สืบเนื่องจากกรณี เมื่อเวลา 09.16 น. วันที่ 13 ก.ค. พบผู้เสียชีวิตชาย 1 ราย สภาพนอนหงาย ลักษณะการแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาวลายสก็อตสีขาวดำ กางเกงขายาวสีดำ มีแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ช่วงบริเวณศีรษะด้านซ้าย และชายโครงด้านขวา ทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นายจิรศักดิ์ อายุ 53 ปี ใกล้เคียงพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ซูซูกิ สแมช สีน้ำเงินดำ นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุนปืนตกอยู่ 2 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ทราบชื่อ ผู้ก่อเหตุคือ นายลัทธพล อายุ 40 ปีอ้างว่าผู้เสียชีวิตเป็นชู้กับภรรยา

 

ล่าสุดวันนี้ ทางทีมข่าวลงพื้นที่ ไปยังสภ. ชาติตระการ พบว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายลัทธพล ผู้ต้องหาออกมาสอบปากคำเพิ่มเติม เดินขณะนำตัวกลับเข้าห้องขัง นายลัทธพลได้เปิดเผยกับทางทีมข่าวสั้นๆ ว่า “ ชนวนในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังคงยืนยันคำเดิม ว่าเกิดจาก ทางด้านผู้เสียชีวิตมายุ่งกับภรรยาของตน จนเป็นสาเหตุให้แตกร้าวกัน ” 

 

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า นายลัทธพลได้เดินทางไปง้อภรรยาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หลังจากเริ่มมีปัญหาและแยกห่างกัน แต่ด้วยภรรยาไม่ยอมคืนดี จึงปักใจเชื่อว่าสาเหตุของการแตกร้าวครั้งนี้เกิดจากภรรยาคบชู้กับผู้เสียชีวิต จึงลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ โดยทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกตัวภรรยาของนายลัทธพล เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง ในอาทิตย์หน้า โดยเบื้องต้นจะส่งฝากขัง ศาลจังหวัดพิษณุโลก ในวันพรุ่งนี้เวลา 09:00 น. อีกทั้งเบื้องต้นตรวจพบสารเสพติด ภายในร่างกายของนายลัทธพล ผู้ต้องหาอีกด้วย

 

โดยเมื่อช่วงบ่าย วันที่ 13 ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายลัทธพล ผู้ต้องหา ไปยังจุดที่ซ่อนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งหลังจากก่อเหตุนายลัทธพล ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีเข้าไปยังบ้านพักของตัวเองแล้วนำอาวุธปืนไปซุกซ่อนเอาไว้ในพงหญ้าที่อยู่บริเวณบ้านพักก่อนที่จะทำการเปลี่ยนเป็นรถกระบะแล้วทำการหลบหนี ซึ่งจากการตรวจสอบพบอาวุธปืนแมกกาซีนขนาด 11 มม. ถูกใส่ไว้ในซอง ในรังเพลิงพบลูกกระสุนปืนค้างอยู่ 1 นัด

 

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตามตัวนายลัทธพล ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณหน้าหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนาตาจูม จุดเกิดเหตุ โดยผู้ต้องหาบอกว่า ตนเองขี่จักรยานยนต์มาจอดอยู่ที่หน้าที่เกิดเหตุระหว่างนั้น นายจิรศักดิ์ ผู้เสียชีวิต ได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา ตนจึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ 1 นัด จนจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตเสียหลักล้มลง กับถนนจากนั้นตนจึงได้เดินตามไปยิงซ้ำอีก 2 นัด แล้วขี่จักรยานยนต์หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ

 

ด้านนางแดง (นามสมมติ) เจ้าของร้านขายของชำ ที่ด้านผู้เสียชีวิตไปซื้อของก่อนเกิดเหตุ เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า ขณะนั้นตนนั่งขายของภายในร้านตามปกติ โดยนายจีรศักดิ์ผู้เสียชีวิตขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาซื้อขนม รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้และอาหารสำหรับสุนัขและแมว ด้วยผู้เสียชีวิตนั้นเลี้ยงสัตว์หลายตัวและเป็นคนรักสัตว์อย่างมาก ขณะซื้อของก็มีการพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันตามปกติ แต่ไม่ได้คุยรายละเอียดอะไรกันมากนัก 

 

จนกระทั่งนายจีรศักดิ์ขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากร้านของตน ผ่านไปประมาณ 2 - 3 นาที ได้ยินเสียงดังลั่นคล้ายประทัด จึงรีบเดินออกไปดู พบนายจีรศักดิ์นอนแน่นิ่งพร้อมกองเลือดอยู่บริเวณหน้า รพ.สต. อีกทั้งชาวบ้านในละแวกพากันแตกตื่น ตนจึงทราบว่าด้านนายจีรศักดิ์ถูกยิง ส่วนฝั่งผู้ก่อเหตุนั้น หลังเกิดเหตุได้มีการขับรถหลบหนีออกไป 

 

ตนยืนยันว่านายจีรศักดิ์ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นคนดีอย่างมาก อัธยาศัยดีชอบช่วยเหลือเพื่อนบ้าน มีครอบครัวและภรรยาที่น่ารัก จึงไม่สมควรที่จะเสียชีวิตแบบนี้ ส่วนทางด้านผู้ก่อเหตุนั้น เคยมาซื้อของร้านตนประมาณเมื่อหนึ่งถึงสองปีก่อน หลังจากนั้นก็แทบไม่เคยเจอกันอีกเลย ตนพอจะทราบว่าทางด้านผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด 

 

ส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่า นายจีรศักดิ์ยุ่งเกี่ยวกับภรรยานั้น ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ นายลัทธพล ผู้ก่อเหตุอาจจะมีอาการหลอนไปเอง เนื่องด้วยเสพยาเสพติดอย่างหนัก และยืนยันได้ว่านายจีรศักดิ์ผู้เสียชีวิตไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ รักครอบครัว และไม่เคยได้ยินเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ในหมู่บ้านเลย อาจเป็นไปได้ว่าทางด้านผู้ก่อเหตุเกิดอาการหลอนเนื่องจากบ้านทั้งสองอยู่ใกล้กัน จึงระแวงไปทั่ว

หนุ่มหึงเมียปันใจยิงเสี่ยค้าไม้กลางถนนฆ่ามารหัวใจ