วันที่ (15 ก.ค.67) เวลา 7.30 น. ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ โดยวันนี้เป็นการเปิดเรียนวันแรก หลังจากที่ได้มีการหยุดเรียนระยะเวลา 1 เดือน ด้วยสาเหตุการเสียชีวิตของหนูน้อยวัย 3 ขวบนั้น 

 

โดยวันนี้ ทีมข่าวพบว่า ครูน้อยได้เดินทางมาทำงานตั้งแต่เช้าเป็นคนแรก ตามด้วยครูไดห์ และครูหน่าย ครูคนใหม่จากศูนย์ฯ บ้านคอนกาม ทั้ง 2 ท่าน ที่เดินทางมาสอนเป็นวันแรกอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งครู มีลักษณะใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มารอต้อนรับผู้ปกครองและเด็กนักเรียนที่จะเดินทางมาในเช้าวันนี้ ซึ่งบรรยากาศเช้านี้ก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยสายฝนทำให้ผู้ปกครอง ต่างก็ทยอยเดินทางมาส่งบุตรหลานตนเอง 

 

ต่อมา เวลา 7.50 น. ผู้ปกครองคนแรกได้เดินทางมาส่งบุตรหลาน ขณะที่ครูได้กำลังยืนรอรับเด็กได้รีบเข้าไปต้อนรับทักทายและรับเด็กเข้ามา บริเวณหน้าประตูรั้ว หลังจากนั้นให้ผู้ปกครองทำการเซ็นต์ชื่อในบันทึก รับ-ส่ง เด็กนักเรียน โดยครูได้แนะนำให้ผู้ปกครองทุกคนที่มาส่งเด็กต้องเซ็นชื่อ เพื่อใช้เช็คยอดจำนวนของเด็กที่มาเรียน

 

ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้พูดคุยกับ นายประจักษ์ อายุ 62 ปี ปู่อะเดล ให้ข้อมูลประเด็นการตัดสินใจพาหลานมาเรียนในวันนี้ เผยว่า รู้สึกเหมือนเดิม โดยหลานของตนในเช้านี้ไม่มีอาการงอแงเนื่องจากอยากมาโรงเรียน ส่วนความเป็นห่วงของตนนั้นยังมีความกังวลว่าหลานจะไปเล่นน้ำเพราะน้องชอบเล่นน้ำ แต่อย่างไรก็มีการพัฒนาปรับปรุงที่ดีขึ้น มีรั้วที่ดีกว่าเดิม ตนจึงไม่ค่อยกังวลมาก

 

จากนั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ครูน้อย ถึงความรู้สึกในการเปิดเรียนวันนี้ และเป็นครูคนเดิมที่ยังได้ทำงานต่อ เผยว่า ตนรู้สึกตื่นเต้นมาก ซึ่งวันนี้ได้เดินทางมาเป็นคนแรก ตั้งแต่เวลา 7.30 มาเปิดประตูและเตรียมต้อนรับเด็กๆ ส่วนวันนี้ยังมีเด็กที่งอแงปกติ เนื่องจากบางคนยังเป็นเด็กใหม่ และมีน้องทะเลที่มักร้องอยู่เป็นประจำ ส่วนความปลอดภัย ตนยืนยันมีความมั่นใจมากขึ้นในรั้วรอบขอบชิดและมีประตูเข้าออก ที่มีกุญแจเปิดปิดอย่างดี นอกจากนี้ก็อยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองทุกคนด้วย เนื่องจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไม่เหมือนเดิม เพราะมีรั้วที่ได้มาตรฐาน และมีการเปลี่ยนบุคลากรมาดูแลเด็กๆ ที่มีคุณภาพทุกคน

 

ต่อมา เวลา 10.30 น. ครอบครัวของน้องอลิสได้เดินทางมายัง สภ. ยางชุมน้อย โดยมี นายปัญญา (พ่อ) น.ส.นางพุทธมาลย์ (แม่) นางทองทิพย์ (ย่า) นายนวรัตน์ (ปู่) และยายของน้องอลิส ที่เดินทางมาพบ พ.ต.ท. ปัญญา โพธิขำ สว.(สอบสวน) เพื่อสอบถามความคืบหน้าผลชันสูตร

 

ในส่วน ทางด้าน พ่อ และย่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เรียกสอบปากคำเพิ่มเติมในเรื่องของคดี และพูดคุยในเรื่องของข้อเสนอการเยียวยา ของครูหนุ่ยอีกด้วย โดยใช้เวลาพูดคุยอยู่ประมาณ 30 นาที

 

หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายปัญญา-นางสาวพุทธมาลย์ (พ่อแม่อลิส) เผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาเซ็นเอกสารและสอบปากคำเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะแจ้งผลชันสูตรอย่างแน่ชัด ภายในวันศุกร์ ที่ (19 ก.ค.นี้ ) ซึ่งจะทราบผลดีเอ็นเอ ดินที่ติดรองเท้า และลักษณะของน้ำที่อยู่ในร่างกาย คาดว่าผลน่าจะออกครบทุกอย่าง 

 

ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรทางครอบครัวก็พร้อมทำใจยอมรับ หากผลชันสูตรออกมาเป็นน้ำในบ่อทาง ด้านนางสาวพุทธมาลย์ แม่ของอลิส ย้ำอีกว่า ตนรับได้ แต่ต้องมีหลักฐานมายืนยันน้องสามารถเดินไปเองได้อย่างไร ซึ่งตนคิดว่าน้องไม่สามารถเดินไปเองได้จะต้องมีต้นสายปลายเหตุอย่างแน่นอน

 

ขณะเดียวกัน ทางครอบครัวยอมรับมีความสบายใจมากยิ่งขึ้นซึ่งตำรวจก็ได้มีการนัดหมายแล้วว่าในวันศุกร์นี้จะได้ทราบผลอย่างแน่นอน โดยช่วงนี้มีคุย ปรึกษากับทางทนายโนบิบ้าง ก็มีการสอบถามพูดคุยกันอยู่เรื่อยๆ

 

ส่วนประเด็น ในเรื่องของการเยียวยา ทางครอบครัวขอยืนยันเงื่อนไขเดิมในจำนวน 200,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งให้ทราบว่าคุณครูหนุ่ยได้มีการติดต่อมายังโรงพักเพื่อให้ตำรวจทำเอกสารบันทึกข้อยอมรับในจำนวนเงื่อนไขเดียวกับคุณครูทั้งสองคน (คือ ครูน้อย ครูปูเป้) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำให้ได้เนื่องจากทางครอบครัวยังไม่ยินยอม 

โดยทางครูหนุ่ยเป็นคนโทรมาแต่ไม่ได้มาด้วยตนเอง ส่วนตัวมองว่าครูหนุ่ยไม่แสดงความจริงใจหากจริงใจควรที่จะมายินยอมรับสารภาพด้วยตนเองและและทางครอบครัวจะต้องมาเป็นพยานด้วย ซึ่งทางครูหนุ่ยไม่เคยติดต่อมาหาทางครอบครัวอีกเลยหลังจากที่ได้มีการเข้ามาขอขมา 

 

ส่วนประเด็นการเปิดเรียนวันแรกที่ได้มีการเปลี่ยนครูบุคลากรคนใหม่ ทางครอบครัวรู้สึกดีเห็นด้วยซึ่งผู้ปกครองหลายท่านจะได้ไปทำงานสำหรับสิ่งนี้ตนก็เข้าใจเพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่ไม่มีเวลาในการดูแลบุตรหลาน

 

นอกจากนี้นางสาวพุทธมาลย์ แม่ของอลิส อยากจะบอกกับครูหนุ่ยว่า หากบริสุทธิ์ใจจริงก็ให้มารับสารภาพยอมรับข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ไม่ต้องโทรมาหาตำรวจลับหลังเพราะทางตำรวจไม่ทำให้ เพราะทางครอบครัวไม่ได้ยินยอม

ศุกร์นี้เปิดผลชันสูตร"อลิส" ใคร?ทำตาย