รถน้ำกทม.กลับรถคอสะพาน ตัดหน้าหนุ่มไรเดอร์ชน ซ้ำปัดความรับผิดชอบให้ไปสู้ในศาล อ้างประกันไม่มี-พรบ.ขาด

วันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ค.67 นายวัฒนา โพธิ์เงิน อายุ 30 ปี หนุ่มไรเดอร์ เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน ขับรถบรรทุกน้ำกลับรถตัดหน้ากระทันหันบริเวณคอสะพาน ทำให้เกิดการเฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเกิดเหตุผู้ใหญ่ของสำนักงานเขตบางขุนเทียน สั่งห้ามไม่ให้ จนท.ที่จับรถบรรทุกน้ำ เซ็นชื่อยอมรับผิดเด็ดขาด ยืนยันให้ไปสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ทั้งๆที่คลิปจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่า จนท. กทม. เป็นฝ่ายผิด

นายวัฒนา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนเพิ่งเลิกงาน จึงขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านตามปกติ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุขณะขับรถลงสะพาน บริเวณหน้าโรงปูน ถนนเลียบทางด่วนพระประแดง แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ด้วยความเร็วประมาณ 60 - 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นได้มีรถน้ำของสำนักงานเขตบางขุนเทียน กทม. เลี้ยวกลับรถตัดหน้าตรงคอสะพานอย่างกระทันหัน ซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายห้ามกลับรถเด็ดขาด ทำให้ตนเบรกไม่ทันรถ จยย.ได้เฉี่ยวชนรถบรรทุกน้ำเข้ากลางคัน จนรถ จยย. มุดไปที่ใต้รถบรรทุกน้ำ โชคดีที่ตนใส่หมวกกันน็อค จึงไม่เสียชีวิต

หลังเกิดเหตุต้องตนบาดเจ็บอยู่ใต้ท้องรถ สังเกตเห็นรถบรรทุกน้ำกำลังจะถอยหลัง ตนจึงตะโกนขอความช่วยเหลือและให้จอดรถอย่าถอยหลัง กระทั่งมีพลเมืองดีเห็นเหตุการณ์วิ่งเข้ามาที่รถบรรทุกน้ำ ตะโกนให้คนขับลงจากรถห้ามเคลื่อนย้ายรถ คนขับจึงยอมลงมาดู จากนั้นคนขับได้พูดต่อว่าตน ว่าขับรถทำไมไม่ระมัดระวัง ไม่รู้จักเบรก ตนจึงตอบไปว่า ผมเบรกแล้วแต่พี่ขับรถตัดหน้าคอสะพานแบบนี้ไม่ได้ มันอันตราย แต่คนขับรถบรรทุกน้ำของ กทม. พูดสวนมาทันทีว่า ทำไมจะกลับไม่ได้ พวกผมกลับตรงนี้กันประจำไม่เห็นใครจะมาว่าอะไร
จากนั้นกู้ภัยได้พาตนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบางปะกอก 9 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้จุดเกิดเหตุมากที่สุด เนื่องจากขณะนั้นตนเลือดออกมาก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พบว่าบาดแผลที่บริเวณคิ้วขวา ลึกถึงกระโหลก ต้องทำการเย็บแผลเกือบ 30 เข็ม สันดั้งจมูกหัก และมีบาดแผลถลอกทั่วตัว แพทย์วินิจฉัยให้พักรักษาตัวนานกว่า 30 วัน

ทั้งนี้ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีที่ สน.ท่าข้าม พนักงานสอบสวนได้เรียกคนขับรถบรรทุกน้ำ มาพบเพื่อดูกล้องวงจรปิด โดยคลิปกล้องวงจรปิดเห็นชัดเจนว่ารถบรรทุกน้ำ กลับรถในที่ห้ามกลับ ถือว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ทางหัวหน้าของเขตบางขุนเทียน สั่งห้ามไม่ให้คนขับรถบรรทุกน้ำ รับว่าเป็นฝ่ายผิด โดยให้ไปต่อสู้คดีในชั้นศาลเท่านั้น ที่สำคัญเมื่อตนถามหาประกันรถยนต์ กับ พรบ.ของรถบรรทุกน้ำ คนขับรถแจ้งว่า ไม่มี เป็นรถของ กทม. ไม่จำเป็นต้องมีประกัน หรือ พรบ.ก็วิ่งในพื้นที่ กทม. ได้

อย่างไรก็ตามผ่านไปเกือบ 1 เดือน คดียังไม่มีความคืบหน้า ทางฝั่งสำนักงานเขตบางขุนเทียน ติดต่อมามอบ กระเช้า และเงินสด 3,000 บาท เท่านั้น ขณะที่ตนยังต้องเป็นหนี้โรงพยาบาลอีกกว่า 39,469 บาท ที่ยังค้างชำระเนื่องจากรถบรรทุกน้ำ ไม่มี พรบ. ตนจึงต้องจ่ายเงินสด และเป็นหนี้ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ อีกกว่า 37,140 บาท จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า ได้ดูจากคลิปวีดีโอขณะเกิดเหตุแล้ว ชัดเจนว่า รถบรรทุกน้ำของกรุงเทพมหานคร เป็นฝ่ายผิดเพราะเลี้ยวกลับรถคอสะพาน ซึ่งเป็นจุดอันตราย เขาห้ามไม่ให้หยุด หรือกลับรถอยู่แล้ว ที่สำคัญขอถามไปยัง กทม. และ ผอ.เขตบางขุนเทียน ว่ารถบรรทุกน้ำคันเกิดเหตุถึงไม่มีการต่อ พรบ. กรณีนี้ทำไมรถของ กทม. สำนักงานเขตบางขุนเทียน ถึงได้สิทธิพิเศษ ไม่ต้องต่อ พรบ. เป็นเทวดาหรืออย่างไร ถึงอยู่เหนือกฎหมาย โดยหลังจากนี้จะประสานไปยัง พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี ให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียหายต่อไป