"อนุทิน"เผยเตรียมโหวตสวนดันกัญชากลับเป็นยาเสพติดหลังเกิดความไม่สบายใจ ชี้พรรคร่วมรัฐบาลต้องสนับสนุนนโยบายซึ่งกันและกัน
เมื่อวันที่ 18 ก.ค.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยโหวตเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ดังนั้นพรรคเพื่อไทยควรต้องสนับสนุนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทยว่า โดยหลักการต้องสนับสนุนนโยบายซึ่งกันและกัน แต่เรื่องของกัญชาเป็นเรื่องระดับกระทรวง ยังไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ซึ่งตนได้ชี้แจงต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ว่าพรรคภูมิใจไทยมีความไม่สบายใจตรงไหนบ้าง ยังมีข้อมูลและการศึกษาอีกเยอะก่อนที่จะตัดสินใจนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และตนได้เรียนไปว่าในส่วนของตนซึ่งเป็นรมว.มหาดไทย ต้องเข้าไปลงมติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) คงสงวนท่าที และโหวตไม่เห็นด้วย
"ผมได้กราบเรียนนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเพราะเรื่องนี้ไม่ได้เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่เป็นเรื่องอยู่ที่ป.ป.ส. ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน เป็นประธาน และมีรัฐมนตรีหลายท่านอยู่ในคณะ ผมก็ต้องแจ้งให้นายกฯทราบก่อน ว่าผมไม่สามารถให้ความเห็นชอบให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดได้ เพราะยังมีอะไรที่ไม่สมบูรณ์อยู่ กรรมการที่เคยเอากัญชาออกจากยาเสพติด และกรรมการที่ตั้งเรื่องเพื่อที่จะดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดก็เป็นชุดเดียวกัน และกรรมการ ป.ป.ส.ชุดนี้ ส่วนใหญ่ก็เป็นชุดเดียวกันอยู่ ดังนั้น ควรจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการตัดสินใจเรื่องสำคัญเช่นนี้ จริงๆเรื่องนี้ไม่ควรเริ่ม“ นายอนุทิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องคุยกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขเพราะคนหนึ่งอยากทำแบบนี้ ส่วนอีกคนก็อยากทำอีกแบบ เดี๋ยวจะขัดแย้งกันซึ่งเราขัดแย้งไม่ได้ ขอย้ำว่า เราเห็นต่างได้แต่ขัดแย้งไม่ได้
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ประเด็นกัญชาไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล อย่าไปเชื่อมโยงกันเป็นเรื่องของคนทำงาน ตนเคยอยู่กระทรวงสาธารณสุขมาก่อน ข้อมูลการนำกัญชาออกจากยาเสพติดก็มาจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีคณะกรรมการที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ที่เห็นชอบกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงท่านใหม่เข้าไป ทำไมจึงไม่นำข้อมูลเดิมให้รัฐมนตรีท่านใหม่ทราบ ซึ่งตนก็เห็นว่าข้อมูลยังไม่พอ แต่ถ้าข้อมูลใหม่เข้ามาสังคมถูกทำลายโดยกัญชาเต็มบ้านเต็มเมือง หรือกัญชาไม่มีประโยชน์ใดๆ ไม่มีสรรพคุณทางยา มโนทั้งนั้นรักษาใครไม่ได้ ถ้าข้อมูลเป็นแบบนี้เราก็ต้องยอมให้นำกลับไปเป็นยาเสพติด