนอกตึกที่เกิดเหตุ โดยมีการจับเสียงการพูดคุยของคนที่พักในตึก ซึ่งในเสียงนั้นจะเป็นเสียงของชาวบ้านที่นั่งอยู่ แล้วมีการหยอกล้อทักทายกับนายสุนัย คนก่อเหตุ ก่อนที่จะเจ้าตัวจะเดินออกจากตึก ตามที่มีภาพกล้องวงจรปิดขาวดำก่อนหน้านี้จับภาพเอาไว้ได้


โดยในกล้องวงจรปิดที่มีเสียงจะไม่เห็นตัวของนายสุนัย แต่จับภาพในวันที่ 29 มิ.ย. เวลาประมาณทุ่มครึ่ง จับเสียงคนในตึกมีการหยอกล้อทักทายกับนายสุนัยก่อนที่จะหลบหนี มีการพูดทำนองว่า “หลบ ๆ หลบหน่อย รั้วของชาติจะเดิน ก่อนที่จะได้ยินเสียงหัวเราะแทรกซึ่งเป็นเสียงของชาวบ้านที่นั่งอยู่ จากนั้นจะได้ยินเสียงต่อเนื่องทำนอง “ไหนบอกจะไปทำธุระไม่กี่วัน เอาของไปขนาดนี้คงไปนานละมั้ง”




ล่าสุดเมื่อเวลา 20.20 น. ที่ผ่านมา หลังจากชุดสืบสวนจาก สน.สามเสน กรุงเทพฯ มีการรับตัวนายสุนัย ผู้ต้องหาในคดีแทงแฟนสาว หลังจากที่มีการรับตัวมาจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย ล่าสุดได้เดินทางมาถึงที่ สน.สามเสน แล้ว ซึ่งเบื้องต้นได้มีการบันทึกรอบตัวและมีการลงบันทึกประจำวันอยู่ภายในห้องสืบสวน ก่อนที่จะมีการส่งตัวไปฝากสาขาชั่วคราวที่ สน.ดุสิต เนื่องจากห้องขังของโรงพักอยู่ระหว่างการปรับปรุง สถานที่ให้บริการและส่วนสำนักงานแห่งใหม่ จึงต้องมีการฝากขังชั่วคราว ก่อนที่ พรุ่งนี้เช้าจะมีการเปิดตัวไปสอบปากคำพร้อมกับนายทหารพระธรรมนูญ ตามขั้นตอนของกฎหมาย เบื้องต้นจากการสังเกตเจ้าตัวอยู่ในท่าทีนิ่งเงียบ และถูกใส่กุญแจมือให้การกับพนักงานสอบสวน


หลังมีการคุมตัวนายสุนัย มาถึงห้องสืบสวน สน.สามเสน เมื่อเวลา 20.20 น. ปรากฏว่าหลังจากที่มีการรับตัวที่ห้องสืบสวนแล้ว ได้คุมตัวขึ้นรถคุมขังเพื่อที่จะส่งต่อให้กับพนักงานสอบสวนการบันทึกรับตัว สอบปากคำในวันพรุ่งนี้พร้อมกับทหารพระธรรมนูญ โดยเมื่อเวลา 20.50 น. ได้มีการคุมตัวเปลี่ยนจากห้องสืบสวนขึ้นรถคุมขัง ส่งมายังพนักงานสอบสวนที่ สน.สามเสน (ชั่วคราว) โดยระหว่างจุดที่ขึ้นรถจุดแรก ผู้สื่อข่าวพยานสอบถามตัวของนายสุนัย เจ้าตัวไม่ได้มีการตอบคำถามใดกับผู้สื่อข่าว และหลังจากที่มีการส่งตัวมายังห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งมีอีกช่วงที่ลงรถก็ไม่มีการตอบคำถามใดเช่นกัน เอาแต่เงียบ




จากนั้นเมื่อเวลา 21.07 น. หลังจากมีการบันทึกจับกุมพร้อมทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือ และเซ็นในสำนวนเบื้องต้นในการรับตัว จากการจับกุมจากทีมของจังหวัดเชียงราย ที่มีการส่งตัวมายัง สน.สามเสน ระหว่างที่มีการคุมตัวออกจากห้องสอบสวนเพื่อขึ้นรถคุมขัง เพื่อฝากครรภ์ชั่วคราวที่ สน.ดุสิต โดยระหว่างที่คุมตัวขึ้นรถนั้น ทีมข่าวพยามสอบในหลายประเด็นประเด็น ทั้งแรงจูงใจและเหตุผลที่อยากให้มีการเปิดเผย แต่ตัวของนายสุนัยก็ไม่ได้มีการตอบคำถามใด ๆ


ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ในวันที่ 29 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุแต่ภาพนี้เป็นนาทีที่ พลทหารสุนัย และผู้เสียชีวิต เดินลงมาจากห้องพัก เพื่อลงไปซื้อกับข้าว ภาพบันทึกไว้ได้ตอนที่ลงมาจากห้องพักชั้น 2 เวลาในกล้อง 12.20 น. ซึ่งจะสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนเดินลงมาพร้อมกัน และก็ดูท่าทางปกติ




จากนั้นผ่านไป 30 นาที ทั้งสองคนก็เดินกลับเข้ามาซึ่งในมือของผู้เสียชีวิตจะถือถุงจากร้านสะดวกซื้อ และถุงของกินอีก 1 ถุงกลับเข้ามา ซึ่งตอนกลับเข้ามาห้องพัก ก็ยังดูท่าทางปกติเช่นกัน ก่อนที่จะมาเกิดเหตุในช่วงค่ำ พบว่า พลทหารสุนัย เปลี่ยนเป็นชุดฝึกของทหารและขนสัมภาระออกไปในเวลาจริงประมาณ 19.58 น.




ขณะที่บรรยากาศที่ตึกภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.วชิรพยาบาล นางสาวดาริกา พร้อมด้วยญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต เดินทางเข้ารับร่างนางสาวเขมฤทัย หรือ แอ๋ม โดยการรับศพในครั้งนี้ทางญาติและเพื่อนร่วมงานของผู้ตายได้เดินทางมาท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า และจะนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ภูมิลำเนา จ.มุกดาหาร โดยจะมีการสวดอภิธรรม เป็นเวลา 1 วัน และฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (11 ก.ค.)




นางสาวดาริกา เปิดเผยว่า วันนี้หลังจากที่เห็นหน้าของพี่สาวก็ได้มีการบอกว่าให้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน และมีการแจ้งว่าจับคนร้ายได้แล้ว แม้ว่าตนเองจะยังไม่เห็นหน้าคนร้ายก็ตาม ทั้งนี้อยากฝากขอบคุณทางผู้สื่อข่าวที่ช่วยนำเสนอข่าวจนเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งดำเนินการจนสามารถจับคนร้ายได้ และขอขอบคุณผู้ใจบุญที่สนับสนุนช่วยเป็นค่าเดินทาง ในการเคลื่อนย้ายร่างของพี่สาวกลับไปยังภูมิลำเนาบ้านเกิด ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแพทย์ระบุในใบมรณะบัตรว่า "หัวใจฉีกขาดจากบาดแผลถูกแทงบริเวณหน้าอก"

 

"พลทหาร" โหด สารภาพฆ่าแม่บ้านรัฐสภาหมกห้อง