กรณีเมื่อเวลา 11.14 น. ของวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.โคกขาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตถูกผ้าห่มพันร่าง เสียชีวิตอยู่ที่ซอยเปลี่ยวใกล้กับป่าจาก ถนนบ้านขอม-บ้านขวาง เบื้องต้นพบเป็นหญิงไทย คาดว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน และจากการตรวจสอบ พบเอกสารติดตัว เบื้องต้นทราบชื่อคือ นางกฤตยา หรือ เจ๊แหม่ม อายุ 66 ปี ชาวตำบลคลองมะเดื่อ แต่สภาพศพยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่ามีร่องรอยของการถูกทำร้ายบริเวณจุดใด เพราะสภาพศพค่อนข้างเน่า จึงต้องมีการส่งชันสูตร นั้น
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า โดยทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการคุมตัวนายอมรเทพ หรือ น้อง อายุ 59 ปี สามีคนล่าสุดของเจ๊แหม่ม คนตาย ไปสอบสวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้หลังจากมีพยานให้การว่า พฤติการณ์ของนายน้อง มักมีการทำร้ายร่างกายเจ๊แหม่มบ่อยครั้ง และพยายามตามง้อขอคืนดี ตำรวจจึงได้มีการล็อกสอบตลอดทั้งคืน ก่อนจำนวนด้วยหลักฐานและยอมรับสารภาพเองว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุฆ่าเจ๊แหม่มก่อนนำศพมาทิ้ง
วันเดียวกันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ลงพื้นที่ย้อนกลับไปยังแมนชั่นของเจ๊แหม่ม คนตาย ซึ่งเจ้าตัวอาศัยอยู่ที่ซอยเทศบาล ในเมืองสมุทรสาคร หลังจากที่มีการย้ายหนีจากบ้านเอื้ออาทร แถวกระทุ่มแบน เพื่อที่จะไม่อยากเจอกับนายน้อง สามี เพราะเนื่องจากถูกทำร้ายบ่อยครั้ง เจ้าตัวจึงย้ายมาแอบเปิดแมนชั่นเพื่ออยู่อาศัยโดยแมนชั่นดังกล่าว เป็นแมนชั่นที่เจ๊แหม่มย้ายมาอยู่ได้ไม่ถึง 2 เดือน
โดยทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดสุดท้าย ที่จะจับภาพเจ๊แหม่มเดินออกจากแมนชั่นแล้วไม่ได้กลับมาอีก เป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 ก.ค. เวลา 06.48 น. โดยจะเห็นว่าเจ๊แหม่มใส่เสื้อสีดำ กางเกงขายาวเดินถือของ กำลังเดินออกไปที่ปากซอยเพื่อเรียกวินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่ทำงาน ร้านเบเกอรี่ เพราะเนื่องจากเจ้าตัวทำงานอยู่ที่นั่น จึงมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพว่าเจ้าตัวเดินออกจากแมนชั่นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วไม่ได้กลับมาอีก เพราะหลังจากนั้นจะถูกตัวนายน้องดักฉุดลากขึ้นรถที่บริเวณปากซอย
และเวลา 08.00 น. โดยประมาณ จะเห็นว่าตัวของนายน้อง มีการขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปฉุดเจ๊แหม่มมาจากพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งฉุดมาจากแมนชั่น จากนั้นพากันมาที่ห้องแถวซึ่งเป็นที่พักของนายน้อง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ จากนั้นก็จะไม่พบความเคลื่อนไหวของเจ๊แหม่มเข้า-ออกที่ห้องแถวอีก เข้าใจว่าหลังจากที่ทั้งคู่เข้าไปภายในห้องแล้ว เกิดเหตุมีปากเสียงกัน แล้วมีการถูกฆ่า
ต่อมามีภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งผ่านไป 2 วัน เป็นกล้องวงจรปิดที่ห้องแถวของนายน้อง ผู้ต้องหา แถวกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยจับภาพวันที่ 10 ก.ค. เวลา 08.35 น. จะเห็นตัวของนายน้องมีการนำผ้าห่มพันร่างเจ๊แหม่ม แล้วใส่รถเข็นเล็กเขียนออกมาจากห้องไปใส่รถเก๋งที่จอดอยู่ข้างนอก เพื่อที่จะตระเวนเอาศพไปทิ้ง
จากนั้นมีภาพกล้องของ อบต.โคกขาม จับภาพเส้นทางที่รถเก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ของนายน้องมีการขับมุ่งหน้าที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด 3 ตัว วันที่ 10 ก.ค. เวลา 13.06 น. เส้นทางที่รถของนายน้องขับเอาร่างของเจ๊แหม่ม คนตายที่อยู่เบาะหลัง มุ่งหน้าไปทิ้งบริเวณจุดป่าจาก
และภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางมุ่งหน้าออกเทศบาลเทศบาลตำบลนาดี จับภาพต่อเวลา 13.13 น. ของวันเดียวกัน 10 ก.ค. ใช้เวลาทิ้งศพประมาณ 7 นาที จากนั้นรถเก๋งมิตซูบิชิ สีดำ ของนายน้อง ได้มีการขับออกจากจุดทิ้งศพ และผ่านกล้องวงจรปิดอีกหลายมุม เพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังห้องแถว โดยสังเกตว่าครั้งก่อนทิ้งศพและหลังทิ้งศพ ไม่ได้มีการเร่งเครื่องหรือใช้ความเร็วขับขี่ช้า ๆ
และนอกจากนี้ ยังมีรายงานจากชุดสืบสวนว่า หลังจากที่ตัวของนายอมรเทพหรือน้องมีการก่อเหตุฆ่าเจ๊แหม่มในช่วงวันที่ 8 ก.ค. คืนรอยต่อเข้าสู่วันที่ 9 ก.ค. เวลาประมาณ 03.30-03.35 น. มีภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้กับจุดทิ้งศพ วันที่ 9 ก.ค. เห็น รถเก๋งของนายอมรเทพหรือน้อง มีการขับมาดูลาดลาวก่อนที่วันถัดไปจะเอาศพมา ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถเก๋งของนายอมรเทพมากับรถ และจอดนิ่งอยู่พักหนึ่ง
เมื่อช่วงเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากตัวของนายน้อง สามีของเจ๊แหม่ม ถูกสอบปากคำตลอดทั้งคืนและรับสารภาพ ประกอบกับจำนวนด้วยหลักฐานทางภาพจากกล้องวงจรปิดและพฤติการณ์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุมตัวมาทำแผนประกอบรับคำสารภาพ
โดยได้เดินทางมาที่ป่าจาก จุดทิ้งศพเพียงจุดเดียว เพราะเนื่องจากจุดอื่นมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐานแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำแผนประกอบรับสารภาพ แต่จุดที่มีการทิ้งศพยังรายละเอียดและพฤติการณ์ ตำรวจจึงได้มีการคุมตัวมาเพื่อที่จะทำแผน ทันทีที่เดินทางมาถึงได้มีการนำรถคันที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ มาใช้ในการทำแผนประกอบรับคำสารภาพ โดยมีการจำลองใช้หมอนข้าง พันด้วยผ้าห่มลายดอกสีแดง วางไว้ที่เบาะด้านหลังคนขับ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่นายน้องมีการนำร่างของเจ๊แหม่ม สภาพที่เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน วางไว้ที่เบาะด้านหลังเพื่อที่จะตระเวนขับไปหาจุดทิ้ง
และเมื่อมาถึงจุดทิ้ง เจ้าตัวอ้างว่ามีการขับรถเลยแล้วมีการถอยหลังกลับ มีการถอยรถยาวเข้าไปตรงจุดทิ้งศพ เมื่อเห็นจุดกองขยะเป็นทำเลที่ดี จึงได้มีการอุ้มร่างของเจ๊แหม่มโยนทิ้ง พร้อมกับมีการนำเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนและเอกสารยืนยันตัวตน มัดใส่ถุงและโยนไว้ไว้กับศพ โดยอ้างว่าเพื่อที่จะให้คนที่มาเจอศพนั้น สามารถทราบว่าคนตายเป็นใคร และตอนที่มีการอุ้มศพของเจ๊แหม่มโยนทิ้ง มีการพูดบอกลาว่า “เดี๋ยวก็มีคนมาเจอรออยู่ตรงนี้นะ” หลังจากที่มีการทิ้งศพแล้ว ก็กลับไปอยู่ที่ห้องที่เดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เข้าใจว่าสักวันตำรวจคงมาจับไม่ได้หนีไปไหน
นายน้อง เปิดใจหลังทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ว่า สิ่งที่ตนเองทำลงไปนั้นไม่ใช่เป็นเพราะไม่รักเขา เพราะตัวเองรักจึงทำให้ต้องยอมนอนอยู่กับศพ 2 คืน ก่อนที่ศพจะเริ่มส่งกลิ่นเลยตัดสินใจเอามาทิ้งข้างนอกเพื่อให้คนเจอ และระหว่างที่อยู่กับศพนั้นก็คิดเสมอว่าสักวันตำรวจคงมาจับ แต่ตำรวจก็ยังไม่มาจับจึงเอาศพมาทิ้งก่อน และตอนที่ตนเองไปพาเจ๊แหม่มมาจากที่พักเพื่อมาอยู่ด้วยกันแถวกระทุ่มแบน หลังจากที่มาถึงตอนเช้าก็ยังมีอะไรกัน ซึ่งก็ยังมีความสุขอยู่ด้วยกัน แต่หลังจากนั้นเมื่อมีการถามถึงเรื่องเงินจึงทำให้ทะเลาะกัน และที่ผ่านมายอมรับว่าตนเองเคยถูกวางยาสลบถึงขั้นหลับมาแล้ว 10 ชั่วโมง ซึ่งก็เชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ๊แหม่มคนตายที่ทำกับตนเอง
สำหรับชนวนเหตุเป็นเรื่องของเงินสด 2,000,000 บาท ที่หายไป ซึ่งตนเองอยู่กับคนตายเพียง 2 คน ถ้าหากตนเองไม่เอาเงินของตัวเองไป ก็จะมีใครนอกจากคนตายที่เอาไปใช้ ซึ่งตนเองก็พยามเรียกคนตายมาคุยและถามหาเงินที่หายไป แต่คนตายกลับไม่ยอมพูดความจริงและไม่ยอมบอก และไม่พูดถึงเรื่องเงินเฉไฉไปเรื่องอื่น จนเป็นเหตุทำให้ตนเองทะเลาะกัน และมีการลงมือโดยการบีบคอ แต่หลังจากที่ทราบว่าเมียตายก็เลยนอนอยู่กับศพ ก่อนเอามาทิ้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองไม่ได้รู้สึกผิด และจะไม่ขอโทษหรือให้อภัยใคร เพราะสุดท้ายแล้วเดี๋ยวตนเองก็จะไปเจอกับเจ๊แหม่มในนรก ผมก็จะไปเจอเขาที่นั่นแล้วเจอกัน และไม่มีอะไรฝากถึงครอบครัวคนตายทั้งนั้น มันเป็นเรื่องของผมกับเขา
และวันเดียวกันนี้ช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังแมนชั่นของคนตาย ตามเบาะแสที่พบกล้องวงจรปิดวงจร เจ๊แหม่มเดินออกจากแมนชั่นครั้งสุดท้ายวันที่ 8 ก.ค. เวลา 06.48 น. ก่อนที่จะไปเจอกับนายน้องดักรออยู่ที่ปากซอย แล้วมีการทำร้ายร่างกายและฉุดขึ้นรถ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวมะพร้าว (นามสมมติ) พยานที่เห็นเหตุการณ์ และเป็นคนให้ข้อมูลกับตำรวจเกี่ยวกับเบาะแสของนายน้อง พาทีมข่าวไปดูบริเวณปากซอยเทศบาล ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกแมนชั่นที่เจ๊แหม่มอาศัยอยู่ โดยตัวของนางสาวมะพร้าว การสาธิตให้ทีมข่าวดู ซึ่งเป็นจุดที่ตัวของนายน้อง มาดักรอตั้งแต่ช่วงเช้ามืดของวันที่ 8 ก.ค. โดยยืนใช้เสาและ กระถางต้นไม้บริเวณปากซอยบัง เพื่อไม่ให้เจ๊แหม่มเห็นว่ามาดักซุ่มรออยู่ และระหว่างนั้นพยายามสั่งห้ามไม่ให้คนแถวนั้นพูด ว่ามาดักรอใคร และห้ามบอกเจ๊แหม่มให้รู้ตัวว่าคนก่อเหตุมารออยู่ โดยมีการทำท่าจุ๊ ๆ ที่ปาก เพื่อไม่ให้ตนเองและชาวบ้านที่ปากซอยบอกเจ๊แหม่ม
นางสาวมะพร้าว เล่าว่า ในวันนั้นช่วงเช้าจำได้ว่าเป็นช่วงประมาณ 07.00 น. เป็นช่วงที่นายน้องมาดักรอเจ๊แหม่ม เมื่อเจ๊แหม่มมาถึงนายน้องก็กระโจนเข้าหา พร้อมกับมีการกระชากคอเสื้อและลากไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ สีน้ำเงิน แต่เจ๊แหม่มมีลักษณะขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถด้วย จึงถูกนายน้องตบไปที่หน้า และพยายามทำร้ายร่างกายจนเจ๊แหม่มต้องยอมไปขึ้นรถ ซึ่งการขึ้นรถของเจ๊แหม่มนั้นถูกให้นั่งบริเวณด้านหน้าคนขับ และตัวของนายน้องนั่งคร่อมล็อกตัวเอาไว้ แล้วพาขี่ออกจากซอยหายไป ก่อนที่จะพบว่าเจ๊แหม่มถูกฆ่าตายและเอาศพไปทิ้งที่โคกขาม โดยหลังจากนั้นไม่รู้ว่านายน้องพาเจ๊แหม่มไปที่ไหน