จากกรณีโจรบุกเดียวชิงทองในห้างดังย่านมีนบุรี กวาดทองไปกว่า 40 บาท เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
ล่าสุดเวลา 15.30 น. ตำรวจสืบสวน สน.มีนบุรี ให้ข้อมูลกับทีมข่าวถึงกรณีการติดตามตัวนายพงษ์ศธร อายุ 26 ปี หรือบาส ผู้ก่อเหตุชิงทองในร้านทองที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านสุขาภิบาล 3 ไปจำนวนกว่า 40 บาท รวมมูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท ระบุว่า ผู้ก่อเหตุได้ยืมจักรยานยนต์ของเพื่อนที่เป็นไรเดอร์ โดยอ้างว่า จะยืมจักรยานยนต์ไปซื้ออาหารกิน แต่สุดท้ายก็นำรถจักรยานยนต์ของเพื่อนไปก่อเหตุ โดยหลังจากก่อเหตุเสร็จ ผู้ก่อเหตุได้นำรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ภายในซอยราษฎร์พัฒนา 23 แล้วหลบหนีไป พร้อมทิ้งทองเอาไว้จำนวน 3 เส้น ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าคนร้ายได้หลบหนีไปทิศทางใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนได้เชิญตัวเพื่อนของผู้ก่อเหตุที่เป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว โดยเพื่อนนายดังกล่าวระบุว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ พร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นคนติดเกม เคยมีครอบครัวแต่เลิกรากันไป และมีลูกที่ต้องดูแลอายุประมาณ 7-8 ขวบ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า ตัวผู้ก่อเหตุการพนันหรือติดยาเสพติดหรือไม่
ทั้งนี้ ทางตำรวจสืบสวนและพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ เพียงพอแล้ว โดยเตรียมที่จะดำเนินการขออำนาจศาลอาญามีนบุรีเพื่อออกหมายจับนายพงษ์ศธร ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ต่อไป
หลังจากทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 เดินทางมาที่ สน. มีนบุรี ตำรวจให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังคงตามตัวผู้ก่อเหตุชิงทองในห้างดังย่านมีนบุรี และอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ
หลังจากที่ตำรวจเชิญตัว นายเบนซ์ เจ้าของรถ จักรยานยนต์คันที่ผู้ก่อเหตุใช้ เข้ามาสอบปากคำ ตำรวจชุดสืบสวนได้ให้เพื่อนอีกคน โทรศัพท์หานายพงษ์ศธร หรือบาส ผู้ก่อเหตุ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เข้ามามอบตัวกับทางตำรวจ
ในขณะที่เพื่อนได้โทรศัพท์ไปหานายบาส นายบาสได้รับสายและสนทนากัน โดยเพื่อนได้สอบถามว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนและไปทำอะไรมา พร้อมกับบอกว่าตอนนี้มีคนมาตามเยอะมาก
เมื่อปลายสายได้ยินก็ถามกลับมาว่าใครมาตาม เพื่อนจึงบอกไปว่าตำรวจ ทำให้อีกฝ่ายสอบถามกลับมาว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ได้อยู่กับตำรวจหรือไม่ พระอีกฝ่ายยังคงถามย้ำว่าตำรวจเข้าไปในบ้านของตนจริงหรือไม่
ก่อนที่เพื่อนของนายบาส จะมีการเกลี้ยกล่อมให้มามอบตัว ทำให้อีกฝ่ายสงสัยว่าเพื่อนอยู่กับตำรวจหรือไม่จึงได้วิดีโอคอลเข้ามา เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่กับตำรวจจริง ทำให้ตำรวจชุดสืบสวนได้เห็นใบหน้าของนายบาสผู้ก่อเหตุ ที่นั่งอยู่ภายในรถ
เวลา 17.50 น. ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มีนบุรีสอบปากคำนายเบนซ์ อายุ 26 ปี เจ้าของรถ จักรยานยนต์ที่นายบาสใช้ก่อเหตุชิงทองที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งมูลค่ากว่า 40 บาท โดยใช้ระยะเวลาสอบปากคำว่า 2 ชั่วโมง
นายเบนซ์ เปิดเผยว่า วันนี้เวลาประมาณ 11.00 น. นายบาสเข้ามายืมรถจยย.ของตนเอง โดยบอกว่าจะยืมไปซื้อข้าว ซึ่งตนเองได้ให้ยืมเพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้น และที่ผ่านมา นายบาสมายืมบ่อยครั้งใช้ระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 10 นาทีนำรถมาคืน วันนี้จึงไม่คิดว่านายบาสจะนำรถไปก่อเหตุชิงทอง
นายเบนซ์ บอกเล่าต่อว่าหลังจากก่อเหตุนายบาสได้ โทรศัพท์มาบอกให้ตนเองไปเอารถจยย. โดยมีการระบุพิกัดมาให้ว่าจอดอยู่ตรงไหน พร้อมบอกว่าขอโทษ แต่ไม่ยอมบอกว่าขอโทษเรื่องอะไร ทั้งนี้ยอมรับว่าตกใจมากหลังจากที่รู้ว่านายบาสนำรถของตนเองไปก่อเหตุชิงทอง ไม่คาดคิดว่านายบาสจะทำอย่างนี้ จึงไปถึงนายบาสให้รีบมอบตัวเพราะยังไงก็หนีไปพ้น
นายเบนซ์กล่าวด้วยว่าหลังจากนี้คงไม่ครบนายบาสเป็นเพื่อนอีกต่อไป เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเองเดือดร้อน และสูญเสียรายได้เพราะไม่สามารถนำรถไปวิ่งงานได้
อย่างไรนายเบนซ์ ระบุส่วนตัวเคยเป็นเพื่อนกับนายบาส ตั้งแต่สมัยมัฑยม และกลับมาติดต่อกันอีกครั้งประมาณ 2 เดือน เพราะเจอกันที่ร้านเกม แต่นายบาสไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง จึงไม่ทราบว่านายบาสมีปัญหาด้านการเงิน หรือมีเรื่องเกี่ยวกับการพนันหรือไม่
ทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8 ได้รับ แจ้งข้อมูลจากตำรวจว่า นายบาส คนร้ายชิงทอง ได้นั่งรถแท็กซี่มุ่งหน้าไปที่จังหวัดฉะเชิงเทรา คาดว่าน่าจะเตรียมหลบหนี ออกจากประเทศ ในตอนนี้ตำรวจชุดสืบสวน ยังคงมีการติดตามตัว นายบาสอยู่