เวลา 22.00 น.วันที่ 17 ก.ค.67 กลุ่มผู้ปกครองพานาย อา อายุ 16 ปี และนาย โจ๊ก อายุ 16 ปี ผู้เสียหายนักเรียนชั้นมัธยมแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าทึ่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ว่า เมื่อช่วงเวลา 17.00 น. กลุ่มนักเรียนผู้เสียหายได้ถูกวัยรุ่น ซึ่งเคยเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมต้นทำร้ายเตะจนนาย ซี สลบคาเท้า หลังเกิดเหตุกู้ภัยได้ช่วยเหลือนำส่ง ร.พ.พระนั่งเกล้า

 

ทางด้าน นายโจ๊ก ผู้ซ้อนท้ายคนสุดท้าย ของกลุ่มผู้บาดเจ็บ เผยว่าพวกตนขับรถ จยย.ซ้อนกันมา 3 คน มีนาย อา เป็นคนขับ บาดเจ็บถลอกเล็กน้อง นายซี คนถูกเตะสลบนั่งกลาง ตนซ้อยหลังสุด หลังจากเลิกเรียนได้ไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนใกล้กับโรงเรียน 

 

หลังจากนั้นได้ขับขี่รถ จยย. ซ้อนท้ายออกมา เพื่อพาตนย้อนกลับมาทำธุระที่โรงเรียน ระหว่างทางขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นถนนทางปูนเลียบคลอง รถจยย.ไม่สามารถสวนกันได้ ต้องต่อคิวสวนกันที่ละคัน 

 

แต่ปรากฏว่า ได้มีรถ จยย.คันหลังขับมาชนท้าย รถพวกตนแต่ไม่ได้ใส่ใจ เพราะรถต่อคิวอยู่หลายคันจนมาชนอีกครั้ง ตนเองซ้อนท้ายสุดได้หันดู แล้วพวกนั้นก็โวยวายชักมีดออกมาขู่ให้พวกตนจอดรถ แต่พวกตนไม่จอดได้พยายามขับหนี ผู้ก่อเหตุได้ถีบรถ แต่ไม่ล้ม จนมาถีบซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ทำให้รถเสียหลักล้ม 

 

พวกตนจึงรีบลุกขึ้น แต่เพื่อนตน นายซี สลบไป ตั้งแต่ทีแรก ตนยืน ไม่เคยมีเรื่องกับฝั่งคู่กรณีมาก่อน แต่เคยเห็นหน้ากัน ไม่เคยไปท้าชกเตะต่อยอะไรด้วย ตนยังไม่เข้าใจว่ามาทำพวกตนทำไม ตอนนี้ตนเป็นห่วงที่สุด คือ ห่วงอาการของเพื่อน เพราะเพื่อนค่อนข้างอาการหนัก

 

ส่วนสำหรับตนและเพื่อนอีกคนนึงบาดเจ็บเล็กน้อยมีแผลถลอกยอมรับว่ากังวลว่าพวกเขาจะกลับมาเล่นงานเหมือนกัน เพราะยังไงพวกตนก็ต้องอยู่บริเวณตรงนั้น เพราะเป็นโรงเรียน ตนอยากเรียนให้จบแบบไม่มีอะไร แต่กลายเป็นว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าถามว่าพวกตนจะกลับไปล้างแค้นไหม คงไม่ได้กลับไปล้างแค้นหรือทำอะไร ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไป สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อตามความคืบหน้าของคดี พร้อมได้พูดคุยกับ นายเจษฎา หรือ เดี่ยว อายุ 18 ปี ผู้ก่อเหตุ (ชายเสื้อแดงที่เตะ ด.ช. ซี) เผยว่า ในเรื่องดังกล่าว เป็นเรื่องของรุ่นน้องตน มาบอกตนว่า โดนคู่กรณี มาหาเรื่อง เคยจะเอามีดแทงน้องตน ซึ่งตนไม่ได้รู้จักกลุ่มคู่กรณีมาก่อน

 

แต่เมื่อได้ยินรุ่นน้องบอก และพึ่งขับสวนกับแก๊ง คู่กรณีจึงขับตาม พร้อมเมื่อไปถึงคู่กรณีก็มีการถีบรถใส่กันไปมาถีบ และเมื่อรถอีกฝั่งล้ม และมีการวิ่งหนี ด้วยความโมโหก็เลยต่อยและเตะ ตามคลิปที่ออกไปซึ่งตอนที่ทำตนไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะตอนนั้นอารมณ์ร้อนตนก็เป็นวัยรุ่นคนนึง อีกฝังก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งเช่นกัน แต่หลังจากก่อเหตุตนก็มารู้สึกตัวและค่อนข้างกังวล

 

หลังเกิดเหตุตนมีความคิดว่าจะหนีมีการทักไปบอกแม่ว่า ตนขอโทษ แต่ตนยังไม่รู้ว่าตนจะหนีไปไหน เพราะตนกลัวว่า ถ้าตนยังอยู่ ตนก็อาจจะตาย แต่แม่เป็นคนบอกให้มารับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ ตนรักแม่มาก ไม่อยากให้แม่ลำบากใจ ก็เลยยอมที่จะมามอบตัว

 

ในวันนี้ตนก็ต้องขอโทษกับผู้บาดเจ็บและครอบครัวของผู้บาดเจ็บตนไม่อยากติดคุก ตอนนี้ตนสำนึกแล้ว มันอารมณ์ชั่ววูบ ยืนยันว่าตนไม่เคยมีเรื่องกับคู่กรณีมาก่อนจริงๆ แต่เป็นเพียง เพราะรุ่นน้องตนมาบอกว่าเคยโดนขู่ ยอมรับว่ามีอาวุธ แต่ตนพกเป็นประจำไว้ป้องกัน ไม่ได้คิด จะฆ่าเขาแน่นอน ตนไม่โทษใครเลย โทษตัวเองที่ทำให้ต้องมีวันนี้ 

 

หลังจากเกิดเหตุยังไม่ได้ติดต่อใครเลย เพราะทุกคนหนีหมด และไม่แน่ใจว่าเพื่อนทราบหรือยังว่า ตนมามอบตัว

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปพูดคุยกับ นายประธานศักดิ์ อายุ 44 ปี และ นางสุมาลี อายุ 46 ปี พ่อแม่ของน้องซี ผู้บาดเจ็บ ได้เผยว่า ตนทราบจากที่มีคนมาบอกว่าลูกชายบาดเจ็บสาหัสและโดนทำร้ายซึ่งตนขอยืนยันว่าลูกตนเป็นเด็กดีมากไม่เคยมีเรื่องกับใครเสื้อผ้าข้าวของยอะไร เขาทำเองหมด 

 

ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตนไม่ได้ทราบ ถามเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในมุมของตน ตอนนี้ลูกชายยังไม่ฟื้นยังไม่ได้สติ ตั้งแต่ถึงโรงพยาบาลลูกชายตนยังไม่มีความรู้สึกเลย พูดข้างหูก็ยังไม่ตอบรับ หมอบอกว่าลูกชายตนมีเลือดคลั่งในสมอง ซึ่งต้องรอดูอาการประมาณ 1 อาทิตย์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ ตนยังไม่ได้คุยกับครอบครัวของคู่กรณีหรือใดๆ เลย ตนไม่อยากพูดอะไรเลย ตนเป็นห่วง แต่อาการลูก ต่อให้เขามาโทษ ตนก็ไม่รู้สึกอะไร ในเชิงของด้านคดี ตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะเขาเตะลูกตนขนาดสลบไปแล้วยังไม่หยุด ตามคำบอกเล่าของคนเห็นคลิป

โจ๋หนีไม่ทันถูกอริรุมกระทืบหัวเลือดคั่งในสมองโคม่า