จากกรณี เมื่อ 04.00 น. วันนี้ (13 ก.ค. 2567) ตำรวจ สภ.เมืองพะเยา รับแจ้ง ว่ามีเหตุคนร้ายบุกรุกเข้าบ้านแล้วใช้อาวุธมีด ไม้ท่อน แทงทุบเจ้าของบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นางสาวชญาดา อายุ 45 ปี และ นางสาวปทิดา อายุ 19 ปี ลูกสาว ส่วนคนร้ายถูกเจ้าบ้านและลูกสาวจับมัดไว้ที่บ้าน เมื่อเปิดโม่งที่คนร้ายปิดบังใบหน้าออกมา ปรากฎว่า คือ นางสกุลกานต์ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านติดกัน และเธอตั้งท้องได้ 7 เดือนแล้ว แต่กลับมาก่อเหตุ ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัดเนื่องจากคนร้ายมีอาการเหมือนคนเสียสติ พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงได้นำทั้ง 3 คน ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล
ด้าน นส.ชญาดา กล่าวว่า ช่วงประมาณ 04.00 น. ตนเองนอนอยู่ในห้องกับลูกชายคนเล็ก ซึ่งตอนนั้นสามีได้ออกไป ขายปลา หลังจากนั้นได้มีคนเปิดประตูเข้ามา ซึ่งในขณะนั้นยังมืดตนเองเห็นเงาเหมือนคนยกค้อนจึงได้ลุกขึ้นมาและยื้อแย่งต่อสู้กัน จนล้มและได้ตะโกนเรียกลูกสาวให้เข้ามาช่วยกันจับตัวคนก่อเหตุได้ และใช้เชือกมัดมือไพล่หลัง โทร. เรียกสามีและชาวบ้านให้มาช่วย ซึ่งเหตุการดังกล่าวได้รับบาดเจ็บทั้งตนเองลูกสาวและผู้ก่อเหตุซึ่งกู้ภัยเทศบาลบ้านต๋อม นำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตนเองถูกแทงและทุบบริเวณหัวและลำตัวบาดเจ็บมีบาดแผลถูกแทง จำนวน 13 แผล และลูกสาวถูกแทงสองแผล สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะว่าผู้ก่อเหตุเป็นญาติ และบ้านอยู่ใกล้กันส่วนในทางคดีให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดข้างบ้านหลังเกิดเหตุ โดยพบว่าช่วงเวลาประมาณ 05.30 น. จะเห็นเพื่อนบ้านได้เข้าไปตรวจสอบในบ้านหลังเกิดและขับรถกระบะเข้าไปรับคนเจ็บทั้ง 2 คน เพื่อนำส่งโรงพยาบาล โดยจะเห็นรถกระบะของเพื่อนบ้านขับออกจากบ้านหลังเกิดเหตุออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเวลา 05.35 น. จะเห็นรถตำรวจได้ขับเข้ามาหน้าบ้านหลังเกิดเหตุหลังจากได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน และการเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุจนถึงฟ้าสว่างช่วง 6 โมงเช้า
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้คลิปภาพเพิ่มเติมช่วงเวลาที่เกิดเหตุ โดยพบว่า ผู้ก่อเหตุได้ถูกจับกุมตัวและถูกมัดมือไว้ ลักษณะเหมือนคนมีอาการช็อก พูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำตัวทั้งหมดส่งโรงพยาบาล
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ พบว่าวันนี้ที่บ้านจุดเกิดเหตุ ไม่มีใครอยู่ เนื่องจากคนเจ็บมีอาการระบมจากพิษบาดแผล ญาติจึงพาไปที่โรงพยาบาลรามพะเยา เพื่อรักษาตัวอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อเช้านี้กลับมาที่บ้านแล้ว 1 รอบ จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับนายเมธาตรัย ลูกชายคนเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน เนื่องจากอาศัยอยู่ที่หอพัก
ส่วนเหตุการณ์ทราบว่า เพื่อนบ้านซึ่งตั้งท้องได้ 7 เดือน ได้พรางตัวสวมโม่งบุกเข้ามาทำร้ายแม่ตนเองถึงในบ้าน และเกิดการต่อสู้กันจนบาดเจ็บ เบื้องต้นแม่ได้กลับมารักษาตัวที่บ้านแล้วเมื่อช่วงเช้า แต่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา แม่มีอาการเจ็บแผลและแผลนั้นระบมและไข้ขึ้น เนื่องจากถูกมีดแทงหลายจุด ทั้งบริเวณใบหน้า คอ และขา จึงต้องพากลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ ส่วนปมปัญหานั้น ตนเองไม่ทราบว่าเขามีปัญหาอะไรกัน และคนร้ายก็เป็นเพื่อนบ้านติดกับแม่เลยด้วยซ้ำ เมื่อวานนี้ทราบว่า คนร้ายยังเดินทางมานั่งเล่น และนั่งกินข้าวกับแม่ช่วงเย็นอยู่เลย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางแป๋ว อายุ 70 ปี เพื่อนบ้าน เล่าว่า เขามีปัญหากันทะเลาะกันตั้งแต่กี่โมงตนเองไม่ทราบเนื่องจากนอนหลับ มารู้ข่าวอีกทีตอนที่รถเจ้าหน้าที่กู้ภัยขับเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งตอนแรกก็ยังคิดว่าแค่คนป่วยธรรมดา จนมาทราบทีหลังว่ามีเหตุคนแทงกัน ซึ่งตนเองก็ไม่กล้าเข้าไปดูยังจุดเกิดเหตุเนื่องจากกลัว
ส่วนคนเจ็บกับผู้ก่อเหตุบ้านอยู่ติดกันและเป็นเครือญาติกัน บ้านห่างกันประมาณ 10 เมตร ซึ่งอยู่ด้วยกันก็ไม่เคยมีปัญหาใด ๆ กัน และทำธุรกิจค้าขายปลาด้วยกัน ส่วนปมปัญหาการเกิดเหตุในครั้งนี้ตนเองไม่ทราบจริง ๆ ว่าเกิดจากสาเหตุใด และมีแรงจูงใจมาจากเรื่องอะไร ซึ่งปกติผู้ก่อเหตุนั้นก็ดูเป็นคนนิสัยดี ไม่ได้ดูโหดร้ายอะไร และยอมรับว่า ขณะนี้ทุกคนในหมู่บ้านก็อึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายสมปราการ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.บ้านต๋อม ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณตี 4 ของเช้าวันนี้ หลังได้รับแจ้งจึงรีบมาตรวจสอบ พร้อมกับตำรวจและประสานกู้ภัย เมื่อมาถึงพบผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 3 ราย เป็นผู้บาดเจ็บ 2 รายและผู้ก่อเหตุ 1 ราย และผู้ก่อเหตุได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้วโดยการถูกจับมัด
หลังจากตนเองมาถึงผู้ก่อเหตุไม่รู้สึกตัวและมีอาการชักเกร็งไปชั่วขณะ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะผู้ก่อเหตุเองก็ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7-8 เดือน ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายก็ยังรู้สึกตัวดีอยู่ จึงรีบช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งโรงพยาบาลเช่นกัน จากนั้นตนเองพยายามสอบถามข้อมูลจากทางฝั่งผู้ก่อเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุนั้นนิ่งไม่ให้ข้อมูลใด ๆ มีลักษณะอาการเหมือนคนช็อกตาค้าง และไม่ตอบสนอง ส่วนประวัตรักษาอาการจิตเวชตนเองไม่ทราบ และก็ยังไม่ทราบถึงปมเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ เพราะทั้งผู้ก่อเหตุและคนเจ็บไม่เคยมีปัญหาทะเลาะอะไรกันมาก่อน
และเมื่อช่วงเย็นคืนก่อนที่จะเกิดเหตุผู้ก่อเหตุ และคนเจ็บก็ยังร่วมวงนั่งทานข้าวกันตามปกติ แต่ยอมรับว่าตัวของผู้ก่อเหตุค่อนข้างเป็นคนเก็บตัวเงียบ ส่วนอาวุธที่เจอในจุดเกิดเหตุ มีฆ้อน (ใช้ตอกตะปู) และมีด ปอกผลไม้ ซึ่งอาวุธทั้งหมดพกมาจากที่บ้านของผู้ก่อเหตุ แต่สิ่งที่ทุกคนคาใจ และอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ผู้ก่อเหตุมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดีพกอาวุธมาจากบ้าน สวมใส่หมวกโม่ง ใส่ชุดลายพรางเพื่อพรางตัวและสวมรองเท้า ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยแต่งกายแบบนี้ ขณะเกิดเหตุ ผู้บาดเจ็บ ทั้ง 2 คน ย้งไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร จึงต่อสู้และช่วยกันเปิดหมวกโม่งออก จนมาทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุคือคนข้างบ้าน