ที่จังหวัดสุรินทร์ ทีมหน่วยพญาเสือ บุกจับขบวนการค้าสัตว์ป่าชิ้นส่วนงานช้าง ยึดของกลาง ลูกเสือโคร่ง 2 ตัว งาช้าง 26 ชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 เวลา 19.30 น. ชุดพญาเสือ นำโดย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดม อ.สังขะ จ.สุรินทร์ นำโดย พ.ต.อ.ยุทธนา จาตุรัตน์ ผกก.สภ.ดมรองผู้กำกับป้องกันปราบปราม สภ.ดม และชุดสืบสวน ร่วมกันวางแผนล่อซื้อก่อนสามารถจับกุม 2 สามีภรรยา คือ นายกรฤทธิ์ อายุ 49 ปี และนางมนัส อายุ 48 ปี ชาว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมาย ที่บริเวณ 4 แยกวงเวียนบ้านลันแต้ ต.เทพรักษา อ.สังขะฯ พร้อมของกลางลูกเสือ เพศผู้และเพศเมีย จำนวน 1 คู่ อายุประมาณ 2-3 เดือน ที่ถูกขังอยู่ในกรง วางอยู่บนเบาะด้านหลังรถเก๋งสปอร์ต สีเทา ยี่ห้อ เบ้นซ์ หมายเลขทะเบียน ฐฐ 7245 กทม.พร้อมของกลาง งาช้างไทย กิ่งใหญ่จำนวน 2 คู่ น้ำหนักคู่ละ 50 ก.ก. ราคาจำหน่าย ก.ก.ละ 2 หมื่นบาท มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงาช้างแอฟริกา อีกจำนวน 26 ชิ้น น้ำหนัก 49.8 ก.ก. มูลค่านับล้านบาทอีกด้วย ถูกบรรจุไว้ในถุงปุ๋ย วางอยู่บริเวณห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเบาะรถ
ซึ่งการล่อซื้อและจับกุมในครั้งนี้ ชุดพญาเสือและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดม มีการประชุมวางแผนมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่ช่วงเช้า มีการวางทีมชุดจับกุม วางตำแหน่งอย่างเป็นระบบ มีการส่งพิกัดในการล่อซื้อให้คนร้ายทราบ หลังจากคนร้ายได้ทำการโพสต์ขายลูกเสือและงาช้างในกลุ่มไลน์เฉพาะ ซึ่ง จนท.ก็ได้มีการออกไปตรวจสอบพื้นที่นัดหมายก่อน เพื่อวางแผนล่อซื้อ และมีการประเมินสถานการณ์อย่างรัดกุม เกรงว่าคนร้ายจะมีอาวุธ รวมทั้งชุดพญาเสือยังได้เตรียมนมไว้ให้ลูกเสือกินอีกด้วย
ทั้งนี้ จนท.ได้มีการเจรจาล่อซื้อลูกเสือ จำนวน 8 ตัว ตัวใหญ่ 2 ตัว ตัวเล็ก 6 ตัว กับตัวการใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ลักลอบค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายและมีชื่อเสียงอยู่ในแวดวงดังกล่าวมานาน ซึ่งสายลับมีการสืบและทำการล่อซื้ออย่างรวดเร็วด้วยความแยบยล จนคนร้ายตายใจและยอมนำสัตว์ป่าและของกลางออกมาจากพื้นที่ จ.มุกดาหารมาส่งให้ แต่คาดว่าระหว่างนั้น ตัวการใหญ่เกิดไหวตัวทัน และเปลี่ยนใจให้ 2 สามีภรรยานำลูกเสือ 2 ตัวจากพื้นที่อื่น มาส่งให้พร้อมงาช้างส่วนหนึ่งแทน ก่อนถูกจับกุมตัวดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ชุดพญาเสือ ได้นำตัว 2 สามีภรรยาไปทำการสอบปากคำร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดม ถึงที่มาที่ไปของของกลาง ในเบื้องต้นผู้ต้องหาปฏิเสธว่าลูกเสือไม่ใช่ของตนเอง ถูกฝากมาอีกทีพร้อมกับงาช้างแอฟริกา ส่วนงาช้างไทยมีหลักฐานการได้มา แต่เขาไม่ได้ให้หลักฐานมา และยังไม่ยอมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร ซึ่ง จนท.ที่จะต้องใช้เวลาในการสอบสวนเพื่อขยายผลและติดตามจับตัวขบวนการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังต่อไป ในเบื้องต้น ได้นำตัวส่ง ร.ต.อ.สามารถ คล่องดี ร้อยเวร สภ.ดม เพื่อดำเนินคดีในข้อหาครอบครองสัตว์ป่าและค้าสัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ต่อไป
นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เราได้ติดตามมาเครือข่ายนี้มานาน เป็นเครือข่ายใหญ่มาก ไม่ใช่แค่นี้ ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เราจับผู้ต้องหาได้เท่านั้น เสือก็ต้องรอด ของกลางตรงนี้น้อยมาก ไม่ใช่มีแค่เท่าที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ซึ่งต้องขอขอบคุณทีมงานที่มีความเข้มแข็งและเสียสละพอสมควร ส่วนลูกเสืออีก 4 ตัว เรากำลังติดตามหาพิกัดอยู่เพื่อเข้าจับกุมและช่วยเหลือลูกเสือต่อไป สำหรับลูกเสือ 2 ตัวดังกล่าว ก็ต้องตรวจดูสุขภาพและนำไปดูแลตามขั้นตอนต่อไป สำหรับงาช้างไทย 2 คู่ ผู้ถูกกล่าวหาบอกว่ามีหลักฐาน แต่เขาไม่ได้ให้มา อาจจะขายลอยมาอย่างไรก็ค่อยพิสูจน์กัน ซึ่งพบว่ามีสติ๊กเกอร์ติดไว้ที่งาช้าง โดยจะต้องนำไปตรวจสอบว่าเป็นสติ๊กเกอร์ที่ถูกต้อง มีที่มาที่ไปในการครอบครองหรือไม่ หรือเป็นสติ๊กเกอร์ที่ปลอมขึ้นมา เราก็ต้องให้ความเป็นธรรมต่อผู้ที่เรากล่าวหา