กรณีเมื่อวันที่ 9 ก.ค. เวลา 02.42 น. เกิดเหตุที่บ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 64 เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ พื้นที่รับผิดชอบของ สน.ราษฎร์บูรณะ มีวัยรุ่นอายุ 21 ปี ซึ่งขี่รถออกจากบ้านไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างเดินทางกลับเจอกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังมีเรื่องกันขี่รถไล่ตาม ไล่ยิงและตามมาฟันรถถึงบ้าน สำหรับผู้เสียหายขี่รถฮอนด้า PCX สีบรอนซ์-เทา ทราบชื่อคือ นายเอ็น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี คนขับ ส่วนนางสาวเอส (นามสมมติ) อายุ 22 ปี คนซ้อนท้าย นั้น
วันนี้ (11 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า โดยเดินทางไปที่บ้านที่เกิดเหตุ พบว่ามีตำรวจชุดสืบสวนจากสน.ราษฎร์บูรณะ ลงพื้นที่มาเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งได้ปลอกกระสุนปืน และระเบิดปิงปองที่แตกแล้ว โดยเก็บไปตรวจสอบเพื่อเชื่อมโยงหากลุ่มก่อเหตุ ส่วนกลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนที่โรงพัก
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม มีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 9 ก.ค. เวลา 02.40 น. ซึ่งเป็นถนนประชาอุทิศ 69 แยก 22 ก่อนถึงบ้านผู้เสียหายไม่ถึง 1 กิโลเมตร โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มรถของกลุ่มก่อเหตุ มีการขี่ไล่รถอริมาตามทาง แล้วพบว่ารถของนายเอ็นกับนางสาวเอส ซึ่งใช้ทางร่วมในขณะที่วัยรุ่นทะเลาะกันพอดี จึงทำให้รถของผู้เสียหายอยู่เป็นคันที่ 2 และดันสภาพรถมีความใกล้เคียงกับกลุ่มอริที่ไล่ไล่ทำร้ายกัน จนเป็นเหตุทำให้กลุ่มก่อเหตุไล่รถผิดคัน และตามไปถึงบ้านของผู้เสียหาย โดยภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นรถของผู้เสียหายอยู่เป็นอันดับที่ 2 ส่วนคันแรกที่ขี่แซงขึ้นไปเป็นรถของอริ และในกล้องวงจรปิดจะมีการตะโกนท้าทายและสั่งให้หยุดรถ ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายปืนดังอีกหลายนัดและคนโวยวายกัน
จากนั้นภาพกล้องวงจรปิดบริเวณภายในซอยสุขสวัสดิ์ 64 ซึ่งเป็นบ้านของผู้เสียหาย มีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอย จับภาพ กลุ่มก่อเหตุมีการขี่รถ และวิ่งตามหลังรถมอเตอร์ไซค์ของผู้เสียหายไปที่หน้าบ้าน ก่อนที่จะไปใช้อาวุธปืนยิงขู่ และทุบ ฟันรถของผู้เสียหายที่จอดอยู่หน้าบ้าน
ส่วนกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของผู้เสียหาย บันทึกเหตุการณ์ต่อเนื่องในคืนเดียวกัน เวลา 02.42 น. ก่อนที่ผู้เสียหายจะจอดรถและลงจากรถ จะได้ยินเสียงปืนยิงตามหลังรถผู้เสียหาย จากนั้นผู้เสียหายจะเข้าไปภายในบ้าน แล้วจะได้ยินเสียงกลุ่มก่อเหตุตะโกนโวยวายท้าทายให้ออกมา ก่อนจะได้ยินเสียงทุบและฟันรถของผู้เสียหายที่จอดอยู่หน้าบ้าน
แล้วยังมีภาพจากกล้องกล้องวงจรปิด จับภาพกลุ่มก่อเหตุคนหนึ่งที่ซ้อนท้ายมีลักษณะ ชูปืนขู่และเล็งขึ้นไปที่ชั้น 2 ของบ้าน เนื่องจากมีคนในบ้านตะโกนห้ามวัยรุ่นมีเรื่องและไม่ให้มีการมาทำร้ายผู้เสียหาย แต่ถูกกลุ่มก่อเหตุใช้อาวุธปืนเล็งขึ้นไป และหลังจากที่กลุ่มก่อเหตุมีการหลบหนี ภายหลังก่อเหตุแล้ว พบว่า ผู้เสียหายได้มีการแจ้งสายตรวจและตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพตอนที่รถตำรวจเข้ามาหลังเกิดเหตุ
ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านผู้เสียหาย ซึ่งพบว่ารถคันที่มีการขี่หนีกลุ่มก่อเหตุ สภาพรถยังได้รับความเสียหายจากคมมีด และท่อนเหล็ก ที่มีการฟาดรถจนกระทั่งเฟรมบางส่วนแตก ด้านนายเอ็น (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เผยว่า เหตุการณ์คืนวันที่ 9 ก.ค. ตนเองกับแฟนสาวไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ โดยตอนที่เดินทางไปไม่พบเห็นกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะหรืออยู่จุดดังกล่าว แต่ระหว่างที่ซื้อของเสร็จกลับมา เห็นว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมีการจอดรถทะเลาะกัน แล้วพยามไล่ฟันกัน และมีการยิงกัน ซึ่งตอนนั้นตนเองก็เพียงแค่ขี่รถผ่านตามปกติ ไม่ได้ไปมีเรื่องหรือจอดมองเพียงแค่ขี่ผ่าน
ซึ่งหลังจากที่ขี่ผ่านแล้ว ปรากฏว่ามีกลุ่มที่มีเรื่องกัน ซึ่งคาดว่าเป็นอริขี่รถรุ่นและสีคล้ายกับของตนเอง แต่เป็นกลุ่มชายเสื้อสีดำ 3 คน ขี่แซงขึ้นไปก่อนซึ่งแซงรถตนเอง จึงทำให้รถตนเองอยู่กลางกลุ่มของกลุ่มก่อเหตุ จากนั้นก็มีการพยามข่มขู่ให้รถของตนเองจอด แต่ตนเองกลัวว่าจะได้รับอันตรายเพราะเนื่องจากไม่ได้รู้จักและไม่ได้มีเรื่องกันจึงรีบขี่หนี จนกระทั่งมาถึงซอยที่บ้านก็ยังพบว่ามีการตามมาอีก และระหว่างทางกลุ่มก่อเหตุพยายามยิงอีกหลายนัด แต่โชคดีที่กระสุนไม่โดนแฟนสาวที่นั่งอยู่ด้านหลัง กระสุนมีลักษณะเฉี่ยวหูตนเอง และเมื่อถึงบ้านก็เป็นไปตามภาพกล้องวงจรปิดปรากฏ หลังจากที่ตัวเองเห็นว่ากลุ่มก่อเหตุตามมาหาเรื่องถึงหน้าบ้าน จึงได้จอดรถทิ้งเอาไว้แล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน และกลุ่มก่อเหตุก็พยามตะโกนท้าทายให้ออกมา แถมยังมีการทุบและฟันรถเสียหาย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองมองน่าจะเกิดจากประเด็นเข้าใจผิด ที่คิดว่ารถของตนเองเป็นพวกเดียวกันกับที่ไปมีเรื่อง เนื่องจากรุ่นรถและสีรถเหมือนกันแต่ตนเองก็แปลกใจว่า ตอนที่มีเรื่องกันไปมีเรื่องกับชายชุดดำ แต่ตนเองในคืนนั้นใส่เสื้อสีแดง แฟนสาวใส่เสื้อสีเหลือง งงว่าทำไมถึงตามมาหาเรื่องตนเองได้ หรือมีความเป็นไปได้ว่าอาจยังมีอารมณ์ค้าง หลังจากที่ก่อเหตุกับอริไม่ได้ จึงเห็นว่าตนเองขี่ผ่านก็เลยหาเรื่องพาลคนอื่นต่อ แล้วที่สำคัญยืนยันว่าตัวเองไม่เคยเรียนช่าง และไม่ใช่เด็กช่าง ไม่เคยรู้จักกับกลุ่มก่อเหตุ
ด้านนางสาวเอส (นามสมมติ) แฟนสาวผู้เสียหาย ในฐานะคนซ้อนท้ายคืนเกิดเหตุ เผยว่า ในคืนนั้นตนเองกับแฟนหนุ่มขี่รถกลับมาหลังจากไปซื้อของกิน ซึ่งก็ยืนยันว่าไม่ได้ไปมีเรื่องหรือรู้จักกับกลุ่มก่อเหตุ หรือรู้จักกับกลุ่มที่ตามมายิง เพราะเนื่องจากทั้งตนเองและแฟนไม่มีใครเรียนสายช่าง และที่สำคัญการแต่งกายในคืนนั้นก็ไม่ได้เหมือนส่งเด็กช่าง ซึ่งเป็นเพียงแค่คนที่สัญจรผ่านไปมา แต่เข้าใจว่าน่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดจึงตามมาก่อเหตุหรือไม่ หรืออาจมีประเด็นเพราะเนื่องจากหลอนหรืออารมณ์ยังค้าง หลังก่อเหตุกับอริไม่สำเร็จ จึงได้เปลี่ยนมาไล่ทำร้ายตนเองกับแฟนหนุ่มแทน
และในคืนนั้นหลังจากที่บุกมาถึงหน้าบ้าน นอกจากจะมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับพฤติกรรมว่ามีการพยายามพังและทุบรถ ยังมีบางช่วงที่เห็นว่ามีคนซ้อนท้าย พยามใช้ใช้ปืนขู่พี่ที่อยู่บนบ้านชั้น 2 ทำนองว่าห้ามมายุ่ง ซึ่งตนเองก็งงว่าคนในบ้านของตนเองรวมถึงแฟนของตนเองก็ไม่ได้ไปมีเรื่องอะไรด้วย แต่ทำไมถึงใช้อาวุธปืนจะยิงคนอื่นไปทั่วแบบนั้น จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายและน่ากลัวมาก จึงอยากให้จับกลุ่มให้ได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ในคืนเกิดเหตุจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ตั้งแต่ที่เจอกันบริเวณถนนประชาอุทิศจนกระทั่งมาจนถึงถนนในซอยสุขสวัสดิ์บ้านตนเอง ซึ่งก็ถูกไล่ยิงมาตามทาง โชคดีที่กระสุนไม่โดนตนเองเพราะเป็นคนซ้อนท้าย และโชคดีที่กระสุนเฉียดหูแฟนหนุ่มตนเอง ไม่โดนเข้าที่ตัวคนไม่เช่นนั้นก็ได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตกันทั้งคู่แล้ว เพียงเพราะเรื่องของความคึกคะนอง