เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 67 กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพป้ายโฆษณาที่ถ่ายจากสี่แยกห้วยขวาง ถนนรัชดาภิเษก แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กทม. ในป้ายมีภาษาจีนตัวใหญ่ จึงใช้แอป ฯ ในการช่วยแปลจนพอสรุปได้ว่า คือป้ายโฆษณาขายหนังสือเดินทางตรวจคนเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว รวมถึงการแปลงสัญชาติถูกกฎหมาย 100% โดยมีให้เลือกสัญชาติคือ อินโดนีเซีย ราคา 30,000 , วานูอาตู 70,000 , กัมพูชา 100,000 และตุรกี 150,000 โดยไม่ได้ระบุค่าเงินที่ชัดเจน
อีกครั้งในป้ายโฆษณายังระบุอีกว่าทำหนังสือเดินทางได้ภายใน 30 วัน , ปลอดภัย, เป็นความลับ , ทำเสร็จค่อยจ่ายเงิน , รับสมัครตัวแทนทั่วโลก เป็นกลุ่มบริษัทเชี่ยวชาญด้านการย้ายประเทศ ก่อตั้งมากว่า 13 ปี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ในประเทศไทยสามารถซื้อขาย citizens ได้หรือไม่
ล่าสุดวันนี้ทางทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ไปยังบริเวณ สี่แยกห้วยขวางจุดติดตั้งป้ายโฆษณาดังกล่าว พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการปลดป้ายโฆษณาดังกล่าวออกแล้วยึดของกลาง และติดต่อประสานไปยังนายจ้างและคนจ้างให้ติดป้ายโฆษณาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว โดยจากที่ทีมข่าวลงพื้นที่พบว่า ป้ายโฆษณาดังกล่าวถูกติดตั้งอยู่บริเวณบนหลังคาร้านหมาล่าปิ้งย่างชื่อดังบริเวณสี่แยกห้วยขวาง
โดยเบื้องต้นทางทีมข่าวได้ตรวจสอบ โทรหาตามเบอร์โทรศัพท์ที่ติดอยู่บนป้ายโฆษณาล่าสุด ระบุว่าสนใจลงโฆษณาติดต่อ โดยทางทีมข่าวพยายามโทรหา หลายสาย แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับการตอบรับแต่อย่างใด
ทางทีมข่าวจึงสอบถามไปยัง นายอาตัง อายุ 43 ปี เจ้าของร้านหมาล่าปิ้งย่าง จุดติดตั้งป้ายโฆษณา เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า ในส่วนป้ายโฆษณาบนร้านนั้น ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับร้านอย่างแน่นอน เพราะร้านของตนเองเพียงแค่เช่าพื้นที่ชั้นล่าง ในการเปิดร้านหมาล่าปิ้งย่าง ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีน รวมทั้งชาวต่างชาติอื่นๆ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับป้ายโฆษณาหรือตึกชั้นบนเลย
โดยปกติแล้วทุกครั้ง ที่มีการเปลี่ยนป้ายโฆษณา หรือติดตั้งใหม่ ก็จะมีการติดต่อแจ้งให้ตนทราบทุกครั้ง เพราะคนงานต้องปีนหลังคาร้านตนเอง ขึ้นไปติดตั้ง จึงต้องแจ้งให้ตนทราบ เพราะอาจทำข้าวของ หรืออุปกรณ์ของร้านเสียหาย
แต่น่าแปลกใจที่ครั้งล่าสุด เมื่อวันเสาร์ ที่ 20 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดที่ตนไม่ได้เข้ามาทำงานที่ร้าน กลับมีคนงานมาติดป้ายโฆษณาดังกล่าว และไม่มีการแจ้งให้ตนทราบ รวมทั้งลูกน้องในร้านก็ไม่มีใครแจ้งตนรับทราบเลย จนกระทั่งเย็นวันอาทิตย์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดต่อและแจ้งให้ตนทราบว่าต้องปลดป้ายโฆษณาดังกล่าวออก เพราะกระทบต่อกฎหมายของประเทศ ขณะนั้นตนเองก็ยังงง และตั้งตัวไม่ทัน แต่เมื่อได้เห็นคำเชิญชวนจากป้ายดังกล่าวแล้ว ก็ถึงกับตกใจ ถ้าตนรู้ก่อนล่วงหน้า ก็จะไม่ยินยอมให้ติดตั้งโดยเด็ดขาด
ตนเองในฐานะคนไทยคนหนึ่ง และยืนยันได้ว่าเป็นคนไทย พร้อมทั้งมีการโชว์บัตรประชาชนให้ทีมข่าวดู ด้วยกระแสของโซเชียลบางส่วน เข้าใจผิดว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับป้ายโฆษณาดังกล่าว อีกทั้งมีการเหมารวมว่าร้านของตนที่เปิดนั้น เป็นนายทุนจีนเข้ามาเปิด ตนขอยืนยันตัวตนได้ ว่าเป็นคนไทยแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ในส่วนประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น ตนก็ไม่เห็นด้วยมากๆ สำหรับป้ายดังกล่าว เพราะถือว่าไม่ให้เกียรติคนไทย เป็นการกระทำที่โจ่งแจ้ง ต่อสาธารณะชนมากเกินไป มีการติดป้ายโฆษณาแบบไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปรดแผ่นป้ายดังกล่าวออก และกระแสในโซเชียลค่อนข้างแรง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตนเองเข้าไป ให้ปากคำเพิ่มเติมที่สน. ห้วยขวาง แต่ตนก็ยังคงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคงมีการเรียกเจ้าของป้ายไปตรวจสอบอีกครั้ง
ล่าสุดพบว่ามีคนงานส่วนหนึ่ง กำลังนำไวนิลสีขาว มาติดทับแผ่นป้ายโฆษณาดังกล่าว โดยเจ้าของร้านให้เป็นข้อมูลว่า จากกระแสที่เกิดขึ้น เจ้าของป้ายน่าจะ หยุดกิจการป้ายโฆษณาดังกล่าวไปก่อนชั่วคราว เพราะมีการนำแผ่นไวนิลสีขาวมาปิดทับ ป้ายที่เขียนว่า สนใจโฆษณาให้ติดต่อเบอร์นี้ คงรอให้กระแสโซเชียลเบาลงกว่านี้ก่อน
เมื่อเวลา 15:00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สน. ห้วยขวาง ติดตามสอบถามข้องเท็จถึงกรณีที่พบมีการติดแผ่นป้ายโฆษณาซื้อขายหนังสือเดินทางและพาสปอร์ต ที่แยกห้วยขวาง พบว่า มีการขึ้นป้ายดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 เนื้อหาเป็นข้อความเกี่ยวกับการรับจ้างทำหนังสือเดินทางและรับจ้างดำเนินการแปลงสัญชาติ(สัญชาติที่สอง)ได้ใน30วัน โดยมีภาพตัวอย่างหนังสือเดินทางของประเทศอินโดนีเซีย วานูอาตู กัมพูชา และตุรกี ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการรื้อถอนเสร็จแล้วเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้
นายกรัฐมนตรี จึงได้มีการสั่งให้มีการตรวจสอบถึงที่มาที่ไป ถึงการขึ้นป้ายโฆษณาดังกล่าวและหากมีมีความผิดตามกฎหมายก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังสั่งให้ทางเจ้าหน้าที่เข้มงวด ในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเขตห้วยขวางมีการเข้ามาลงทุนทำธุรกิจของชาวจีนจำนวนมาก จึงอยากให้มีการเข้มงวดตรวจสอบทุกอย่างต้องดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวดเรื่องของยาเสพติดและเรื่องหนี้นอกระบบในพื้นที่ ที่รับผิดชอบด้วย
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงใน X ว่า กรณีนี้ต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแม้ว่าจะปลดป้ายไปแล้ว เพราะเป็นป้ายที่จงใจสื่อสารกับคนจีน โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำหนังสือเดินทางปลอม ต่อให้ไม่ใช่ความจริง ก็เข้าข่ายฉ้อโกง ซึ่งคนที่ต้องการหนังสือเดินทางปลอม ก็มักจะเป็น "อาชญากรข้ามชาติ" ทั้งสิ้น
การปล่อยปละให้มีป้ายแบบนี้ หรือสื่อสารแบบนี้ (ต่อให้เป็นเท็จก็ตาม) จะทำให้ภาพลักษณ์ประเทศ กลายเป็นจุดพำนักของจีนสีเทา และเป็นจุดส่งออก อาชญากรข้ามชาติจากประเทศจีน ไปยังประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งทำให้ประเทศเสียหายมาก
และการให้ป้ายดังกล่าวจะทำขึ้นมาหลอกลวงชาวจีนในประเทศไทย ก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะนอกจากจะซ้ำเติมภาพลักษณ์ ที่ประเทศไทยเป็นศูนย์รวมจีนสีเทาแล้ว ยังเป็นการใช้ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีนั้นฉ้อโกงสาธารณะอีกด้วยเรียกว่าเลวร้ายซ้อนเลวร้ายเลยทีเดียว