ความคืบหน้ากรณี นายดุ๊ก อายุ 15 ปี เสียชีวิตปริศนา โดยแพทย์ระบุว่ามีเลือดออกที่เยื่อหุ้มสมอง ซึ่งก่อนหน้านี้วันที่ 28 มิถุนายน มีคลิปแชร์ออกมาในลักษณะของผู้ตายนั่งขอร้อง ขอแหวนรุ่นของโรงเรียนแห่งหนึ่ง รุ่น 66 โดยกลุ่มเพื่อนมีข้อแลกเปลี่ยนว่าจะให้แหวนแต่ต้องโดนรุมเตะก่อน เพื่อเป็นการรับน้องผู้ตายจึงยอม และถูกนายโอมซึ่งเตะคนแรกแล้วมีอาการเจ็บที่หน้าอกอย่างรุนแรง นั้น




ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่บ้านของผู้ตาย พบกับนายอิทธิศักดิ์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ นายดุ๊ก เปิดเผยว่า ตอนนี้เริ่มตั้งข้อสงสัยว่าลูกชายเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายมากกว่าการเตะแลกแหวนรุ่น เนื่องจากผล ชันสูตรศพพบว่าเลือดข้างในสมอง และสภาพศพใบหน้าบวมปูด จึงสงสัยว่ามีการทำร้ายร่างกายกันมากกว่าการเตะที่หน้าอกแลกแหวน เรื่องนี้อยากขอให้สื่อมวลชนตัดประเด็นนี้ทิ้งไป ให้มองที่ถูกทำร้ายร่างกายมากกว่า และคิดว่านายโอมไม่ได้ทำเพียงคนเดียว เพราะนายโอมตัวเล็กกว่าลูกชายตน คิดว่าคงมีคนอื่น ๆ ที่ร่วมด้วยอีกไม่ต่ำกว่า 2 คน




โดยเพื่อน ๆ ลูกชายตนที่มางานศพ บอกกับตนว่า ตอนที่นายโชคพาลูกชายตนซ้อนท้ายออกไป รพ. ลูกชายตนก็มีอาการเหม่อลอยเหมือนคนไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นลูกชายตนโดนทำร้ายร่างกายมาก่อนที่จะออกไปหรือไม่ และโทรศัพท์ของลูกก็หายไปตั้งแต่วันเสียชีวิต จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ว่าโทรศัพท์ลูกชายอยู่ที่ไหน


ส่วนประเด็นเรื่องแหวนรุ่นก็ไม่รู้ว่าลูกชายไปอยากได้ตอนไหน เพราะลูกชายไม่ได้เรียนหนังสือมานานแล้ว แหวนที่ว่านี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นของใคร ยังไงวันที่จัดงานศพพบว่าแหวนวงนี้มาวางไว้ที่ฝาโลง โดยลักษณะแหวนเป็นแหวนเงินสลักด้านข้างขวาระบุ อักษร NAN ด้านซ้ายระบุ ข้อความว่ารุ่น 66 ด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธรูปสัญลักษณ์ของโรงเรียน และมีผ้าพันไว้ที่แหวน ซึ่งตนไม่รู้ว่าใครเป็นคนนำแหวนนี้มาวางไว้ที่ฝาโลง พร้อมกับสร้อยพระของลูกจึงเก็บไว้ และเชื่อว่าสาเหตุที่ลูกเสียชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับการอยากได้แหวนรุ่น แต่มีคนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต




ส่วนประเด็นเรื่องที่ตำรวจสั่งให้ไปหาหลักฐานเองนั้น ยืนยันว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จริงเนื่องจากตนแย้งกับตำรวจไปว่าการเสียชีวิตของลูกชายไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องแหวนรุ่น และน่าจะมีการทำให้เสียชีวิตหรือถูกทำร้าย ตำรวจจึงบอกว่าถ้าคิดเช่นนั้นหรือมีหลักฐาน ก็ให้เอาหลักฐานมาไปเอากล้องวงจรปิดมา ตนจึงอยากถามว่าตนจะไปเอามาจากไหนในเมื่อตนเป็นแค่ประชาชนธรรมดา ตำรวจกินภาษีประชาชนทำไมไม่ทำหรือสืบสวนต่อ




ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิด วันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 23.27 น. จะเห็นว่ามีชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน ขี่มาส่งนายดุ๊ก (โดยผู้ตายนั่งอยู่บริเวณตรงกลาง) มุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาล จากนั้นกล้องที่โรงพยาบาลช่วงเวลาประมาณ 23.30 น. เพื่อนของนายดุ๊กได้ขี่รถจักรยานยนต์พานายดุ๊กมาจอดอยู่บริเวณหน้าโรงบาล ก่อนที่ทางเจ้าที่จะนำตัวนายดุ๊กขึ้นรถเข็นและเข้าไปทำการรักษา หลังจากนั้นพบว่านายดุ๊กเสียชีวิตแล้ว




ส่วนกล้องอีกชุด ก็เป็นจังหวะที่รถของเพื่อนคนตายขี่เข้าไปใน รพ. เห็นรถจยย ซ้อน 3 คน โดยมีนายดุ๊กนั่งตรงกลาง ขี่มุ่งหน้าเข้าไป รพ.บางบัวทอง จากนั้นรถของเพื่อนนายดุ๊ก ส่งนายดุ๊กที่ รพ. แล้วก็ขับรถออกไปโดยๆม่สนใจอาการของเพื่อน


ทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับกลุ่มเยาวชนชายที่อยู่ในคลิปการเตะแลกแหวนรุ่นแล้ว โดยพบว่าคนเตะคนแรกชื่อ นายโอม คนเตะคนที่สองชื่อ นายน็อต ส่วนคนถ่ายคลิปชื่อ นายนิว และคนคอยยืนดูชื่อ นายโน๊ต โดยทั้งสามคน นายน็อต นายนิว และนายโน๊ต ยอมเปิดใจกับทีมข่าวเป็นที่แรก ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้นายดุ๊กเสียชีวิต


โดยนายน็อต คนเตะคนที่สอง และเป็นเจ้าของแหวน เล่าว่า นายโอมทักแชตว่านายดุ๊กอยากได้แหวนรุ่นของนายน็อต ซึ่งนายน็อตตอบว่าอยากได้ก็ต้องไปเรียนหนังสือ เพราะนี่คือแหวนของรุ่นที่เรียนหนังสือ แต่นายดุ๊กก็ขอร้องว่าอยากได้จริงจะต้องทำอย่างไร จะให้ยอมเตะหน้าอกก็ยอม จากนั้นกลุ่มพวกตนก็คุยกันอยู่ที่โกดังร้างแถวบ้านแล้ว พบว่านายดุ๊กผู้ตายได้ขอให้เตะหน้าอกเพื่อที่จะขอแหวนพวกตนจึงเตะไป 2 ครั้ง




โดยคนแรกที่เตะคือ นายโอม จากนั้นนายดุ๊กมีอาการเจ็บที่หน้าอกและล้มคว่ำลงกับพื้น นายโอมคนเตะคนแรก ก็เข้าไปประคองเพื่อให้นายดุ๊ก ผู้ตาย ลุกขึ้นมาอีก จากนั้นนายน็อต ซึ่งใส่เสื้อสีม่วง ก็เตะเป็นคนที่สอง แล้วก็เอาแหวนให้ จากนั้นก็พากันกลับบ้าน ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร ส่วนนายนิวเป็นคนถ่ายคลิปไม่ได้ปรากฏในคลิปด้วย


โดยกลุ่มผู้ปกครองและเด็กทั้งหมดมาแสดงความบริสุทธิ์ใจผ่านทางทีมข่าวช่อง 8 โดยยืนยันว่าเหตุการณ์การเสียชีวิต ของนายดุ๊ก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การเตะขอแหวนรุ่น เพราะหลังจากจบเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ตั้งแต่นั้นมานายดุ๊กก็ยังใช้ชีวิตปกติ แต่หายไปจากกลุ่มเพื่อนเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม นายดุ๊กก็หายไปจากกลุ่มเพื่อนแล้วก็มารู้ว่าวันที่ 6 กรกฎาคม นายดุ๊กเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตในวันที่ 8 กรกฎาคม


ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่มาที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้พูดคุยกับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง เผยว่ากรณีที่พ่อของผู้ตาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปหาหลักฐานและกล้องวงจรปิดเอง ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะกรณีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเป็นคนติดตาม และได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมา ว่าคนที่ก่อเหตุทำให้เสียชีวิตเป็นใคร จนได้นำมาสอบสวนและได้จำลองเหตุการณ์ด้วย




โดยวันนี้ผู้กำกับได้นำหลักฐานเป็นเอกสารบันทึกคำรับสารภาพด้วยลายมือตัวเอง 2 ฉบับ โดยผู้ก่อเหตุยืนยัน ว่าได้ชกต่อยกัน 1 ต่อ 1 โดยไม่มีคนอื่นร่วมทำร้ายผู้ตายด้วย แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจกรณีนี้ ชุดสืบยังทำงานอย่างต่อเนื่อง หากพบผู้กระทำความผิดเพิ่มจะเร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย


พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานคดีนี้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่การไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาตัวคนก่อเหตุ เพราะตอนแรกไม่มีใครทราบว่าใครทำให้นายดุ๊กตาย จนตำรวจได้กล้องวงจรปิดวันที่ กรกฎาคม เวลา 23.30 น. ขณะที่ผู้ก่อเหตุนายโอมคนขี่พานายดุ๊กไปส่งโรงพยาบาล โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน ขณะที่นายโอมขับขี่รถจักรยานยนต์พาในดุ๊กผู้ตายนั่งกลาง และมีเพื่อนอีกคนหนึ่ง นายเอนามสมมุตินั่งซ้อนท้าย พยุงนายดุ๊ก จากนั้นเจ้าหน้าที่ ของโรงพยาบาล ก็มารับตัว นายดุ๊กเข้าไป ในโรงพยาบาลเพื่อช่วยชีวิต ส่วนในโอมผู้ก่อเหตุและนายเอ (นามสมมติ) ก็ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป


ภาพจากกล้องวงจรปิดส่วนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถตามจับและไปควบคุมตัวคนก่อเหตุได้ ซึ่งก็คือ นายโอม หลังจากนั้นก็ได้ทำการสืบสวนจนพบว่าทั้งสองคนได้ชกต่อยกัน 1 ต่อ 1 ไม่มีการรุมทำร้ายเหมือนที่ปรากฏในคลิปที่ออกอากาศไป ยืนยันว่าคลิปที่ออกอากาศไปเป็นคลิปเก่า นอกจากนี้ ผู้กำกับยังได้เปิดหลักฐานเอกสาร "บันทึกคำรับสารภาพด้วยลายมือตัวเอง 2 ฉบับ" ที่นายโอมได้เขียนไว้ด้วย ระบุข้อความใจความสำคัญ คือเคยเป็นเพื่อนกันมานาน แต่มีปากเสียงกัน มีการท้าทายกันผ่านเฟซบุ๊กแล้วนัดมาเคลียร์กันที่วัดละหาร ฝั่งดุ๊กมากัน 3 คน ฝั่งโอมมา 4 คน โดยโอมบอกกับดุ๊กว่าขอมวย 1 ต่อ 1 กับดุ๊ก จากนั้นก็ต่อยกัน โอมต่อยเข้าที่ใบหน้าดุ๊กหลายครั้ง จนดุ๊กลงไปนอนกับพื้น จากนั้นก็เตะอีก 3 ครั้ง แล้วก็ต่อยอีกหลายครั้ง จนดุ๊กหมดสติ แล้วพวกตนก็ได้นำผ้าชุบน้ำมาลูบหน้า พอเห็นท่าไม่ดีจึงพาไปโรงพยาบาล




ส่วนคนที่อยู่ในเหตุการณ์คนอื่น ๆ ผู้กำกับยืนยันว่าได้เรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ แต่ได้มาในจุดเกิดเหตุ จึงไม่ได้มีการแจ้งข้อหาใด เนื่องจากเด็ก ๆ เป็นเยาวชนอายุ 14-15 ปี จึงได้แจ้งความกับนายโอม อายุ 15 ปี เพียงคนเดียว ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตายและส่งตัวเข้าสถานพินิจไปแล้ว เบื้องต้นยืนยันว่าคดีนี้ยังไม่มีการออกหมายจับใครเพิ่มเติม ส่วนหลักฐานที่ 3 คือใบรับรองผลการชันสูตรเบื้องต้น ต้องยืนยันว่าการชันสูตรศพผู้ตาย ผลที่แน่นอนยังไม่ออกมา ในเอกสารแพทย์ระบุว่าผู้ตาย มีรอยถลอก บริเวณคางเบ้าตาซ้ายและคอ ด้านหน้า ตามร่างกายไม่มีส่วนใดผิดรูป เป็นรอยฟกช้ำ และยังมีภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพานายโอมไปชี้จุดเกิดเหตุ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพด้วย


โดยประเด็นที่พ่อผู้ตาย เผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไล่ให้พ่อผู้ตายไปหากล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เรื่องนี้ได้สอบถามพนักงานสอบสวนแล้ว พนักงานสอบสวนแจ้งว่า พ่อผู้ตายได้มาสอบถามจริง เพราะเชื่อว่าน่าจะมีคนก่อเหตุทำให้ลูกเสียชีวิตมากกว่า 1 คน พนักงานสอบสวนก็ยืนยันว่า มีเพียงคนเดียว แต่หากพ่อมีข้อมูลเพิ่มเติม เพราะพ่ออาจจะใกล้ชิดรู้จักกับกลุ่มเพื่อนของลูกชายก็สามารถนำหลักฐานมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ หลังจากนั้นพ่อของผู้ตาย สอบปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย โดยอ้างว่าไม่ว่างตลอด

 

ช็อกความจริง! ตื้บเด็ก 15 แลกแหวน ที่แท้ถูกอริกระทืบตายหลังวัด