จากกรณีเมื่อเวลา 22.50 น. วันที่ 14 ก.ค.67 ร.ต.อ.พยุง กุลคำแสง รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกาย มีผู้เสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 33 ม.5 บ.ตับเต่า ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร รพ.ร้อยเอ็ด กู้ชีพ อบต.ขอนแก่น
ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ภายในห้องน้ำ ด้านข้างของบ้านพัก พบศพผู้เสียชีวิต นางสาวไพรทูล อายุ 44 ปี สภาพศพ บริเวณศีรษะมีแผลยุบคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ จึงทำการนำศพส่งพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่นิติเวช รพ.ร้อยเอ็ด
หลังจากนั้นชุดสอบสวน สุรสีห์ ได้ติดตามหาตัวผัวของผู้ตาย (ผู้ก่อเหตุ) จนพบตัวได้หลบอยู่ในห้องน้ำบ้านใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าควบคุมตัว ทราบชื่อคือ นายวัชรินทร์ อายุ 53 ปี
ล่าสุดวันนี้ (14 ก.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด โดยเมื่อเวลา 13.16 น. ตำรวจได้คุมตัวนายวัชรินทร์ ผู้ก่อเหตุออกจากห้องขังเพื่อพาไปขึ้นรถ ซึ่งในขณะที่ตำรวจคุมตัวออกไปขึ้นรถ ทีมข่าวสังเกตเห็นว่านายวัชรินทร์ ยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิมและมีสีหน้าเคร่งเครียด
จากนั้นเมื่อตำรวจนำตัวไปถึงหน้าบ้านที่เกิดเหตุ /จุดแรกที่ตำรวจนำตัวนายวัชรินทร์ ไปชี้จุดก็คือบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตำรวจมีการให้นายวัชรินทร์ ชี้เข้าไปในบ้านเพื่อถ่ายรูปประกอบสำนวนคดี ซึ่งนายวัชรินทร์ ก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี
จากนั้นเมื่อชี้จุดแรกเสร็จ ตำรวจได้นำนายวัชรินทร์ เข้าไปภายในบ้าย โดยจุดที่ 2 นายวัชรินทร์ ได้พาตำรวจไปชี้ตรงโต๊ะม้าหินหน้าห้องนอน ซึ่งเจ้าตัวให้การกับตำรวจว่า ก่อนเกิดเหตุนางสาวไพรทูล ซึ่งเป็นภรรยานั่งหันหลังอยู่ตรงโต๊ะม้าหิน กระทั่งเมื่อมีปากเสียงกันและเรียกให้ภรรยาหันมาคุยแต่ภรรยาไม่คุยด้วย จึงเดินไปหยิบท่อนไม้ที่เตาถ่านมาทุบที่หัวภรรยา 2 ครั้ง หลังจากนั้นเมื่อภรรยาลุกขึ้นและเดินเซเข้าไปในห้องนอน จึงเดินตามไปทุบหัวภรรยาอีก 1 ครั้ง และหลังจากภรรยานอนแน่นิ่งไป ก็เลยนำท่อนไม้ที่ทุบหัวภรรยาไปวางไว้ข้างๆโต๊ะม้าหิน
ส่วนจุดที่ 3 นายวัชรินทร์ ให้การกับตำรวจว่า หลังจากวางไม้เสร็จแล้ว ได้ลากร่างของภรรยาไปที่ห้องน้ำ โดยห้องน้ำจะอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุที่หน้าห้องนอนประมาณ 10 เมตร จากนั้นเมื่อลากร่างภรรยาเข้าไปในห้องน้ำ นายวัชรินทร์ ยังให้การกับตำรวจอีกว่า ตัวเขาเองมีการตักน้ำเพื่อล้างตัวให้ภรรยาในลักษณะอาบน้ำให้ตื่น ซึ่งนายวัชรินทร์ ยืนยันกับตำรวจว่าตอนที่อาบน้ำให้ภรรยาในห้องน้ำ ภรรยายังรู้สึกตัวอยู่ แต่พออาบไปเรื่อยๆ ภรรยาดันนิ่งไป ด้วยความตกใจก็เลยทิ้งภรรยาไว้ในห้องน้ำและได้เดินไปบอกญาติให้มาช่วยดูภรรยาว่าตายหรือยัง
จากนั้นในขณะที่ตำรวจกำลังคุมตัวนายวัชรินทร์ ผู้ก่อเหตุ กลับไปขึ้นรถเพื่อนำตัวกลับไปโรงพัก ทีมข่าวจึงได้เข้าไปถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายวัชรินทร์ ยืนยันกับทีมข่าวว่าตอนก่อเหตุใช้ท่อนไม้ทุบหัวภรรยาไปทั้งหมด 3 ครั้ง ยอมรับก่อนจะก่อเหตุนั่งดื่มเหล้าขาวกับภรรยาอยู่ที่โต๊ะม้าหินไป 2 ขวด เมาทั้งคู่
จากนั้นก่อนจะเข้านอน ตนเองได้มีปากเสียงกับภรรยา เพราะภรรยาขู่ว่าจะหนีออกไปจากบ้าน ด้วยความโมโหก็เลยเดินไปหยิบท่อนไม้ทุบหัวภรรยา ส่วนเหตุการณ์ที่ลากร่างภรรยาเข้าไปอาบน้ำ เป็นเพราะว่าภรรยาแน่นิ่งไปจึงคิดว่าถ้าพาเข้าไปอาบน้ำคงจะฟื้นขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ยืนยันก่อนจะเกิดเหตุ ทะเลาะกับภรรยาไม่บ่อย ตอนก่อเหตุไม่ได้ตั้งใจทำร้ายให้ถึงตาย
ขณะเดียวกันพฤติกรรมของผัวเมียที่มักจะทะเลาะกันจนชาวบ้านและญาติๆระอา วันนี้ชาวบ้านได้ส่งคลิปและภาพนิ่งซึ่งเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ซึ่งจะเห็นว่าหากผัวกับเมียคู่นี้ทะเลาะกันนอกบ้าน ถ้าผัวตามง้อ แล้วเมียไม่ยอมกลับเข้าไปในบ้าน ก็จะเห็นว่านายวัชรินทร์ จะมีการนอนแผ่อยู่ตรงกลางถนน ซึ่งเมียก็จะนั่งเฝ้าผัวอยู่ข้างๆ
ด้าน นางหม้วย อายุ 72 ปี เป็นป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลานชายกับหลานสะใภ้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนานแล้วแต่ไม่มีลูกด้วยกัน ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ทั้งคู่ดื่มเหล้าเมา เขาก็จะทะเลาะกันให้เห็นทุกวัน ซึ่งฝ่ายหญิงก็จะถูกหลานชายตีจนหัวแตก แต่พอตื่นเช้ามาเขาก็ดีกันและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งปมเหตุส่วนใหญ่ที่เขาทะเลาะกันคือ เรื่องที่ฝ่ายหญิงซักผ้าไม่หอม ไม่ทำความสะอาดบ้าน และเรื่องที่ฝ่ายหญิงเป็นคนไม่ชอบอาบน้ำ ซึ่งตอนเกิดเหตุเมื่อวานที่ตนเองไม่เดินมาดูก็เป็นเพราะว่าญาติๆต่างระอากับผัวเมียคู่นี้ ส่วนศพของหลานสะใภ้ ทางญาติฝ่ายชายได้แจ้งไปทางพ่อแม่ของหลายสะใภ้แล้วให้มารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวก็อยากจะขอโทษกับครอบครัวหลานสะใภ้ ยอมรับหลานชายเป็นคนไม่ดี