บรรยากาศการรับศพพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ หรือ รองหรั่ง รองผู้กำกับป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม ที่เสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุชายคุ้มคลั่ง เมื่อวันวานที่ผ่านมา เป็นไปอย่างโศกเศร้าอาลัย โดยมี พ.ต.ท.หญิง ชนม์ณกานต์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.กองอัตรากำลัง สนง.กำลังพล ภรรยา และ ร.ต.ท.วันรัฐธ์ จันยะรมณ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ บุตรชาย ถือรูปพ่อสวมชุดปกติขาว มารับศพ และยังมีญาติพี่น้อง เพื่อนตำรวจมารับศพด้วย ระหว่างรอรับศพพี่สาวของรองหรั่ง ได้เข้าไปสวมกอด กับภรรยาและลูกของรองหรั่ง พร้อมหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ 

 

พร้อมกับมีตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 / 10 โรงพัก ตั้งขบวน บริเวณด้านหน้าหน่วยนิติพญาธิ โรงพยาบาลศิริราช โดยมีพลตำรวจตรีประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เป็นผู้นำขบวน เพื่อนำศพไปประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดยางสุทธาราม ในช่วงเย็นวันนี้ 

 

ขณะที่ลูกชายและภรรยายังอยู่ในอาการโศกเศร้าและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน 

 

พ.ต.ท.หญิงจิราวรรณ ธัญญะเจริญ พี่สาวรองหรั่ง เดินทางมารับศพด้วย พร้อมให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ว่า ตนไม่รู้จะพูดอย่างไร แต่น้องชายเป็นคนดีมากๆ ดีจนไม่รู้ว่าคำไหนจะมาสิ้นสุดความดีได้ ภูมิใจในตัวน้องมากๆ เขารักงานและครอบครัวมาก ทุกวันจะต้องเปิดวิทยุสื่อสารเพื่อฟังเหตุ แม้ขนาดเฝ้าแม่ที่ป่วยก็ยังฟังวิทยุตลอด ไม่ยอมแจ้ง ผู้บังคับบัญชา เขาอดทนได้ไม่เป็น และน้องก็ได้ทำงานมาหลายพื้นที่ทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภาคอีสาน และทำทุกตำแหน่งโดยไม่เกี่ยงงาน

 

ที่ผ่านมาพ่อของเราปลูกฝังให้ทุกคนในครอบครัวเป็นตำรวจ เพราะเรามาจากครอบครัวคนจน หากได้เป็นตำรวจ จะได้ไม่ถูกใครรังแก ทำให้อาชีพตำรวจเป็นสายเลือดของครอบครัวเรา 

 

" อยากบอกน้องว่าน้องทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ถึงจะไปเกิดชาติภพไหน น้องก็จะไม่อายใครในอาชีพที่น้องผ่านมา" 

 

เมื่อถามว่าวันนี้ลูกสาวเขาพูดก่อเหตุจะไปร่วมงานศพของรองหลังด้วย พ.ต.ท.หญิงจิราวรรณ กล่าวว่า ไม่มีใครว่าที่จะให้มาร่วมงาน เพราะไม่มีใครผิดใครถูก เรื่องแบบนี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ลูกของผู้ก่อเหตุไม่ได้มีความคิดน้องชายที่เสียชีวิต เป็นเหมือนโชคชะตามากกว่าครอบครัวของตนเองก็ทำใจแล้ว คงไม่มีความโกรธแค้นอะไร เพราะสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย 

 

จากนั้นเวลา 10.50 น. ภรรยาและลูกของรองหรั่ง ได้นำศพออกมาขึ้นรถกู้ภัย เคลื่อนร่างของรองหรั่งไปวัดยางสุทธาราม จากนั้นก็มีขบวนรถตำรวจขับตาม

 

ต่อมา เวลา 12.00 น. วันที่ (22 ก.ค. 67) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางไปยัง จุดเกิดเหตุ ภายในหมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร โดย ทางครอบครัวของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผกก.ป.สน.ท่าข้าม (หรือ รองหรั่ง) ได้เดินทางมาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ บริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีทางด้าน พ.ต.ท.หญิง ชนม์ณกานต์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.กองอัตรากำลัง สนง.กำลังพล (ภรรยา)และ ร.ต.ท.วันรัฐธ์ จันยะรมณ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.สำโรงใต้ (บุตรชาย) ถือรูปพ่อสวมชุดปกติขาว และยังมีญาติพี่น้อง เพื่อนๆตำรวจ ที่ได้เดินทางมาร่วมเชิญดวงวิญญาณในครั้งนี้ด้วย 

 

สำหรับการประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ ครอบครัว ได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 1 รูป มาทำพิธีบอกกล่าวดวงวิญญาณ พร้อมนำ อาหารคาวหวาน และจุดตะเกียงเทียน และธูปบอกกล่าวอันเชิญดวงวิญญาณ พ.ต.ท. กิตติ์ชนม์ฯไปยัง ที่วัดยางสุทธาราม เพื่อประกอบพิธีสวดพระอภิธรรม และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันนี้ซึ่งเป็นวันแรกในการจัดพิธี

 

ต่อมา ช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังจากทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเสร็จ ทีมข่าวช่องแปดได้เดินทางมายัง วัดยางสุทธาราม แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยบรรยากาศในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ได้ทยอยส่งดอกไม้พวงหรีดมาเพื่อแสดงความเสียใจ ร่วมไว้อาลัย กับพ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผูกก.ป.สน.ท่าข้าม (หรือ รองหรั่ง) 

 

จากนั้น ทีมข่าวได้สอบถามพูดคุย กับ พ.ต.ท.วันเผด็จ รอง ผกก.2 บก.ปอศ. (หลานของ รองหรั่ง) เผยกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นทางครอบครัวได้นิมนต์เจ้าอาวาสวัดยางสุทธาราม ที่มีความสนิทสนมกับทางครอบครัวของตน นำไปเชิญดวงวิญญาณ ของ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ฯ (หรือ รองหรั่ง) บริเวณหน้าบ้าน จุดเกิดเหตุ เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณให้กลับมาฟังสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ 

 

โดยวันนี้จะเป็นวันรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพเป็นคืนแรก ซึ่งเบื้องต้นจะมีการสวดอภิธรรม ทั้งหมด 6 คืน โดยวันที่ 27 ก.ค. จะเป็นการสวด 2 จบ และ วันที่ 28 ก.ค. จะงดทำการสวดอภิธรรม เนื่องจากเป็นวันสำคัญ ซึ่งจะมีการ พระราชทานเพลิงศพอีกครั้ง ในวันที่ 29 ก.ค.

 

ทั้งนี้ ตนและ รองหรั่ง หรือ อาหรั่ง ค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก เนื่องจากเดิมท่านไม่เคยมีลูก จึงค่อนข้างเอ็นดูตนเหมือนลูก และช่วยชี้แนะแนวทางการเป็นตำรวจให้กับตนด้วย อีกทั้งปกติ รองหรั่งหากทุกครั้งเวลามีเคสต่างๆ มักจะโทรปรึกษากับตนก่อนอยู่เสมอ แต่ในวันที่เกิดเหตุ ก่อนหน้านี้ก็มีการนัดหมายว่าจะไปทำบุญร่วมกันในวัน อาทิตย์ที่ 21 ที่ผ่านมา ใน จ.อยุธยา ซึ่งมักจะชวนกันไปทำบุญในวันหยุดเป็นประจำ

 

ส่วนวันเกิดเหตุ ตนและอาไม่ได้มีการคุยกัน เนื่องจากคนกำลังซ่อมแซมหลังคาบ้านที่รั่ว ซึ่งตนคาดว่าช่วงค่ำจะมีการ LINE หาเพื่อสอบถามพูดคุย แต่ว่ารองรับกลับเงียบไป มารู้ข่าวอีกทีก็คือเสียชีวิตแล้ว ไม่คาดคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

ส่วนลักษณะนิสัยส่วนตัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ฯ หรือ รองหรั่ง ชอบออกตัวแทนลูกน้อง มีภาวะความเป็นผู้นำสูง ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ซึ่งในปีปีหน้าจะครบวาระเกษียณ แต่ก็ยังปฏิบัติงานเหมือนตอนเป็นวัยรุ่น เนื่องจากมีความชื่นชอบในอาชีพตำรวจ เนื่องจากปู่ ชอบให้ลูกหลานมีอาชีพรับราชการตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้รับราชการที่ สน.บางมดจำนวนสองปี ส่วนเดือนตุลานี้ จะครบหนึ่งปีที่ประจำอยู่ สน.ท่าข้าม

 

ทั้งนี้ ล่าสุดที่มีการพูดคุยกัน กับ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ฯ หรือ รองหรั่ง เรื่องคนภายในครอบครัวที่พึ่งไปสอบเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ และทั้งนี้ทุกสองอาทิตย์ ทางครอบครัวจะมีการนัดทานข้าวกันเป็นประจำ ทั้งนี้ รองหรั่ง ท่านยังคอยสอบถามลูกหลานในครอบครัวเสมอใครประกอบอาชีพอะไร และอยากให้ทุกคนรับราชการเพราะเชื่อว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง

 

นอกจากนี้ ตนก็อยากจะบอก กับ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ฯ หรือ รองหรั่ง อาของตนว่า ท่านได้ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ในอาชีพตำรวจ ซึ่งตนมองว่าในกรณีดังกล่าวดังกล่าวเป็นเคสเกี่ยวกับเด็ก รองหรั่งจึงยอมเสี่ยงดีกว่า ซึ่งจากที่ตนได้เห็นคลิป ขณะเกิดเหตุ ด้วยบรรยากาศค่อนข้างมืด ซึ่งตนได้มีการสอบถามเบื้องต้นรู้มาว่าบ้านหลังนี้มีเหตุลักษณะแจ้งความ หลายครั้งแล้ว ซึ่งก่อนเกิดเหตุ รองหรั่งก็ยังใส่เสื้อเกราะ ที่มีการถอดเสื้อเกาะออกเพราะคิดว่ามีการเจรจาที่คลี่คลายแล้ว โดยภรรยาของผู้ก่อเหตุได้มาขอร้องว่าอยากมีการสับเปลี่ยนตัวลูก เพราะลูกยังเด็กอยู่

 

และสุดท้ายนี้ตนภูมิใจในอาของตนเองมากเชื่อว่าอาทำได้อย่างเต็มที่แล้ว และเพื่อนร่วมงานเองก็คงสัมผัสได้มากกว่า

 

ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงศาลา 3 วัดยางสุทธาราม เพื่อเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ พันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รองผู้กำกับการป้องกันและปราบปราม สน.ท่าข้าม โดยมีพลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโทธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรีประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 นายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ร่วมในพิธีด้วย

 

โดยในบริเวณศาลา 3 พบว่ามีบุคคลสำคัญทางการเมือง และนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นตำรวจของรองหรั่งอีกหลายนาย ที่ได้ส่งพวงหรีดมาร่วมแสดงความอาลัย

 

จากนั้น เวลา 15.45 น. นายกรัฐมนตรีได้เข้ารดน้ำศพพันตำรวจโทกิตติ์ชนม์ จากนั้นได้ให้ครอบครัว บุคคลใกล้ชิด และแขกที่มาร่วมงานได้เข้ารดน้ำศพ

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินทางกลับ โดยก่อนเดินทางกลับได้เรียกพลตำรวจโทสำราญ เข้าไปพูดคุยเป็นการส่วนตัวประมาณ 5 นาที และเดินทางกลับโดยไม่ได้เปิดเผยอะไรกับสื่อ

 

ด้าน พลตำรวจโทสำราญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อเน้นย้ำว่า เป็นห่วงการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ โดยจะจัดสรรงบประมาณรวมถึงเงินรางวัลในการจับกุม ซึ่งจะเน้นเรื่องของความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นหลัก ส่วนเรื่องของเสื้อเกราะไม่ได้มีการพูดคุยในประเด็นนี้ ส่วนตัวตนเห็นเพียงแค่ในโลกโซเชียลเท่านั้น พร้อมยืนยันว่าทุกการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาสำเร็จและผิดพลาดก็ต้องมีการถอดบทเรียนอยู่แล้ว ส่วนเหตุการณ์นี้ขอนำไปทบทวนก่อน

 

ต่อมา เวลา 16.00 น. พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ ก่อนจะเดินทางกลับไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆกับสื่อมวลชน

 

ขณะที่ต่อมาในเวลา 17.00น. เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทาน มายังวัดยางสุทธาราม เพื่อเข้าสู่การประกอบพิธีหลวง และบรรจุร่างเข้าสู่หีบพระราชทาน โดยมี พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เป็นประธานในพิธี

 

ก่อนจะมีการสวดพระอภิธรรมศพเป็นวันแรก โดยครอบครัว และกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรม

 

โดยก่อนเริ่มพิธี ภรรยา และลูกสาวของเฮียตุ้ง ผู้ก่อเหตุ เดินทางมาร่วมงานสวดพระอภิธรรมด้วย ซึ่ง นางสาวมินนี่ อายุ 19 ปี ลูกสาวคนที่ 3 มาถึงก่อน และเข้าไปแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยได้ยกมือไหว้ ภรรยา และลูกของรองหรั่ง พร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจ โดยภรรยาของรองหรั่งได้ลูบแขนปลอบใจ

 

ก่อนจะมาไหว้เคารพศพของรองหรั่ง จากนั้น ภรรยาของ เฮียตุ้งพร้อมด้วย นางสาวมิ้ว อายุ 23ปี ลูกสาวคนโต กับมิ้น อายุ 22ปี ลูกสาวคนที่ 2 ของผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางตามมา และได้ไหว้เคารพศพรองหรั่ง ก่อนเข้าฟังสวดพระอภิธรรม ซึ่งลูกของผู้ก่อเหตุทุกคนอยู่ในอาการโศรกเศร้าเช่นกัน

 

ไทม์ไลน์ “เฮียตุ้ง” คลั่ง ยิง “รองหลั่ง” ดับ ชิงปลิดชีพตัวเอง

 

ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดเป็นเหตุการณ์ตอนที่ “รองหรั่ง” ซึ่งนั่งอยู่ในรถเก๋งตำรวจ ซึ่งเพิ่งไปปล่อยแถวตำรวจที่วัดบัวผัน ได้ขับเข้ามาในพื้นที่หมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กทม. ช่วง 19.25 น. ของวันที่ 20 กรกฎาคม เพื่อเข้ามาระงับเหตุและช่วยเหลือตัวประกันจากเหตุการณ์ “เฮียตุ้ง”คลั่งและมีอาวุธปืนในบ้านพัก 

 

ซึ่งภาพวงจรปิดที่จับนาทีรถรองหรั่งเข้ามาในที่เกิดเหตุมีหลายมุม แต่อาจจับภาพไม่ชัดว่ามีใครนั่งมาในรถบ้าง คนในรถมีทั้งหมด 2 คน คือ “รองหรั่ง”นั่งเบาะหลังและคนขับรถนั่งเบาะคนขับ

 

แล้ววงจรปิดตัวสุดท้าย จะเห็นนาทีที่รถเก๋งของ “รองหรั่ง” เลี้ยวเข้าไปในซอยที่เกิดเหตุเพื่อเข้าไปบ้านพักของ”เฮียตุ้ง” และหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ทาง “รองหรั่ง” ก็ถูก”เฮียตุ้ง” ยิงดับขณะปฎิบัติหน้าที่ในช่วงในช่วง 21.50 น. ของวันเดียวกัน

 

“เฮียตุ้ง” ทำร้ายลูกสารพัด กัด-ข่วน-ปืนตบ เครื่องเล่นฟาดหัว

วันนี้เราได้พูดคุยกับจ.ส.ต.วัชรินทร์ อายุ 33 ปี ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม ซึ่งเป็นผู้ที่ปรากฏในภาพนิ่งและภาพวงจรปิดขณะที่ “รองหรั่ง” ไปปล่อยแถวตำรวจที่วัดบัวผันในช่วง 19.00 น. วันที่ 20 กรกฎาคม บอกว่า เหตุการณ์วันที่ 20 กรกฎาคม ตนกับ “รองหรั่ง” ได้ไปร่วมดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่มาเวียนเทียนที่วัดบัวผัน ซึ่ง “รองหรั่ง” เป็นประธานปล่อยแถวตำรวจในครั้งนั้น 

 

โดย “รองหรั่ง” นั่งรถเก๋งตำรวจมา พอลงรถก็พูดทันทีกับตนว่า เพิ่งได้รับแจ้งเหตุว่ามีชายคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนภายในหมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กทม. จากนั้น “รองหรั่ง” ก็รีบปล่อยแถวที่วัดเพื่อที่จะรีบเดินทางไประงับเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนขึ้นรถยังพูดกับลูกน้องทุกคนว่า “ ฝากประชาชนด้วยนะ ฝากดูแลความปลอดภัยของประชาชนด้วย เดี๋ยวผมต้องรีบไปดูเหตุก่อน”

 

แล้ว “รองหรั่ง” ก็ยังพูดตัดพ้ออีกว่า “ถ้าเกิดมีเวลาก็อยากอยู่ด้วยกับลูกน้องและอยากทำบุญด้วย” ซึ่งต้องมองว่าประโยคนี้ไม่ได้เป็นลางสังหรณ์ แต่คิดว่า”รองหรั่ง”อยากทำบุญจริงๆเพราะวันนั้นเป็นวันอาสาฬหบูชา ซึ่งต้องตกใจที่ได้เห็นภาพวงจรปิดที่ทางช่องแปดได้ภาพเหตุการณ์มาเป็นภาพที่รองหรั่งยกมือไหว้และบริจาคเงินสังฆทาน เพราะก่อนที่เสียชีวิตบอกกับตนว่า “รองหรั่ง” อยากทำบุญ โดยตอนที่ “รองหรั่ง”กำลังขึ้นรถแล้วออกจากวัด มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยเพราะเจ้าตัวทำงานมาทั้งวันแล้ว

 

หลังทราบว่า “รองหรั่ง” เสียชีวิตเพราะถูกผู้ก่อเหตุยิงขณะที่ “รองหรั่ง”กำลังปฎิบัติภารกิจควบคุมสถานการณ์ โดยได้สอบถามลูกน้องของ “รองหรั่ง” ที่เข้าร่วมภารกิจดังกล่าวด้วยเล่าให้ฟังว่า “รองเป็นห่วงตัวประกันมาก ที่จริงจะไม่เข้าก็ได้ แต่ได้ยินเสียงตัวประกันที่เป็นลูกสาวคนร้ายร้องไห้ ได้ยินเสียงร้องไห้ปุ๊บ เป็นห่วงเขามาก เลยวิ่งเข้าไปช่วย โดยที่ลูกน้องก็ยังตั้งตัวไม่ทันเลยว่ารองจะวิ่งเข้าไปช่วย” ยันเป็นสัญชาตญาณของตำรวจทุกนายว่าต้องรีบเข้าไปช่วยตัวประกัน อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวตัวประกันเป็นเยาวชนจึงต้องรีบช่วยเหลือออกมาให้เร็วที่สุด เพราะมีตัวประกันรายหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของผู้ก่อเหตุที่ถูกพ่อใช้ปืนตบได้รับบาดเจ็บ

 

ที่ผ่านมา “รองหรั่ง” เป็นตำรวจน้ำดีและทุ่มเทกับการปฎิบัติหน้าที่เสมอรวมทั้งทำงานหนักมาก “รองหรั่งรักลูกน้องมาก เป็นห่วงลูกน้อง ให้ความสำคัญลูกน้องมาก ก็เลยจะออกหน้าก่อนลูกน้องตลอด” โดยเซฟลูกน้องสุดๆทุกงาน 

 

ซึ่งบ้านพักที่เกิดเหตุ “เฮียตุ้ง” มีพฤติกรรมชอบยิงปืนในบ้านและชอบทำร้ายคนในครอบครัวคือเมียและลูก ก่อนหน้านี้ปี 2565 ทางตำรวจสน. ท่าข้ามเคยไประงับเหตุที่บ้านเกิดเหตุแล้วครั้งหนึ่ง หลังลูกสาวโทรแจ้งพ่ออาละวาด แต่ครั้งก่อน “เฮียตุ้ง” ยอมออกมาจากบ้านพักโดย และบอกตำรวจ “ไปๆเรื่องในครอบครัว อย่าเข้ามายุ่ง เดี๋ยวตกลงกันเอง” ซึ่งเฮียตุ้งยอมจบ 

 

แต่ครั้งล่าสุด ตอนแรก “เฮียตุ้ง “ ก็บอกเป็นเรื่องในครอบครัว แต่กลับไม่ยอมออกมาจากบ้าน แล้วมาก่อเหตุยิง”รองหรั่ง” เสียชีวิตรวมทั้งตำรวจอีกนายบาดเจ็บ แล้วทำร้ายลูกให้ตำรวจเห็นด้วย ทำให้ปฏิบัติการนี้คืนดังกล่าวตำรวจต้องล้อมเพื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมา

 

ในส่วนครอบครัวรองหรั่ง ภรรยาเป็นตำรวจ ลูกชายก็เป็นตำรวจ เป็นตำรวจกันทั้งครอบครัวซึ่งทุกคนในครอบครัวทำงานเพื่อประชาชนโดยตลอด ขณะที่ภาพ”รองหรั่ง” เป่าเค้กวันเกิด ลูกชายวันเกิดมาให้พ่อเป็นการฉลองวันเกิดของ “รองหรั่ง” ย้อนหลัง เพราะด้วยความที่เป็นตำรวจกันทั้งครอบครัวเวลาว่างและเวลาหยุดก็จะไม่ตรงกันเพราะส่วนใหญ่ครอบครัวนี้จะทำงานตลอด เลยต้องฉลองวันเกิดย้อนหลัง

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ตนเองจะอยู่งานสืบสวน ซึ่งไม่ได้อยู่งานเดียวกับรองหรั่ง แต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า “นี่คือการเสียตำรวจน้ำดีไปอีกหนึ่งคน” เพราะรองหรั่ง คือตำรวจที่อุทิศตนทำงานเพื่อสังคมมาตลอด เป็นคนที่รัก และให้เกียรติลูกน้องมากๆ ไม่ว่าจะถามตำรวจคนไหนที่ สน.ท่าข้าม ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันแบบนี้ทุกคน

 

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านพักของเฮียตุ้ง บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง แขวงและเขตบางบอน กทม. บ้านพักหลังดังกล่าวประตูรั้วบ้านปิดสนิท และใส่กุญแจคล้องล็อกจากภายนอกไว้ เลือดของ “รองหรั่ง”ที่ถูกลูกน้องลากออกมาจากพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณพื้นปูนซีเมนต์หน้าบ้านพักก็ยังไม่ได้ถูกล้าง รวมทั้งรถเก๋งสีแดงเลือดหมูของผู้ก่อเหตุก็ยังจอดไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพักที่เกิดเหตุ ซึ่งทางตำรวจได้นำโปลิสไลน์กั้นเกิดเหตุไว้ห้ามคนภายนอกเข้า

 

เราสอบถามนางพลอย (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เล่าว่า ครอบครัวที่เกิดเหตุขัดแย้งกันมาโดยตลอดเนื่องจากมีอาการทางจิตก็จะคลุ้มคลั่งในบางครั้ง และเผลอทำร้ายเมียและลูกจนลูก พอเมียทนไม่ไหวก็ออกไปอยู่ที่อื่นบ้าง แล้ว “เฮียตุ้ง”ก็จะไปง้อกลับมา วนลูปความสัมพันธ์ในลักษณะแบบนี้หลายครั้ง ทำให้ส่วนใหญ่ “เฮียตุ้ง”อยู่ในบ้านพักหลังนี้เพียงลำพัง

 

“เฮียตุ้ง”เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ แต่ก่อนมีลูกน้องหลายคน แต่ด้วย “เฮียตุ้ง” มีอาการทางจิตคลุ้มคลั่งบ้างบางครั้ง ประกอบกับเจอวิกฤตทางเศรษฐกิจ ทำให้ลูกน้องลาออกเกือบทั้งหมด ระยะหลัง “เฮียตุ้ง” จึงทำงานเพียงคนเดียวซึ่งถือว่าหนัก 

 

ก่อนหน้านี้เคยชวนคนในชุมชนรวมแม้กระทั่งสามีของตนไปทำงานด้วย เพราะ. “เฮียตุ้ง” อยากได้ลูกน้องที่มาช่วยเรื่องงาน แต่ต้นก็จะบอกสามีว่าอยากไปทำงานกับ “เฮียตุ้ง” เพราะบางครั้ง “เฮียตุ้ง”ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หวั่นสามีตนเป็นอันตราย จึงทำให้ระยะหลังแม้ลูกและเมียจะไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่ “เฮียตุ้ง” ก็จะโทรบอกลูกให้มาช่วยงานที่โรงพิมพ์เหมือนกับวันที่เกิดเหตุ ชวนมาทำงานแต่ว่า “เฮียตุ้ง”เกิดอาการคลั่งก่อน 

 

เผย “เฮียตุ้ง” เป็นคนสองบุคลิก อยู่ในบ้านจะมีอาการคลั่งแต่พอออกจากนอกบ้านจะเป็นอีกคนละคนคืออัธยาศัยดีและยิ้มแย้มแจ่มใสกับเพื่อนบ้าน คาดเพราะเมียกับลูกหนี เวลา “เฮียตุ้ง”เข้าบ้านไม่เจอเมียกับลูกก็เลยหงุดหงิด อาการที่อยู่ที่บ้านก็มีสองบุคลิก ถ้าอยู่ในบ้านแล้วอารมณ์ดี “เฮียตุ้ง” ก็จะเปิดเพลงเสียงดังลั่นบ้านจนเสียงออกมาข้างนอก แต่ถ้ามีอารมณ์หงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี “เฮียตุ้ง” จะยิงปืนอยู่ในบ้านหลายนัด ซึ่งในบ้านตอนไม่รู้ว่ามีที่ซ้อมอื่นหรือไม่ โดยเฉลี่ยหาก “เฮียตุ้ง” อารมณ์ไม่ดี จะยิงปืนในบ้านพักตกสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

 

นอกจากนี้เวลาออกจากบ้าน “เฮียตุ้ง” จะชอบพกเงินสดจำนวนมากและพกปืนไว้กับตัว เท่าที่ตนทราบ “เฮียตุ้ง” มีปืนทั้งหมด 4 กระบอก เป็นปืนถูกต้องตามกฎหมายมีใบอนุญาตให้ครอบครอง เคยมากินเหล้าที่หน้าร้านค้าในชุมชนกับเพื่อนบ้านนั่งอยู่กันที่โต๊ะกินเหล้า แล้วอยู่อยู่ “เฮียตุ้ง” เอาเงินสด 300,000 บาท เงินเป็นปึกๆ วางบนโต๊ะกินเหล้า พร้อมกับวางปืนพกสั้นที่โต๊ะ เพื่อจะโชว์เพื่อนบ้านว่าตนเองมีทั้งเงินและมีทั้งปืน

 

จนเพื่อนบ้านก็คุ้นเคยกับพฤติกรรมและจะรู้กันดีว่าถ้าหากไม่มีเรื่องขัดแย้งหรือไปกวนใจ “เฮียตุ้ง” “เฮียตุ้ง” ก็ไม่ทำอะไร แล้วบางครั้งเฮียตุ้งก็ชอบเก็บเงินไม่เป็นที่เคยเอาเงินหลักแสนไว้ในรถเก๋งสีแดงเลือดหมูที่จอดหน้าบ้าน 

 

แต่อีกส่วนหนึ่ง “เฮียตุ้ง”เป็นป๋าใจสปอร์ต เพราะชอบเลี้ยงเบียร์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อนบ้านบ่อยครั้ง เพราะเฮียไม่มีเพื่อน ก็จะมาคุยเป็นเพื่อนกับเพื่อนบ้าน โดยจะไม่ให้เพื่อนบ้านออกเงินดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “เฮียตุ้ง”จะออกเงินทั้งหมดรวมทั้งขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อกับแกล้มที่ตลาดมาให้เพื่อนบ้านกินด้วย

 

ระยะหลังก่อนเกิดเหตุก็มากินเหล้าที่นี่ แล้วบ่นว่าเมียกับลูกเวลามาที่บ้านชอบมาขโมยเงิน “เฮียตุ้ง” ลักษณะไม่ขอดีๆ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่เฮียบ่นว่าเครียดเรื่องเงินและทำงานคนเดียวซึ่งก็หนักมาก

 

หลังเกิดเหตุช่วงเย็นของวานนี้ลูกสาวของ “เฮียตุ้ง” กลับมาที่บ้านพักมาตรวจตราความเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้มีการล้างเลือดหรือเชิญวิญญาณของพ่อ ก่อนที่จะเปิดไฟหน้าบ้านไว้และล็อกประตูบ้านพัก หลังเกิดเหตุที่ “เฮียตุ้ง”เสียชีวิต เพื่อนบ้านก็สลดเพราะไม่คิดว่าคนที่เจอหน้ากันทุกวันจะมายิงตัวตายในบ้านพักแล้วไปยิงตำรวจเสียชีวิตอีก แต่ส่วนหนึ่งเพื่อนบ้านก็โล่งใจเพราะเงียบสงบดีเพราะไม่มีใครยิงปืนเสียงดังอีกแล้ว

สังคมรุมถล่ม! "ลูกเฮียตุ้ง" กล่อมหรือยุ ทำพ่อคลั่งยิง "รองหรั่ง" ตาย