จากกรณีในช่วงเช้าที่ผ่านมา มีการแชร์โลกโซเชียลถึงพฤติกรรมของ “เอก สายเต๊าะ” ที่มีภาพออกมาในลักษณะเป็นการไปจอดรถขวางทางเข้า-ออกของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในซอยเทิดราชัน 17 พื้นที่ดอนเมือง และมีการโวยวายและมีปากเสียงดังกัน อีกทั้งยังมีวีรกรรมก่อกวนเพื่อนบ้านอีกหลายคลิป นั้น






ล่าสุด (17 กรกฎาคม 2567) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ได้เข้ามาพูดคุยก่อนจะทำการยกรถออก และควบคุมตัว มาที่ สน.ดอนเมือง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี และทาง เอก สายเต๊าะ ได้พยายามสอบถามว่าเขาถูกจับข้อหาอะไร และให้เจ้าหน้าที่อ่านบันทึกจับกุมให้ฟัง ก่อนจะยอมรับผิด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา พกอาวุธมีดไปในเมืองทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งนายอ้างว่าไม่ใช่อาวุธเป็นเพียงมีหมอ และก่อความเดือดร้อนรำคาญ ก่อนทำการเปรียบเทียบปรับ 200 บาท ส่วนกรณีที่จอดรถขวางทางออกหมู่บ้านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ออกใบสั่งให้มาเสียค่าปรับในภายหลัง






ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามพูดคุยและซักถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเอก สายเต๊าะ ระบุแต่เพียงว่า ให้ไปคุยที่บ้านและทำเสียงเต๊าะอยู่ตลอดเวลา และมีการพูดถึง หนุ่ม กรรชัย รวมถึงทนายไพศาล เกี่ยวกับการรักษาสัจจะที่ให้ไว้ และเงิน 1 แสนที่สัญญาไว้ ทั้งนี้ระหว่างทางที่จะไปพบพนักงานสอบสวน นายได้พูดกับผู้สื่อข่าวว่าถ้าถามอีกคำจะต่อย ก่อนจะใช้มือปัดมือถือที่ผู้สื่อข่าวกำลังบันทึกภาพหลุดมือ แต่โชคดีไม่ตกพื้นรับไว้ทัน




ภายหลังที่เสียค่าปรับเรียบร้อย เอก สายเต๊าะ ได้เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านโดยจอดรถขวางทางเข้าแล้วเดินไปที่สำนักงานนิติบุคคลโดยทันที พร้อมทั้งถามหาเจ้าหน้าที่แต่ไม่มีใครออกมา ก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านและปล่อยรถจอดคาไว้จน รปภ. หมู่บ้าน ต้องขอกุญแจเพื่อขับไปจอดหน้าบ้านให้


ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นายเอกลักษณ์ หรือ เอก สายเต๊าะ อายุ 42 ปี ย่านดอนเมือง เพื่อสอบถามถึงกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น โดยนายเอก สายเต๊าะ ได้เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า โดยในช่วงเช้าตนได้ขับรถของตนออกไปที่หน้าหมู่บ้าน เพื่อที่จะไปใส่บาตรกรวดน้ำและซื้อพวงมาลัยเข้ามาไหว้พระ แต่เมื่อรถของตนถึงบริเวณป้อมยาม รปภ. หน้าหมู่บ้าน รถของตนได้เกิดมีปัญหาและกระตุกดับ บริเวณทางเข้า-ออกหน้าหมู่บ้าน ตนจึงได้จอดรถทิ้งไว้บริเวณบริเวณดังกล่าว และได้เดินไปใส่บาตรกรวดน้ำและซื้อพวงมาลัย โดยหลังจากนั้นตนจึงได้เดินกลับเข้ามาในบ้านโดยจอดรถไว้บริเวณทางเข้า-ออกหมู่บ้านเช่นเดิม




ซึ่งรถของตนนั้นมีปัญหาจริง แต่ตนก็ทราบดีอยู่แล้วว่ารถของตนสามารถสตาร์ทได้ เนื่องจากรถของตนมีปัญหาเรื่องอินเตอร์คูลเลอร์ แต่ตนก็ตั้งใจที่จะจอดไว้บริเวณดังกล่าว เนื่องจากเรื่องของหมู่บ้านที่ทำกับตนไว้ มีหลายเรื่อง ซึ่งตนได้พยายามบอกให้แก้ไขแล้วแต่ทางหมู่บ้านก็ไม่ได้สนใจ


โดยเรื่องที่ทำให้ตนไม่พอใจ อาทิเช่น การรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่หละหลวม ซึ่งให้คนนอกเข้ามาได้โดยง่าย อีกทั้งเรื่องการเข้าหมู่บ้านที่ต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดเข้า-ออกก็ยังเป็นเรื่องที่ล้าสมัย และทำให้ตนต้องคอยระวังความปลอดภัย เรื่อง ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ที่มักจะมีปัญหาอยู่บ่อยครั้ง หลังจากที่ได้รับบ้านมา อีกทั้งสุนัขของตนก็ยังถูกสุนัขจากนอกหมู่บ้านวิ่งไล่จนทำให้สุนัขของตนถูกรถชน ซึ่งสุนัขของตนเป็นพันธุ์ไทยหลังอาน ซึ่งตนตั้งใจไว้จะเลี้ยงประกวดแต่ตอนนี้สุนัขของตนหลังจากถูกรถชน ก็เป็นลักษณะพิการเดินไม่ปกติก็ไม่สามารถประกวดได้แล้ว และสุดท้ายคือเรื่องการที่ตนไประบายในกลุ่มไลน์ของหมู่บ้าน จนทำให้สมาชิกของหมู่บ้านเตะตนออกจากกลุ่มไลน์ เนื่องจากตนใช้คำพูดที่หยาบคายและไม่เหมาะสม ซึ่งตนก็ยอมรับแต่ที่ตนต้องทำก็เพราะไม่มีใครฟังตนเลย




จึงทำให้ตนเกิดความไม่พอใจและได้ก่อเหตุนำรถไปจอดขวางทางเข้า-ออก เพราะต้องการที่จะให้ทางนิติของหมู่บ้านพูดคุยทำข้อตกลงกับตน แต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาเขากลับแจ้งตำรวจให้นำรถยกมายกรถของตนไปที่ สน.ดอนเมือง จึงทำให้เกิดเหตุการณ์มีปากเสียงขึ้น ซึ่งความผิดในลักษณะดังกล่าวมันเป็นลหุโทษจึงไม่ควรกระทำรุนแรงกับตนเช่นนี้ โดยในช่วงเมื่อเช้าได้มีตำรวจและคนอื่นประมาณ 5 - 6 คนเข้ามารุมตน และทำสร้อยพระของตนขาด จากนั้นจึงได้ให้ตนไปที่ สน.ดอนเมือง และทำการปรับจำนวนเงิน 200 บาท ซึ่งในการที่ตำรวจและคนอื่นมาตนถึง 5 คน ตนก็มองว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงเพราะความจริงมันน่าจะคุยกันได้




ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้านี้ทางผู้บริหารของโครงการหมู่บ้านที่ตนพักอาศัยอาศัยอยู่นี้ ก็ได้เดินทางเข้ามาพูดคุยทำข้อตกลงกัน โดยข้อตกลงก็คือว่าเขาจะให้มีการตรวจรับบ้านใหม่อีกหนึ่งครั้ง และจะแก้ไขในสิ่งที่ไม่ดีให้ นอกจากนั้นยังปรับปรุงในส่วนที่ตนได้เรียกร้องไป ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและเรื่องสุนัขจากภายนอก และตนก็ได้ทำข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขอไปในเรื่องของพระเลี่ยมทองของตน ที่ได้หายไปเมื่อเหตุการณ์ครั้งที่แล้ว ตั้งแต่ช่วงวันที่ 5 มกราคม 2567 ซึ่งรับปากกับตนไว้ว่าจะตามคืนมาให้แต่ในตอนนี้ตนก็ยังไม่ได้


โดยหลังจากนี้ตนก็จะดูว่าทั้งทางผู้บริหารโครงการของหมู่บ้าน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำตามข้อตกลงได้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากทำตามข้อตกลงได้ตนก็ยินดีปรับปรุงทุกอย่างให้ดีขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ถ้าหากตนได้กลับไปทำงานดังเช่นเดิมก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะในตอนนี้ความรับผิดชอบทั้งทางเรื่องครอบครัวและเรื่องอื่น ๆ ของตนมีมากมายหลายเรื่องและต้องเป็นความรับผิดชอบที่สูง หลังจากเกิดเรื่องก็ทำให้ตนตกงาน ตนก็ได้รับความเดือดร้อนจึงเกิดความเครียด ซึ่งถ้าหากได้ตามข้อตกลงทั้งหมดนี้ ตนก็จะยินดีปรับปรุงตัวและปรับปรุงทุกอย่างให้กลับมาดีมากกว่าเดิม

 

"เอก สายเต๊าะ" คัมแบ็ก! บุกป่วนนิติฯ จอดรถขวางหมู่บ้าน