จากกรณีเมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านได้พบศพชายรายหนึ่งนอนเสียชีวิต อยู่ภายในสุสานบ้านทุ่งป่ายาง ตำบลห้วยสัก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ทราบชื่อต่อมา คือ นายอิ่นแก้ว อายุ 56 ปี นอนเสียชีวิตเปลือยกายอยู่ใกล้เมรุเผาศพ สภาพศพมีร่องรอยฟกช้ำบริเวณเบ้าด้านขวา ใบหน้า และพบรอยถลอกตามตัวจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวานนี้ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ผู้เสียชีวิตได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในสุสานเวลาบ่าย 3 ของวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นภาพสุดท้าย ก่อนจะมีคนมาพบเป็นศพ อีกทั้งพบกลุ่มบุคคล 5 คน ขี่รถออกมาช่วงเย็น ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายหลังผู้ตายขี่รถเข้าไปด้วยนั้น
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ย้อนกลับไปที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อสำรวจจุดเกิดเหตุ จากการเดินสำรวจจุดเกิดเหตุ เราได้พบพิรุธคดีนี้เพิ่มเติมคือ ไปพบร่องรอยคราบเลือด 1 จุด และรอยลากอีก 1 จุด อยู่ห่างจากจุดที่นายอิ่นแก้วนอนเสียชีวิต ประมาณ 3 เมตร ซึ่งสงสัยว่ารอยดังกล่าวที่พบเป็นร่องรอยที่คนร้ายมีการต่อสู้กับผู้ตาย และลากศพมาวางไว้อีกจุดหนึ่ง ก่อนจะมีการถอดเสื้อผ้าของผู้ตายและนำรถจักรยานยนต์มาวางในแต่ละจุด เพื่อจัดฉากว่าผู้ตายเมาเหล้านอนแก้ผ้าเสียชีวิตเองหรือไม่ เพราะหากเมาตกเก้าอี้ตาย ทำไมถึงมีรอยลากและรอยเลือดที่พบ
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบสุสานดังกล่าว พบว่า สุสานดังกล่าวมีเส้นทางเข้า-ออกได้หลายทาง ซึ่งหากคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายผู้ตาย ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าสุสานผ่านประตูหลักตามภาพกล้องวงจรปิดก็ได้ สามารถเดินเข้าทางด้านข้างของสุสานซึ่งเป็นป่ารก หรือ จะเป็นด้านหลังของสุสาน (บริเวณหลังเมรุเผาศพ) ที่เป็นป่ารกและติดกับทุ่งนาของชาวบ้านได้เช่นเดียวกัน
ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปพบกับอีกหนึ่งบุคคล คือ นายชัยยันต์ ผู้ช่วย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ห้วยสัก ซึ่งเป็นบุคคลตามภาพกล้องวงจรปิด ที่ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากสุสานที่เกิดเหตุเป็นกลุ่มสุดท้าย โดยทีมข่าวได้ขอดูฝ่ามือของผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีร่องรอยบาดแผลการต่อสู้อะไรหรือไม่ ซึ่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ให้ความร่วมมือกับทีมข่าวดูบาดแผลบนมือ ซึ่งทีมข่าวพบบาดแผล 1 จุด เป็นรอยแผลถลอกเล็กน้อยบริเวณข้อมือด้านขวา จึงได้สอบถามว่า แผลดังกล่าวเกิดจากอะไร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่า เป็นแผลที่เกิดจากการตัดหญ้าเท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันกับทีมข่าวว่า พวกตนเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายนายอิ่นแก้วแน่นอน และตนเองยังเป็นคนสุดท้ายก่อนจะเดินทางออกจากจุดเกิดเหตุได้เดินเข้าไปถามผู้ตายว่า “ทำไมนั่งหลับแบบนั้น” เนื่องจากเห็นผู้ตายกำลังนั่งผงกหัวอยู่บนโต๊ะไม้ ไม่ยอมนั่งพิงเก้าอี้ดี ๆ ซึ่งก็กลัวว่าผู้ตายจะหล่นจากโต๊ะหัวฟาดพื้น แต่ตอนนั้นผู้ตายไม่ได้ตอบกลับอะไรตนเอง และผู้ตนเองรวม 5 คน ที่นั่งกินเหล้ากันอยู่อีกโต๊ะได้ทยอยกันเดินทางกลับ
ก่อนที่จะกลับยืนยันว่าไม่มีใครไปทำร้ายผู้ตาย และผู้ตายก็ไม่ได้มีสภาพหน้าตาปวดบวมจากที่พบเป็นศพ ยังสภาพปกติดี แต่ค่อนข้างเมาหนักแล้ว เช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์และเสื้อผ้าของผู้ตายก็ไม่ได้ถูกเปลือยทิ้งไว้ รถจักรยานยนต์ตนเองไม่ได้สังเกตว่าจอดอยู่จุดไหนแต่ไม่ใช่จุดที่มาพบตอนเจอศพแน่นอน
ส่วนที่ผู้ตายจะเมาล้มตกโต๊ะหัวฟาดพื้นตายหรือมีคนลอบทำร้ายจนตาย ตนเองไม่สามารถฟันธงได้ ขึ้นอยู่กับผลตรวจของหมอและตำรวจ ส่วนเส้นทางเข้าออกสุสานไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าทางหลักทางเดียว แต่หากมีคนร้ายในคดีนี้จริง คนร้ายก็สามารถใช้เส้นทางด้านข้างและด้านหลังของสุสานเข้าออกได้เช่นเดียวกัน ตนเองไม่หนักใจที่วันนี้หลังตนเองมีภาพปรากฏในกล้องวงจรปิดว่าเป็นผู้ต้องสงสัยถูกตำรวจเรียกสอบ ซึ่งตนเองพร้อมให้ความร่วมมือและยืนยันในความบริสุทธิ์
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ย้อนกลับสอบถามนายสอน หรือ ลุงจ๋อย ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.หมู่บ้าน) และยังเป็นสัปเหร่อคนที่เผาศพชาวบ้าน ในงานฌาปนกิจศพวันเกิดเหตุอีกด้วย เจ้าตัวยังยืนยันกับทีมข่าว ก่อนที่พวกตนเองจะเดินทางออกจากสุสานที่เกิดเหตุ นายอิ่นแก้ว ผู้ตาย ได้นั่งกินเหล้าอยู่เพียงคนเดียวลำพัง ส่วนพวกตนเองนั่งแยกกันกินอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีใครไปทำร้ายผู้ตายแน่นอน
โดยพวกตนเองได้นั่งกินเหล้าและรอศพเผาจนไฟมอด ก่อนจะชวนกันกลับ พวกตนเองยังช่วยเก็บขวด และขยะภายในงานอยู่เลย พวกตนเองจะไปทำร้ายผู้ตายทำไม ส่วนผู้ตายมักจะมากินเหล้าฟรี ที่งานเผาศพอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จัก ก็จะเดินทางมาทุกครั้งเนื่องจากเจ้าภาพจัดเลี้ยงเหล้าเป็นธรรมเนียมของชาวบ้านอยู่แล้ว
วันนี้หลังจากเป็นข่าวตำรวจได้เรียกตนเองไปสอบปากคำช่วงบ่ายเช่นเดียวกัน ซึ่งตนเองก็ให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะไม่ได้เป็นคนทำร้ายผู้ตายแน่นอน ส่วนผู้ตายจะเมาเหล้าล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตเองหรือมีคนทำร้ายตนเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ตนเองเชื่อว่าน่าจะเกิดจากผู้ตายเมาเหล้า และตายเองมากกว่า นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้ขอดูฝ่ามือของคุณลุงสอนเช่นกัน โดยพบว่าบริเวณฝ่ามือของลุงสอนไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดศรีพิงค์ชัย สถานที่บำเพ็ญกุศลศพของนายอิ่นแก้ว แล้วได้พูดคุยกับนางคำใส และ นายสังวาร พี่สาวและพี่ชายของผู้ตาย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเองมั่นใจว่าน้องชายไม่ได้เมาเหล้าแล้วตกเก้าอี้ตายแน่นอน และเชื่อว่าน้องชายถูกฆาตกรรม เนื่องจากสภาพศพตอนที่ตนเองไปพบมีร่องรอยปวดบวมบริเวณเบ้าตาด้านขวา เลือดออกปาก และบริเวณเข่า รวมถึงแผ่นหลังหรือร่องรอยถลอก คล้ายกับถูกลากมาทิ้งไว้
รวมถึงที่ผ่านมาน้องชายถึงแม้จะชอบกินเหล้าเมา แต่น้องชายไม่เคยเมาถึงขั้นแก้ผ้าเปลือยกายเลยสักครั้ง และเชื่อว่าการที่พบเสื้อผ้าของน้องชายกระจัดกระจายวางทิ้งไว้ในแต่ละจุดห่างศพ รวมถึงรถจักรยานยนต์ของน้องชายถูกวางนอน น่าจะเป็นการจัดฉากของคนร้ายมากกว่า
ส่วนเรื่องเงินจำนวน 140 บาท พี่สาวยืนยันว่าเงินที่ตนเองได้มอบให้กับน้องชายจริง โดยมอบให้ช่วง 7 โมงเช้าวันเกิดเหตุ จึงได้จากการขายมะพร้าว แต่ตนเองบอกว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่พบเงินจำนวน 140 บาท บริเวณใต้เบาะรถของน้องชาย เนื่องจากน้องชายไม่เคยเก็บเงินไว้ใต้เบาะรถ เพราะเป็นคนหวงเงินมาก เนื่องจากหาเงินเองไม่ได้ ซึ่งน้องชายจะพกเงินติดตัวอยู่ตลอด ไม่ไว้ใต้เบาะรถแน่นอน ถึงแม้ว่าน้องชายของตนเองจะเป็นคนจน ขี้เมา คล้ายคนเร่ร่อน แต่ก็ไม่เคบไปทำร้ายใคร พวกตนเองไม่อยากให้น้องชายตายฟรี และอยากให้ตำรวจ และนักข่าวช่วยให้น้องชายได้รับความยุติธรรมด้วย