จากกรณี Mrs.Yan Ruimin (นส.เหยียน รุ่ยหมิน) ดาว TikTok หญิงชาวจีน วัย 38 ปี เดินทางมาประเทศไทยและหายตัวไป ซึ่งญาติแจ้งว่าเจ้าตัวถูกอุ้มเรียกค่าไถ่เกือบ 5 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจค้น 12 จุด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ Mr.Qingyan Ma (นายชิงเหยียน หม่า) ชายต้องสงสัยที่อยู่กับฝ่ายหญิงก่อนหายตัว จอดรถระหว่างทางจากซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งเป็นที่ที่พบทั้งสองคนพักอาศัยเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนฝ่ายหญิงหายตัวไปในวันที่ 1 กรกฎาคม นั้น
ความคืบหน้าล่าสุด (13 กรกฎาคม 2567) ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนยังคงปูพรมค้นหาหญิงชาวจีนที่หายตัวไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากพบร่องรอยกระเป๋าของหญิงชาวจีนถูกเผาในพื้นที่ป่ารกร้าง ต.บางพระ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งตำรวจได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยกระจายกำลังในการเดินเท้าค้นหารัศมีโดยรอบจุดที่เผากระเป๋า ทั้งบริเวณแนวป่าหญ้ารกร้างและแนวริมคลอง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
จากนั้นปูพรมต่อไปตามแนวริมถนน ตามเบาะแสภาพจากกล้องวงจรปิด ที่พบว่า รถเก๋งของผู้ต้องสงสัยขับมาบนถนน 3315 ต.บางพระ และมาจอดห่างจากจุดร่องรอยการเผากระเป๋าประมาณ 1.1 กิโลเมตร ข่วงหน้าหมู่บ้านท่าอิฐ ชุดสืบสวนนครบาล ก็เดินเท้าค้นหาตามป่าหญ้าริมทางใกล้วัดท่าอิฐ จนไปพบกับถุงดำ 2 ถุงที่มัดไว้อย่างหนาแน่น เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดตรวจสอบ พบว่า เป็นดินทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความต้องสงสัยว่า ทำไมถึงขนดินใส่ถุงดำมาทิ้งแล้วห่อมัดปากมิดชิด
จากนั้นก็ปูพรมเดินเท้าค้นหาต่อ และข้ามฝั่งถนนมาหาในป่าหญ้า ซึ่งมีลักษณะทางเดินเข้าไปฝั่งตรงข้ามกับจุดที่เจอดินถุงบรรจุดิน และได้นำเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านในพื้นที่ มาตัดหญ้าเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ รอง ผบช.น. ไปติดตามและสั่งการในการค้นหาด้วยตนเอง
จนกระทั่งช่วง 12.30 น. พบถุงดำต้องสงสัยถูกทิ้งไว้บริเวณกองขยะที่มีต้นไม้ปกคลุม ห่างจากถนนเข้ามาประมาณ 50 เมตร โดยสภาพของถุงดำ ถูกทับด้วยเศษขยะและเศษกระเบื้องอยู่ภายในร่องดิน ที่มีความชุ่มโคลน เจ้าหน้าที่จึงได้ยกขึ้นมาตรวจสอบ ปรากฏว่าเป็นร่างของผู้หญิงอยู่ภายใน โดยพบร่างอยู่ในสภาพเริ่มเน่าเปื่อย บางส่วนเป็นกระดูกแล้ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้เร่งนำขึ้นมาจากร่องดินและให้ทางนิติเวชและพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบในเบื้องต้น ก่อนจะส่งร่างหญิงรายนี้ไปชันสูตรพลิกศพเพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคล ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
ทั้งนี้ สภาพร่างของหญิงที่พบ มีแขนขาและศีรษะอยู่ติดกับลำตัวสมบูรณ์แต่ว่าเน่าเปื่อยแล้ว ทำให้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่า เป็นผู้สูญหายหรือไม่ หรือเสียชีวิตมานานเท่าไร และไม่พบร่องรอยการถูกหั่นหรือตัด ชิ้นส่วนอยู่ติดกันครบ และยังพบว่าร่างผู้เสียชีวิตสวมเสื้อยืดสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบเทียบเคียงว่าเป็นเสื้อของผู้สูญหายหรือไม่
อีกทั้งยังพบมีว่า ร่างหญิงสาวดังกล่าว มีตำหนิรูปพรรณสันฐาน คือ พบซิลิโคนที่หน้าอก พบร่องรอยการศัลยกรรมที่กราม และสภาพฟันสมบูรณ์ ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่จะสามารถเปรียบเทียบข้อมูลจากตำหนิเหล่านี้ได้ รวมถึงจะนำร่างไปตรวจเทียบเคียงดีเอ็นเอของพ่อผู้สูญหายด้วย ซึ่งคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 2 วันจะทราบความชัดเจน
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านเช่าหรู ภายในซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งเป็นบ้านที่สาวจีนมีการเปิดเช่า แล้วยังพบว่าเป็นบ้านที่มีคราบเลือดอยู่บนที่นอน ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 1 ก.ค. เวลา 19.46 น. จับภาพรถเก๋งสีขาว ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่เห็นสาวจีนขึ้นรถที่ตลาดคลองเตยหลังซื้อทุเรียน โดยเข้าใจว่าเดินทางกลับมาที่พักหลังจากไปซื้อทุเรียนเสร็จ
จากนั้นไม่พบความเคลื่อนไหวว่ารถเก๋งคันดังกล่าว มีการขับเข้า-ออกที่พักของสาวจีนภายในบ้านหรู ย่านสุขุมวิท 16 จนกระทั่งภาพจากกล้องวงจรปิดในวันถัดไป 2 ก.ค. เวลา 20.22 น. มีรถเก๋งสีขาวขับออกจากหมู่บ้านหรูที่พักของสาวจีน ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นการนำสาวจีนออกจากที่พัก หากไม่เป็นสภาพศพก็คาดว่าถูกทำร้าย
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดอีกชุด ซึ่งเป็นภาพวันที่ 2 ก.ค. เวลา 20.30-21.45 น. ซึ่งเป็นเส้นทางบนมอเตอร์เวย์ มุ่งหน้าขาออกไปจังหวัดชลบุรี จับภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นรถเก๋งสีขาว ซึ่งขับออกจากถนนสุขุมวิท 16 มุ่งหน้าไปชลบุรี โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
วันเดียวกันนี้ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปจุดบริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตามที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏเวลา 02.25-03.44 น. ของวันที่ 3 ก.ค. ที่พบลักษณะรถเก๋งสีขาวจอดติดเครื่องอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเดินลงจากรถและมาหยิบจับสิ่งของบางอย่างข้างรถ ก่อนที่จะขับออกไป
โดยทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าหมู่บ้านดังกล่าว มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพรถเก๋งสีขาว ขับเข้ามาบริเวณหน้าหมู่บ้าน เวลา 02.25 น. และมีการจอดอยู่บริเวณจุดจอดของหน้าสินเชื่อแห่งหนึ่ง ราวชั่วโมงเศษก่อนที่จะขับออกไปเวลาประมาณ 03.44 น. โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดหลายมุมจับภาพได้
และกล้องวงจรปิดต่อเนื่อง เวลา 03.45-04.28 น. ของวันเดียวกัน 3 ก.ค. ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดทิ้งศพ จับภาพเห็น รถเก๋งขับไปชะลอรถและจอด ก่อนจะลงจากรถและไปเปิดฝาท้าย มีการเอาสิ่งของลงจากรถ แต่ไม่ได้มีการอุ้ม แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นการลากแล้วเดินหา โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพชายเสื้อสีขาวซึ่งเป็นคนก่อเหตุเดินลงจากรถ แล้วเข้าใจว่าเอาศพไปทิ้ง และหลังจากทิ้งศพแล้วได้มีการเดินกลับมาขึ้นรถ และขับออกไปจากจุดเกิด มุ่งหน้าเอาทรัพย์สินบางส่วนไปเผาอีกจุด
ทีมข่าวพบไทม์ไลน์วงจรปิดจุดทิ้งศพ คนร้ายขับวน 2 รอบ โดยจากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดพบว่า รอบแรกคนร้ายจอดรถเวลาประมาณ 03.45 น. วันที่ 3 ก.ค. จากนั้นเดินไปดูจุดกองขยะที่ทิ้งศพ โดยก่อนจะเดินไปได้ลงจากรถและเปิดประตูท้ายแล้วเดินไปดูบริเวณจุดทิ้งขยะ จากนั้นวันเดียวกันเวลาประมาณ 04.24 น. ผู้ต้องหาเดินกลับมาที่รถ แล้วเปิดประตูหลัง จากนั้นขึ้นรถไปวนจอดบริเวณจุดหน้ากองขยะ โดยใช้เวลา 39 นาที
กระทั่งกลับมารอบที่สอง ของวันเดียวกันเวลาประมาณ 04.29 น. คนร้ายขับรถยนต์ไปจอดบริเวณหน้ากองขยะ (จุดทิ้งศพ) ก่อนจะเดินลงจากรถหายไปบริเวณพงหญ้าข้างทาง ฝั่งตรงข้ามหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต่อมาเวลาประมาณ 04.48 น. คนร้ายกลับมาที่รถ แล้วขับออกมุ่งหน้าไปยังจุดที่เผากระเป๋า โดยใช้ระยะเวลาอยู่จุดดังกล่าว 19 นาที
ขณะที่ทีมข่าวได้พบกับนางเฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 61 ปี ชาวบ้านที่อยู่หมู่บ้านใกล้กับจุดที่พบศพหญิงสาวชาวจีน เปิดเผยว่า เผื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนเองออกจากหมู่บ้านเพื่อจะไปทำงานและไปส่งลูกไปโรงเรียน ระหว่างนั้นแต่เห็นรถเก๋งสีขาวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดจอดอยู่บริเวณริมถนน จากการสังเกตของตนเองพบว่ารถคันดังกล่าวไม่น่าจะเป็นชาวบ้านที่อยู่ละแวกแถวนี้ และจอดไม่ได้ติดเครื่องแต่ไม่พบว่ามีใครยืนอยู่นอกรถ ตนเองยังพูดกับลูกว่ามีคนมาจอดเสียชีวิตหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ สื่อมวลชนได้มีการนำเสนอข่าวรถสีขาวปรากฏในกล้องวงจรปิด บริเวณจุดที่ตนเองเคยพบเห็นมาก่อน ต่อมาเมื่อเช้าเมื่อทราบว่าจุดที่รถเก๋งคันดังกล่าว จอดได้พบศพของหญิงสาวชาวจีน จึงทำให้ตนเองรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และได้ไปเพลย์กล้องหน้ารถ เพราะคิดว่าน่าจะบันทึกเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ แต่ปรากฏว่าเมื่อไปตรวจสอบแล้วกล้องมีอายุเพียงแค่ 7 วัน และได้มีการลบไปแล้วจึงไม่สามารถปรากฏภาพรถคันดังกล่าวในวันที่นำศพมาทิ้งได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติการเดินทางเข้า-ออกประเทศ พบว่า สาวจีนเดินทางจากประเทศมาเลเซีย เข้ามายังประเทศไทยคนเดียว ในวันที่ 26 มิถุนายน ก่อนถูกพบเป็นศพในวันที่ 13 กรกฎาคม รวมเป็น 17 วัน โดยสาวจีนเคยเข้าไทยมาก่อนหน้านี้แล้ว 10 ครั้ง
ส่วนฝ่ายชายต้องสงสัย เดินทางจากประเทศสิงคโปร์เข้าไทย วันที่ 30 มิถุนายน จนกระทั่ง 3 กรกฎาคม เวลา 13.46 น. เจ้าตัวได้เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปลายทางฮ่องกง โดยสายการบินคาเธ แปซิฟิก เที่ยวบิน CX654 รวมอยู่ในไทย 3 วัน โดยเจ้าตัวเคยเข้าไทยมาแล้ว 6 ครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่าทั้ง 2 คนเคยรู้จักกันมาก่อน เนื่องจากตัวของผู้ต้องสงสัย หลังเกิดเหตุพบข้อมูลว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ ไปยังฮ่องกงก่อน จากนั้นก็ไปต่อที่มาเก๊า และพบข้อมูลการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือของผู้ตายตั้งแต่วันที่ 4-6 กรกฎาคม
ต่อมาทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านพักที่ ย่านสุขุมวิท 16 กทม. โดยเป็นบ้านหรูสามชั้น เป็นบ้านเช่าที่คนต่างชาตินิยมมาเช่าชั่วคราวโดยเฉพาะคนจีน เมื่อวานนี้ทางตำรวจได้เข้าตรวจเก็บวัตถุพยาน เนื่องจากมีหลังหนึ่งที่ชายต้องสงสัย มาเช่าพักอาศัยเป็นเวลา 2 วัน คาดเป็นช่วงก่อนก่อเหตุ ก่อนที่เจ้าตัวจะออกจากที่นี่แล้วมุ่งไป จ.ฉะเชิงเทรา ปรากฏว่าไปพบคราบเลือดเล็ก ๆ ที่ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน เจ้าหน้าที่จึงเก็บไปทำการตรวจสอบทั้งไส้ผ้าห่มชั้นใน , ผ้ารองนอน , หมอน เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี
ทีมข่าวลองถามข้อมูลทางโทรศัพท์กับนางเสาวลักษณ์ (นามสมมติ) คนดูแลบ้านพักหรู บอกว่า นายชิง ชายต้องสงสัยมาพักที่บ้านหรูแห่งนี้จริง โดยจองเช่าบ้านหรูผ่านเอเจนซี่แห่งหนึ่ง และมีการจ่ายเงินทางออนไลน์ ก่อนเข้ามาพักเป็นเวลา 2 วัน ในวันที่ 1 และ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวขับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีขาว เข้ามาพักที่บ้านพักหรู จอดรถหน้าบ้านก่อนไขกุญแจบ้านเข้ามาพัก ยืนยันว่าเข้ามาพักช่วงเย็นของวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งตอนที่ตนเองเห็นมาเพียงลำพังไม่มีใครมาด้วย โดยเข้ามาพักเพียงแป๊บเดียวแล้วก็ขับรถออกไป คล้ายกับแค่เอาของมาวางไว้ในห้องพักแล้วก็ขับรถออกไปข้างนอก แล้วเจ้าตัวก็เข้ามาที่บ้านพักอีกครั้งคือเช้าวันที่ 2 กรกฎาคม ก็เข้ามาเพียงแป๊บเดียวแล้วขับรถเก๋งสีขาวคันเดิมออกไป
หลังจากนั้นทางแม่บ้านได้เข้าไปทำความสะอาดภายในบ้านพักหลังนายชิงคืนห้องพักแล้ว ก็พบว่า บริเวณห้องนอนชั้น 3 มีคราบเลือดจุดเล็ก ๆ คล้ายเลือดประจำเดือนหรือเลือดกำเดาติดอยู่ที่ปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน แต่ด้วยเลือดที่ติดบริเวณที่นอนมีจำนวนเล็กน้อยจึงไม่ได้เอะใจ ยืนยันว่าตอนที่แม่บ้านเข้าไปทำความสะอาด พบคราบเลือดจุดเล็ก ๆ ที่บริเวณที่นอนเท่านั้น ในส่วนบริเวณอื่นของบ้านพักไม่พบ รวมทั้งไม่พบร่องรอยการต่อสู้แต่ที่น่าเอะใจคือ ปกติเวลาลูกค้าเข้ามาพักจะต้องมีการขยับเก้าอี้ ขยับรีโมททีวี แต่ปรากฏว่าห้องนอนชั้นสามที่นายชิงมาพัก ไม่มีการขยับเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีร่องรอยการใช้ข้าวของเฟอร์นิเจอร์ในห้อง คล้ายกับเพียงมาเช่าห้องพักไว้เพื่อบางอย่างแต่ไม่ได้มาอยู่
และในขณะที่ประเด็นที่ทุกคนสงสัยว่าที่นอนมีร่องรอยการใช้หรือไม่ ก็มีเพียงเปิดผ้าห่มคล้ายกับมีคนมานอน แต่ผ้าปูที่นอนไม่ได้ยับมีเพียงเปิดผ้าห่มออกมาห่มเพียงนิดเดียวเท่านั้น ส่วนตัวก็เชื่อว่าสาวจีนที่หายตัวปริศนาไม่ได้ถูกฆาตกรรมที่นี่เพราะไร้ร่องรอยหลักฐานที่พบ
อย่างไรก็ตาม ทาง พฐ. ได้เก็บหลักฐานรถเก๋งคันสีขาวดังกล่าว โดยมีการฉีดน้ำยาตรวจสารพันธุกรรม พบขึ้นสีฟ้าบริเวณท้ายรถกระโปงรถที่เก็บสำภาระด้านหลัง และที่พักเท้า เบาะนั่งหลัง นำแผ่นยางปูที่เก็บสำภาระ และแผ่นยางวางเท้าหลังซ้าย จากนั้นเก็บดีเอ็นเอ บริเวณประตูรถด้านหน้า เบาะรถ ทั้งหน้าและหลังคนขับ เพื่อนนำไปตรวจพิสูจน์ จากนั้น พฐ. ประสานร้อยเวรให้ส่งมอบรถไปตรวจละเอียดอีกครั้ง
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบภาพเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่นายชิง ชายต้องสงสัยเดินทางมาที่ประเทศไทย โดยวงจรปิดจับภาพเวลา 01.48 น. นายชิงได้เดินทางมาที่โรงแรม ย่านสีลม จากนั้นเช็กอินครั้งแรก โดยพักอยู่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเดินลงมาเช็กเอาต์ในเวลาประมาณ 11.58 น. จากภาพลักษณะเหมือนมีการฝากกระเป๋าเดินทางเอาไว้ที่โรงแรม
จากนั้นเวลา 17.55 น. กล้องจับภาพรถเก๋ง 4 ประตู คันสีขาว มีนายชิงขับรถเข้ามาจอดที่โรงแรมที่พัก ซึ่งคาดว่าเป็นรถที่เช่ามา (คันแรก) จากนั้นเวลา 18.02 น. กล้องจับภาพนายชิงใส่เสื้อยืดสีขาว สะพายกระเป๋าคาดหน้าอก เข้ามาเช็กอินที่โรงแรมเดิม ย่านสีลมเป็นรอบที่ 2 ก่อนที่เวลา 18.50 น. นายชิงเดินออกมาจากห้องเพื่อมารับรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีขาว (คันที่สอง) ที่เช่าเอาไว้โดยมีการนัดรับกันที่หน้าโรงแรม โดยรถขับมาถึงเมื่อเวลา 19.03 น. หลังจากรับรถเสร็จแล้วนายชิงก็เดินกลับขึ้นไปที่ห้องพัก
ต่อมากล้องวงจรปิดวันที่ 1 กรกฎาคม จับภาพเวลา 16.19 น. กล้องวงจรปิดที่บ้านเพื่อนของสาวจีน ย่านพระราม 9 จับภาพหญิงสาวเดินออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว โดยติดต่อแกร็บให้มารับไปส่ง ย่านสุขุมวิท 12 จากนั้นเวลา 17.11 น. พบว่า น.ส.เหยียน สาวจีน ยืนรอนายชิง และเวลา 17.25 น. พบนายชิงขับรถรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีขาว มารับ น.ส.เหยียน พร้อมนำสัมภาระขึ้นรถและขับออกไป
จากนั้นเวลา 18.03 น. กล้องวงจรปิดจับภาพนายชิงขับรถเก๋งพา น.ส.เหยียน มาที่ตลาด ย่านคลองเตย ก่อนจะเดินไปซื้อทุเรียน ก่อนจะพากันเดินจับมือกันกลับมาที่รถในเวลาประมาณ 19.43 น. ก่อนทั้งคู่ได้กลับไปที่บ้านเช่า ย่านซอยสุขุมวิท 16 ซึ่งบ้านจุดดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด เนื่องจากกล้องเสีย
ต่อมาวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 07.20 น. นายชิง ชายผู้ต้องสงสัยได้เข้ามาเช็กอินที่โรงแรม ย่านศรีนครินทร์ โดยสะพายกระเป๋าเป้สีดำ และมีกระเป๋าลากสีขาวอีกหนึ่งใบ จากนั้นเวลา 12.51.20 น. กล้องวงจรปิดจับภาพนายชิงเช็กเอาต์ ระหว่างที่กำลังเช็กเอาต์มีการยืนพูดคุยอยู่กับชายเสื้อสีชมพู ลักษณะน่าจะเป็นคนที่ให้เช่ารถยนต์ ซึ่งมารับรถกลับไป จากนั้นนายชิงได้เดินทางออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาที่โรงแรมที่เป็นเบาะแสสุดท้ายที่มีภาพวงจรปิดจับภาพนายชิง ชายต้องสงสัยในคดีนี้ เช็กเอาต์ที่โรงแรมแห่งนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทีมข่าวพบ นางสาวนิ่ม (นามสมมติ) พนักงานโรงแรมดังกล่าว บอกว่า ตนค่อนข้างตกใจที่ทราบว่าลูกค้าที่โรงแรมเกี่ยวพันกับคดีหญิงจีนหายตัวปริศนา โดยเมื่อวานนั้ทางตำรวจได้เข้ามาขอดูกล้องวงจรปิดที่โรงแรม พร้อมกับตรวจห้องพักที่ลูกค้ารายดังกล่าวเข้าพัก แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดผลตรวจมากนัก
โดยนายชิงที่เป็นลูกค้ามาเปิดห้องเช็กอินช่วงเช้าวันที่ 3 กรกฎาคม หลังจากนั้นช่วงเที่ยงวันเดียวกันก็เช็กเอาต์ออกไป มาเปิดห้องพักเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น โดยมาเพียงลำพังไม่มีใครติดตามมาด้วย ส่วนสัมภาระที่เอามาก็เหมือนลูกค้าปกติทั่วไปคือมีกระเป๋าเป้และกระเป๋าใหญ่ที่ลากพื้น คล้ายกับนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทย
ขณะนั้นสังเกตได้ว่าเจ้าตัวมีท่าทีพิรุธขณะที่เช็กอินและเช็กเอาต์ที่โรงแรม โดยมีท่าทีพิรุธคือรีบผิดปกติ คือรีบเข้าห้องพัก แล้วก็รีบออกมาเช็กเอาต์ก่อนรีบออกจากโรงแรมไป ภายหลังจากเจ้าตัวเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม แม่บ้านก็ไปทำความสะอาดห้องพักตามปกติก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ส่วนตอนที่ออกจากโรงแรมตนก็ไม่ได้สังเกตว่าเจ้าตัวเรียกแกร็บหรือแท็กซี่เพื่อเดินทางต่อ
ตนก็ค่อนข้างตกใจที่ทางตำรวตตรวจคราบเลือด พบว่า สามารถถ่ายภาพเป็นแสงสีฟ้าได้บริเวณในห้องน้ำ อ่างล้างหน้า 2 จุด และยังได้ตรวจรถเช่าบริเวณด้านกระโปรงหลังจากการสาดสารเคมี ก็ขึ้นแสงสีฟ้าเช่นเดียวกัน เพราะก่อนหน้านี้ทั้งแม่บ้านและทางพนักงานก็ไม่พบสิ่งผิดปกติในห้อง