จากกรณีตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล ควบคุมตัว นายพงษ์ศธร ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทองคำหนัก 35 บาท ภายในร้านทองแห่งหนึ่ง พื้นที่สุขาภิบาล 3 ย่านมีนบุรี เมื่อเย็นวานนี้ (18 ก.ค.) จนกระทั่ง เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้ (19 ก.ค. 2567) ถูกชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัวได้ระหว่างที่ผู้ก่อเหตุได้ขณะขับรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเขียวเลื่อมทอง ซึ่งเป็นรถเก๋งที่ผู้ก่อเหตุใช้เงินที่ได้จากการนำทองน้ำหนัก 5 บาท จำนวน 5 เส้น ที่ชิงทรัพย์มาไปจำนำได้เงินมาจำนวนกว่า 100,000 บาท ก่อนจะไปซื้อรถเก๋งคันดังกล่าว จำนวนเงิน 81,000 บาท และกำลังจะขับรถไปเที่ยวที่น้ำตกนางรอง ในจังหวัดนครนายก
โดยเมื่อมาถึงบริเวณแยกประชาเกษม ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ได้ถูกชุดจับกุมเข้าควบคุมตัวได้ก่อน พร้อมกับยึดของกลางทองคำที่ชิงทรัพย์ไปคืนมาได้ 22 เส้น น้ำหนัก 22 บาท ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุได้ชิงทรัพย์ทองจำนวนทั้งหมดสาม 35 เส้นเส้นละ 1 บาท เป็นทั้งหมด 35 บาท นอกจากนี้ยังพบเคตามีน 50 กรัม ในตัวของผู้ก่อเหตุด้วย ซึ่ง ชุดจับกุมอยู่ระหว่างนำตัว นายพงษ์ศธร ผู้ต้องหา จากจังหวัดนครนายกมาที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลเพื่อสอบปากคำและขยายผล
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่มายังบ้านของนายบาส (คนก่อเหตุ) อยู่ซอยราษฎร์พัฒนา 30 หลังถูกควบคุมตัวได้ที่จังหวัดนครนายก โดยทีมข่าวได้พบกับป้าของคนก่อเหตุ ได้บอกกับทีมข่าวว่า รองเท้าแตะหน้าบ้านคล้ายเป็นรองเท้าที่นายบาสใช้ก่อเหตุ และได้บอกกับทีมข่าวอีกว่า หลังจากก่อเหตุนายบาสน่าจะกลับมาที่บ้านเพราะรองเท้าที่นายบาสใช้ก่อเหตุเป็นลักษณะเดียวกับที่พบอยู่ที่หน้าบ้าน รองเท้ามีลักษณะเป็นรองเท้าแตะสีออกเขียวอ่อน ซึ่งปรากฏคล้ายรองเท้าที่นายบาสใส่ในวันที่ก่อเหตุ ตามกล้องวงจรปิด
ป้าของคนก่อเหตุ เผยว่า นิสัยของนายบาสเป็นคนเงียบไม่สุงสิงกับใคร เป็นเด็กที่นิสัยดี ใจเย็นไม่ใจร้อน หากทำผิดจะยอมรับ ไม่เถียง ไม่เป็นเด็กที่ก้าวร้าว ส่วนตัวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คิดว่านายบาสจะก่อเหตุแบบนี้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก โดยปกติตอนที่อยู่บ้านนายบาสเคยขโมยเงินยายเล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งละ 200 ถึง 300 บาท เลยไม่คิดว่าจะ ก่อเหตุปล้นร้านทองและเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร เพราะโดนนิสัยส่วนตัวของนายบาสเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดอะไรกับใคร ทำให้ไม่รู้ว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนเรื่องประเด็นของการนำรถเพื่อนไปก่อเหตุ ทางญาติได้บอกกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวนายบาสไม่มีรถจักรยานยนต์และรถยนต์อาจทำให้นายบาสยืมรถเพื่อนไปแต่ไม่คิดว่าจะเอาไปก่อเหตุ ส่วนเรื่องของสาเหตุการปล้นครั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นเรื่องของการติดพนัน โดยล่าสุดทางครอบครัวของนายบาส ทราบข้อมูลว่า ควบคุมตัวนายบาสได้ที่จังหวัดนครนายก ทางครอบครัวรู้สึกดีใจที่ควบคุมตัวได้ จะได้ดำเนินการตามกฏหมาย ทางญาติจะไม่ประกันตัวให้นายบาสได้รับโทษตามกฎหมาย และเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาด หากอยู่ข้างนอกทางครอบครัวเองก็ระแวง เนื่องจากนายบาสติดยาเสพติด
โดยอยากจะบอกกับนายบาสว่าอยากให้สำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ ความผิดพลาดครั้งนี้เป็นครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของนายบาส และทำให้อนาคตของตัวเองดับ ส่วนเรื่องประเด็นของการหลบหนีไปฉะเชิงเทรา ส่วนตัวมองว่าน่าจะหนีไปหาญาติฝั่งพ่อของนายบาสส่วนการจับกุมที่นครนายก ตนไม่ทราบว่านายบาสไปตรงนั้นทำไม
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับนายองอาจ (นามสมมติ) เพื่อนของนายบาส โดยบอกกับทีมข่าวว่า เท่าที่ตัวสัมผัสนายบาสเป็นคนนิสัยไม่ค่อยพูด บุคลิกนิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร ส่วนตัวตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นายบาสไปก่อเหตุชิงทอง 35 บาท ส่วนตัวไม่เคยเห็นนายบาสมาสักพัก เพิ่งมาเห็นจากข่าวว่าไปชิงทอง
ขณะที่ต่อมา ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาลได้ควบคุมตัว นายบาส ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุชิงทองคำหนัก 35 บาท ย่านมีนบุรี ซึ่งนายบาส ผู้ต้องหา ใส่หมวกใส่แมสก์เดินก้มหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงถึงการที่ไปก่อเหตุในครั้งนี้ แต่นายบาสปฏิเสธที่จะตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน ก่อนที่ชุดสืบสวนจะควบคุมตัวนายบาสเข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมด้านบนของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล