จากกรณีเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2567 ร.ต.ท.ภูวิวัจน์ จิระอัคราทัศน์ รองสว. (สอบสวน) สน.ยานนาวา รับแจ้งจากพ่อค้าเพชรพลอย อายุ 40 ปี ว่าถูกลักพลอย 3 ชิ้น ได้แก่ พลอยสีเหลือง 1 เม็ด ขนาด 149.02 กะรัต ราคาประมาณ 10,500,000 บาท พลอยสีน้ำเงิน 1 เม็ด ขนาด 13.03 กะรัต ราคาประมาณ 2,000,000 บาท และพลอยสีน้ำเงิน 1 เม็ด ขนาด 13.01 กะรัต ราคาประมาณ 2,000,000 บาท รวมมูลค่าประมาณ 14,500,000 บาท เหตุเกิดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนผู้เสียหาย ให้การว่า นัดเจอ นายอเมอร์ อายุ 40 ปี ชาวแคนาดา ที่รู้จักกันมานาน 10 ปี เพื่อพูดคุยธุรกิจซื้อขายเพชรพลอย โดยนัดพบกันที่โรงแรมหรู ย่านถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. นายอเมอร์ บอกว่ามีลูกค้าสนใจเพชรพลอย จะนำเพชรพลอยไปให้ลูกค้าดู ตนจึงมอบพลอย 3 เม็ด ให้นายอเมอร์ไปให้ลูกค้าดู แต่หลังจากนั้นนายอเมอร์ก็หายไปเลย ติดต่อไม่ได้จึงมาแจ้งความร้องทุกข์
ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ตนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น., พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 และ พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รองผบก.น.6 สั่งการฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา และชุดสืบสวน บก.น.6 ตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบเบาะแส นายอเมอร์ เรียกพนักงานขับรถผ่านแอปฯ มารับที่โรงแรม
และจากการตรวจสอบด่านตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่า นายอเมอร์ เดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อเวลา 11.39 น. วันที่ 17 ก.ค. โดยสายการบินสวิสแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่แอลเอ็กซ์ 181 ปลายทางประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อไป
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพวงจรปิดบันทึกหลักฐาน ขณะที่นายอเมอร์ ผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้ามาภายในล็อบบี้ของโรงแรมดังกล่าว เพื่อนัดคุยเจรจากับผู้เสียหาย ก่อนที่จะเดินออกมานั่งคุยกันบริเวณด้านนอกพื้นที่โรงแรม และมีการยื่นถุงกล่องใส่เพชรพลอยดังกล่าวให้ ก่อนที่นายอเมอร์จะเดินทางออกไปโดยการเรียกพนักงานขับรถผ่านแอปฯ ให้ไปส่งสนามบินสุวรรณภูมิ
ภาพวงจรปิดเวลา 09.17 น. จะเห็นว่านายอเมอร์ ผู้ก่อเหตุ เดินอยู่บริเวณสวนหย่อมของโรงแรม ก่อนที่จะมายืนคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณพื้นที่ของโรงแรม เดินวนไปวนมา อยู่ประมาณเกือบ 5 นาที จากนั้นเวลา 09.22 น. นายอเมอร์ ผู้ก่อเหตุ มานั่งรอผู้เสียหายบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมดังกล่าว เพื่อเจรจาคุยธุรกิจกัน
ต่อมาภาพวงจรปิดเวลา 09.33 น. นายอเมอร์ นั่งรออยู่บริเวณล็อบบี้ จากนั้นผู้เสียหายเดินเข้ามาที่โต๊ะ ก่อนจะมีการพูดคุยเจรจากันเป็นเวลาหลายนาที และเวลา 09.52 น. จะเห็นได้ว่านายอเมอร์และผู้เสียหายเดินออกมาจากบริเวณล็อบบี้ของโรงแรมพร้อมกัน และมานั่งอยู่บริเวณโต๊ะด้านข้างโรงแรม ก่อนจะมีการพูดคุยกันสักพัก
จากนั้นเวลา 10.40 น. จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายเดินออกมาจากบริเวณโรงแรม พร้อมถือถุงกล่องใส่เพชรพลอย จากนั้นผู้เสียหายได้นำเพชรและพลอยดังกล่าว เปิดให้นายอาเมอร์ตรวจสอบดู ก่อนจะมีการยื่นกล่องใส่เพชรพลอยให้นายอเมอร์ จากนั้นนายอเมอร์ได้นำกล่องเพชรพลอยใส่ถุงพลาสติกแล้วเดินหิ้วออกไป
กระทั่งเวลา 10.43 น. จะเห็นได้ว่านายอเมอร์เดินออกมาจากบริเวณโรงแรม พร้อมถือถุงเพชรพลอยมุ่งหน้าไปขึ้นรถ ผ่านบริเวณสวนหย่อมของโรงแรม จากนั้นนายอเมอร์เดินขึ้นรถ ซึ่งมีพนักงานขับรถที่เรียกผ่านแอปฯ ขับมารับบริเวณด้านหน้าโรงแรม ก่อนจะมุ่งหน้าออกไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ
ต่อมาทีมข่าวได้พบข้อมูลของพนักงานรับส่งผู้โดยสารจากแอปฯ เรียกรถ ที่ขับมารับนายอเมอร์ ผู้ก่อเหตุ บริเวณหน้าโรงแรม โดยพบนายถาวร (นามสมมติ) ได้เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.43 น. ตนได้รับข้อความกดเรียกพนักงานขับรถจากแอปฯ ให้ไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ จุดเริ่มต้นจากหน้าโรงแรมหรู ย่านเจริญกรุง ตนจึงรีบขับรถไปรับ เนื่องด้วยตนเคยไปรับลูกค้าบริเวณโรงแรมแห่งนี้อยู่หลายครั้ง จึงชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี
เมื่อไปถึงบริเวณข้างโรงแรม นายอเมอร์ได้เดินมาขึ้นรถ พร้อมพนักงานโรงแรมถือกระเป๋าขึ้นมาส่ง จากนั้นพูดกับนายอเมอร์ว่า “ไว้โอกาสหน้ากลับมาใช้บริการโรงแรมใหม่นะ” เวลาต่อมาเมื่อนายอัลเมอร์ขึ้นรถ ได้มีการตะโกนบอกตนว่า “fast เร็ว ๆ” ตนจึงเสนอไป ว่าถ้าหากเร่งรีบให้ขึ้นทางด่วน นายอเมอร์จึงตอบตกลง โดยตลอดเส้นทางไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเลย เบื้องต้นสีหน้านายอเมอร์ดูเคร่งเครียด เงียบขรึมและเป็นกังวล จากนั้นใช้เวลาประมาณ 35 นาที ก็ถึงจุดหมายบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิขาออก
แต่ด้านนายอเมอร์ขอให้จอดรถก่อนถึงประตูขาออก และเปิดประตูฝั่งขวาลง ทั้ง ๆ ที่อาคารผู้โดยสารอยู่ฝั่งซ้าย จากนั้นนายอมอร์ได้เดินอ้อมไปทางด้านขวา ขณะนั้นตนแปลกใจ ว่าทำไมถึงไม่ออกทางประตูด้านซ้ายและเดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารเลย เป็นการกระทำที่ผิดวิสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร หลังจากนั้นตนจึงขับรถออกมาจากสนามบิน มาทราบอีกทีหลังจากเป็นข่าว ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการโทรมาสอบถาม ซึ่งตนยืนยันไปแล้ว ว่าไม่รู้จักกับชายผู้ก่อเหตุมาก่อนอย่างแน่นอน เป็นเพียงลูกค้าที่เรียกรถผ่านแอปฯ ที่ตนทำงานอยู่ และตนก็เพียงแค่มารับลูกค้าตามปกติเท่านั้น