พบร่างผู้หญิงซุกถุงดำ บริเวณจุดต้องสงสัย ในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมเทียบดีเอ็นสาวชาวจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 13 ก.ค.67 เมื่อเวลาประมาณ 11.50 น. ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีสาวจีนถูกอุ้มเรียกค่าไถ่สูญหาย พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบพื้นที่พงหญ้ารกร้างข้างถนนเส้นวัดผาท่าอิฐ พื้นที่หมู่ 2 ต.บางพระ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยชุดคลี่คลายคดีระดมกำลังกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิและชาวบ้าน ใช้เครื่องตัดหญ้าเข้ามาแผ้วถาง จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.30 น. พบถุงดำต้องสงสัย ถูกทิ้งไว้บริเวณกองขยะที่มีต้นไม้ปกคลุม ห่างจากถนนเข้ามาประมาณ 50 เมตร โดยสภาพของถุงดำถูกทับด้วยเศษขยะและเศษกระเบื้อง อยู่ภายในร่องดิน เจ้าหน้าตรวจสอบพบร่างของผู้หญิงอยู่ภายใน โดยพบทั้งร่าง สภาพเริ่มเปื่อยยุ่ย
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ยืนยันว่า จุดที่พบศพ สอดคล้องกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบว่าผู้ต้องสงสัย ขับรถมาจอดที่จุดนี้ และเปิดกระโปรงท้ายรถบริเวณฝั่งตรงข้ามของจุดพบร่าง โดยอยู่ที่จุดนี้ประมาณ 30 นาที ก่อนที่จะวนรถแล้วยูเทิร์นกลับมาจอดฝั่งเดียวกับจุดที่พบร่าง แล้วถือวัตถุบางอย่างลงจากรถ หายไปประมาณ 20 นาที
ชมคลิป : นาทีเจอถุงดำปริศนาซุกศพผู้หญิง ตร.เร่งตรวจสอบ ใช่ร่าง "สาวจีน"?
โดยจากการตรวจสอบจุดนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบถุงดำ 2 ถุง ที่มีเศษดินและเศษหินอยู่ภายใน ต้องสงสัยว่าใครมาทิ้งเอาไว้ โดยตนเองได้กลิ่นโชยจากบริเวณที่เป็นแหล่งน้ำ จึงให้เจ้าหน้าที่ตัดหญ้าและตรวจสอบ ก็พบร่างของผู้หญิง สภาพมีแขนขาและศีรษะอยู่ติดกับลำตัวสมบูรณ์ แต่ว่าเน่าเปื่อย ไม่สามารถระบุได้ชัดว่าเป็นผู้สูญหายหรือไม่หรือเสียชีวิตมานานเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม พบมีตำหนิรูปพรรณสันฐาน คือพบซิลิโคนที่หน้าอก พบร่องรอยการศัลยกรรมที่กราม และสภาพฟันสมบูรณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำร่างไปตรวจเทียบเคียงดีเอ็นเอของพ่อผู้สูญหาย คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 วันจะทราบความชัดเจน และหากชัดเจนว่าดีเอ็นเอตรงกันตำรวจก็จะขออนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยต่อไป
โดยขณะนี้ตำรวจได้ติดต่อพ่อผู้สูญหายให้ทราบแล้วว่ามีการพบร่างผู้หญิงบริเวณจุดต้องสงสัย นอกจากนี้ ยังพบว่าร่างผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืดสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบเทียบเคียงว่าเป็นเสื้อของผู้สูญหายหรือไม่
ส่วนกรณีคนร้ายใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการก่อเหตุ พล.ต.ต.นพศิลป์ ยืนยันว่า รัฐบาลมีมาตรการป้องกันในการคัดกรองบุคคลที่เข้าออกประเทศ และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้ตลอด อีกทั้งมีการประสานกับประเทศต้นทางที่สามารถจะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ของประชาชนได้