จากกรณีเมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 22 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้ง มีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต จำนวนหลายราย ที่หมู่ 8 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างจิตต์ศรีสะเกษธรรมสถาน และแพทย์เวร รพ.ศรีสะเกษ ไปยังที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว พบศพ น.ส.ดวงเดือน อายุ 41 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว อ.เมืองศรีสะเกษ เจ้าของบ้าน นายปรมัตถ์ อายุ 39 ปี ทนายความ สามี ของ น.ส.ดวงเดือน นางหยกมณี อายุ 66 ปี แม่ของ น.ส.ดวงเดือน และนายบุญเลื่อน อายุ 61 ปี น้องเขยของ นางหยกมณี ทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่าเป็นปืนลูกซองยาว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคนร้ายคือนายปฐพี อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นอดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.บุรีรัมย์ ลาออกจากราชการ และเป็นอดีตสามีของ ผอ.ดวงเดือน จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุคาดว่าเกิดจาก การฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สิน คดีหมิ่นประมาท ร้องวินัยข้าราชการ ซึ่งมีนัดสืบพยาน ในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2567 นี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องสลดดังกล่าวนี้ก่อน

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ไฟล์วงจรปิดตัวเต็มที่บ้านของ ผอ.ดวงเดือน ซึ่งจะเห็นว่าเวลา 21.01 น. คนที่บ้านของ ผอ. ยังคุยกันโดยไม่รู้ตัวว่านายปฐพี คนก่อเหตุย่องเข้ามา 

 

จนกระทั่งไม่ถึงนาที เวลา 21.01.54 วินาที เสียงปืน 6 นัดในชุดแรกก็เริ่มดังขึ้นซึ่งจะได้ยินเสียงกรีดร้องของ ผอ.ดวงเดือน จากนั้นก็จะได้ยินเสียงปืนนัดที่ 7 ดังขึ้น และจะได้ยินเสียง ผอ. ส่งเสียงให้คนในบ้านหลบๆ แต่เสียงปืนนัดที่ 8 ก็ดังขึ้น จากนั้นก็จะได้ยินเสียงเหมือนมีการดึงประตู และก็จะได้ยินเสียงนายบุญเลื่อน พูดว่าอย่ายิง อย่ายิง ยอมแล้วครูครับ และเสียงปืนนัดที่ 9 ก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของ ผอ.ดวงเดือน จากนั้นเสียงปืนนัดที่ 10 ก็ดังขึ้น ซึ่งหลังจากนี้เสียงในบ้านจะเงียบสงบ จนกระทั่งผ่านไปไม่นานเสียงปืนนัดที่ 11 ก็ดังขึ้น

 

จากนั้นเมื่อเสียงปืนสงบลง เวลา 21.04 น. ก็จะเห็นนายปฐพี ค่อยๆขับรถผ่านหน้าบ้านเพื่อหลบหนี

 

หลังจากนั้น เมื่อนายปฐพี คนก่อเหตุขับรถออกไปแล้ว เวลา 21.07 น. ก็จะได้ยินเสียงน้องฟงฟง ซึ่งเป็นลูกชายของผอ. โทรศัพท์หาตำรวจ โดยในเสียงจะได้ยินน้องบอกที่อยู่กับตำรวจ และก็จะเห็นน้องรีบวิ่งออกไปจากบ้าน

 

ส่วนวงจรปิดถัดไป จะเห็นว่าหลังจากน้องฟงฟง ไปบอกกับชาวบ้าน เวลา 21.18 น. ก็จะเห็นชาวบ้านเริ่มเข้ามาที่หน้าบ้าน โดยผู้ใหญ่บ้านเป็นคนเดินเข้าบ้านมาก่อน และจะได้ยินเสียงพูดกันว่าเลือดเต็มเลย อย่าไปจับๆ ตายกันหมดเลย และก็จะได้ยินเสียงคุยกัน แล้วชาวบ้านก็เริ่มเข้ามามุงดูที่หน้าบ้าน

 

จากนั้นเมื่อตำรวจได้รับแจ้งก็จะ พอมาถึงก็มีการกั้นพื้นที่เอาไว้ และกู้ภัยกับตำรวจก็มีการเข้าไปตรวจสอบภายในที่เกิดเหตุ

 

คุณยาย ดัชราภรณ์ ภรรยาของ นายบุญเลื่อน 1 ในผู้เสียชีวิต ขณะมานั่งทานข้าวอยู่ในวงนี้ เล่าด้วยความเสียใจ ว่า ตนเองคาดว่าน่าจะเป็นอดีตแฟนของ นางสาวดวงเดือน ผอ.รร. เพราะก่อนหน้านี้เมื่อสองสามปีที่แล้วเคยมี ผอ.เขต พื้นที่การศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มาโปรยใบปลิวแบบเสียบไว้หน้าบ้านนับ 100 หลังคาเรือน ข้อความในนั้นระบุว่าบ้านหลังนี้ตนเองเป็นคนเอาเงินมาสร้างใคร ก็มาอยู่ไม่ได้ จากนั้น ผอ.ดวงเดือน ก็ได้ทำการว่าจ้างทนายปรมัตถ์ ซึ่งเป็นคนสนิท ของตน ให้ดำเนินคดีฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมยังได้ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชา ของ ผอ.เขต คนดังกล่าว ขณะเดียวกัน ท่าน ผอ.เขต คนดังกล่าวได้มีการฟ้องกลับแจ้งการครอบครองปรปักษ์บ้านหลังนี้ที่ตนได้เคยนำเงินมาสร้าง ซึ่งไปเกี่ยวโยงกับใบปลิวที่แจกตามหมู่บ้าน ว่าบ้านหลังนี้ใครก็อยู่ไม่ได้เพราะตนนำเงินมาสร้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าใช่ ผอ.เขต คนที่มีปัญหากันอยู่นี้หรือเปล่ามากราดยิงในวันนี้ แต่นอกจากนี้แล้วก็ไม่น่าที่จะมีปัญหาเรื่องอื่นกับใคร หรืออาจมีแต่ตนไม่ทราบ 

 

เมื่อคืนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษได้ติดตามไล่ล่ามือเย็นไปถึงอำเภอประโคนชัยประโคนชัย ให้สกัดรถ เก๋งคันดังกล่าวพยามพูดคุยเจรจาหว่านล้อมให้เปิดประตู ออกมามอบตัวแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายมือปืนลั่นไกปิดชีพตัวเองดับ 

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงและตามเส้นทางที่ตำรวจได้ขับไล่ล่านายปฐพี อายุ 52 ปี ผู้ต้องหา โดยพบวันที่ 22 ก.ค. 67 เวลา 23.38 น. พบรถตำรวจเปิดสัญญาณไฟ ขับเข้ามาดักรออยู่บริเวณ 4 แยก ประโคนชัย ฝั่งที่จะเลี้ยวไปยังตำบลหนองบอน ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง โดยตำรวจจอดอยู่ประมาณ 8 นาที ก่อนจะขับเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังเส้นทางที่มุ่งหน้าไปตำบลหนองบอน

 

หลังจากที่ตำรวจได้เลี้ยวเข้าไปทางตำบลหนองบอน ใช้เวลากว่า 20 นาที ก่อนจะพบว่า ในเวลา 00.06 น. นายปฐพี ผู้ต้องหา ได้ขับรถเก๋งสีดำออกมาตรง 4 แยก ประโคนชัย โดยมีรถตำรวจขับไล่ตามประกบมาติดๆ 2 คัน ก่อนจะไปจอดตรงหน้าป้อมตู้ยามพิณทอง เพราะจนมุมตำรวจดักปิดทางไว้ และยิงตัวเองในจุดนั้น

 

พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวม 5 คน ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการทำงานของตำรวจ สภ.ประโคนชัย มีทำงานตามยุทธวิธี 

 

เบื้องต้นเป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน และมีมูลเหตุชัดเจนคือเรื่องครอบครัว เนื่องจาก ผอ.มีการเตรียมการไว้แล้ว ทั้งลาออกจากราชการได้ประมาณเดือนเศษที่ผ่านมา มีการเขียนจดหมายไว้กับกระดาษใต้เท้า (กระดาษของร้านล้างอัดฉีด) ด้วยข้อความว่า “ถ้าตายไม่ต้องตั้งสวดนะ เผาได้เลยแต่นำเอากระดูกกลับ” พร้อมกับเขียนชื่อพ่อแม่และเบอร์ศัพท์เอาไว้ ทางตำรวจ สภ.ประโคนชัย บุรีรัมย์ จะทำคดีแค่การพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีหลักต้องให้ต้นทางคือจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการต่อไป

 

ส่วนวงจรปิดที่ร้านค้าในหมู่บ้าน โดยห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 650 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่น้องฟงฟง ลูกชายของ น.ส.ดวงเดือน เดินไปบอกกับเจ้าของร้านค้าว่าคนที่บ้านถูกยิงตายหมดแล้ว จะเห็นว่าเวลา 21.12 น. หลังจากมือปืนออกจากบ้านไปแล้ว น้องฟงฟง มีการเดินเข้ามาในร้านค้าในลักษณะสวมกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ และถือไฟฉายส่องมาด้วยในขณะที่เข้าไปบอกกับนางพวงพยอม หรือนางกบเจ้าของร้านค้า

 

ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับนางพวงพยอม หรือ กบ อายุ 47 ปี เป็นเจ้าของร้านค้าในหมู่บ้าน ที่เด็กชายจอมพล หรือ น้องฟงฟง ลูกชายวัย 11 ปี ของผอ.ดวงเดือน ได้ไปขอความช่วยเหลือหลังจากเกิดเหตุ 

 

ซึ่งนางพวงพยอม บอกว่า น้องฟงฟง ได้เดินจากบ้านที่เกิดเหตุมาถึงร้านตอนประมาณ 3 ทุ่มกว่า ทันทีที่มาถึงได้วิ่งเข้ามากอด ซึ่งตนสังเกตเห็นว่าน้องมีอาการกลัวจนตัวสั่น แต่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมพูดว่า “ ป้าๆตายหมดแล้ว แม่ก็ตาย ยายก็ตาย ตายหมดทุกคนแล้วผมจะอยู่กับใคร เดือนหน้าก็จะวันเกิดผมแล้ว ” จากนั้นก็เงียบไป พร้อมกับเอามือทั้ง 2 ข้างกุมหัว

 

โดยเมื่อนางพวงพยอม ได้ยินคำพูดดังกล่าวจึงถามกับน้องฟงฟง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่อยๆเล่าให้ป้าฟัง ซึ่งน้องฟงฟง บอกอีกว่า น้องฟงฟง เป็นคนโทรศัพท์แจ้ง 191 หลังจากเกิดเหตุ แล้วตำรวจก็ขอให้น้องนำโทรศัพท์ไปให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆพูดคุย เพื่อที่จะสอบถามรายละเอียดจากนั้นน้องจึงตัดสินใจถือสายตำรวจไว้ แล้วเดินจากบ้านมาที่ร้านค้า ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้ตัวเองพูดคุยต่อ ซึ่งตัวเองก็ได้แจ้งไปว่า ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้ให้รายละเอียดชื่อเจ้าของบ้าน คือ ผอ.ดวงเดือน ไป จากนั้นตำรวจก็ได้ขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ พอวางสายจากตำรวจ ตัวเองก็ได้โทรศัพท์แจ้งผู้ใหญ่บ้าน แล้วพากันไปที่จุดเกิดเหตุ 

 

จากนั้นเมื่อคุยกับตำรวจเสร็จ นางพวงพยอม ยังบอกว่า จากการพูดคุยกับน้องฟงฟง น้องไม่เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เพราะเล่นเกมส์อยู่ในห้องนอน ส่วนแม่และคนอื่นๆ นั่งกินข้าวกันอยู่หน้าบ้าน ซึ่งตอนที่นายปฐพี บุกเข้ามายิง แม่คือผอ.ดวงเดือนซึ่งถูกยิงตั้งแต่หน้าบ้าน ได้รีบวิ่งเข้าบ้านไปบอกน้องให้ไปหลบอยู่ในห้องน้ำ น้องจึงเข้าไปแล้วปิดประตูล็อกไว้ โดยน้องได้ยินเสียงปืนดังมาก ดังจนหูอื้อ จากนั้นพอเสียงปืนสงบลง น้องจึงออกมาดูและโทรแจ้งตำรวจ ก่อนจะวิ่งมาขอความช่วยเหลือดังกล่าว

 

โดยนางพวงพยอม บอกว่า ก่อนที่น้องฟงฟง จะมาขอความช่วยเหลือ ก็มีชาวบ้านที่ไปตกปลาใกล้จุดเกิดเหตุ พากันมานั่งคุย ว่า ได้ยินเสียงปืน แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งน้องฟงฟง เดินมาก็จึงได้รู้ข่าวพร้อมกัน นอกจากนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุขึ้น ช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า ทนายป้อม สามีใหม่ของผอ.ดวงเดือน ก็ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ มาซื้อน้ำแข็ง 10 บาท กับ โซดา 3 ขวด ซึ่งตอนนั้นก็ยังปกติดี แล้วตนเองยังได้สอบถามว่า ทำไมซื้อแค่โซดากับน้ำแข็ง โดยทนายป้อม ก็ตอบว่าพอดีมีเหล้าอยู่ที่บ้าน ทั้งยังบอกว่าจะชวนนายบุญเลื่อน ที่เสียชีวิต แวะมาหา มากินข้าวด้วย

 

ส่วนนายปฐพี ผู้ก่อเหตุ ตนเคยเจอครั้งเดียวตอนที่มาอยู่ใหม่ ซึ่งนายปฐพี ได้พาน้องฟงฟง มาซื้อของที่ร้านแต่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ขณะที่ตนเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวนี้มากนัก โดยทราบจากนางหยกมณี แม่ของผอ.ดวงเดือน ว่า ลูกสาวกับนายปฐพี มีปัญหาเลิกรากัน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเลิก จนทำให้มีเรื่องฟ้องร้องกัน

 

วงจรปิด มือปืน ขับรถมาถึงพื้นที่ วนรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน หลังก่อเหตุขับรถออกทางเดิมโดยขับบนถนนหลักมุ่งหน้าจังหวัดบุรีรัมย์

ส่วนวงจรปิดชุดที่3 ซึ่งเป็นเส้นทางบนถนนหลัก จะเห็นว่า นายปฐพี คนก่อเหตุ ได้ขับรถจากบุรีรัมย์ มาผ่านหน้ากล้องวงจรปิดตรงข้ามทางเข้าหมู่บ้านในเวลา 20.45 น. 

 

จากนั้นเมื่อผ่านหน้ากล้องไปแล้ว จะเห็นว่าเมื่อนายปฐพี ไปกลับรถมา นายปฐพี ก็มีการขับเข้าไปตรงทางเข้าหมู่บ้านช้าๆ

 

หลังจากนั้นเมื่อนายปฐพี ก่อเหตุและขับรถหนีออกมาตามหมู่บ้าน ก็จะเห็นว่านายปฐพี มีการขับรถออกมาจากทางเข้าหมู่บ้าน ในเวลา 21.16 น. และภาพอีกมุมเป็นมุมถนนหลักที่นายปฐพี ขับรถมุ่งหน้าไปที่จังหวัดบุรีรัมย์

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบุญเร่ง เป็นผู้ใหญ่บ้าน ที่เดินเข้าไปพบศพเป็นคนแรก บอกว่าหลังจากได้รับแจ้งเหตุ ในขณะที่เปิดรั้วเข้าไปพบศพนายปรมัตถ์ ทนายความ นอนจมกองเลือดอยู่ที่ข้างรถโดยสภาพศพถูกยิงบริเวณท้ายทอย จากนั้นพอเดินเข้าไปที่หน้าห้องน้ำก็ไปพบศพนางหยกมณี แม่ของนางดวงเดือน นอนจมกองเลือดอยู่ซึ่งสภาพศพถูกยิงหน้าเละไปครึ่งหน้า จากนั้นเมื่อตนเองเดินต่อไปที่ประตูหลังบ้าน ก็ไปพบร่องรอยคราบเลือดตามทางเข้าไปภายในบ้านกระทั่งเดินไปที่ห้องโถงก็พบศพ น.ส.ดวงเดือน ซึ่งสภาพศพมีร่องรอยถูกยิงตามร่างกายและถูกยิงซ้ำที่บริเวณใบหน้าจนหน้าเละ และเมื่อเดินต่อไปก็พบศพนายนายบุญเลื่อน ถูกยิงสมองไหลอยู่ตรงหน้าประตูทางออกด้านหน้าบ้าน

 

ซึ่งเหตุการณ์ที่เข้าไปพบสภาพศพแต่ละคนยอมรับผิดว่าตกใจมาก โดยหลังจากเห็นศพทุกคนตนเองได้มีการเดินออกมารอตำรวจที่หน้าบ้าน ส่วนบ้านหลังที่เกิดเหตุ เป็นบ้านที่ น.ส.ดวงเดือน สร้างขึ้นมาประมาณ 3 ปีและสร้างหลังจากแต่งงานกับผู้ก่อเหตุ จากนั้นทั้งคู่ได้เลิกรากัน และน.ส.ดวงเดือน ก็ไปคบหากับทนาย ซึ่งหลังจากคบหากับทนายได้ระยะหนึ่ง ก่อนที่ น.ส.ดวงเดือน จะแต่งงานกับทนาย คนในหมู่บ้านก็รู้ว่านายปฐพี คนก่อเหตุ พยายามที่จะมารังควาน โดยเขามีการข่มขู่ น.ส.ดวงเดือนว่าจะฆ่าล้างโคตร โดยพิมพ์ข้อความและมีการแจกใบปลิวให้กับชาวบ้านรับรู้

 

เปิดหลักฐานใหม่ ผอ.ขับรถดูลาดเลา ก่อนกลับมายิงยกครัว

วงจรปิดช่วงเย็นคนก่อเหตุขับรถดูลาดเลา ช่วงค่ำย้อนกลับเข้าไปก่อเหตุและขับรถหลบหนีออกไปก่อนตำรวจจะมาถึง

 

ส่วนภาพวงจรปิดก่อนจะเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นเส้นทางที่นายปฐพี ขับรถเข้าไปก่อเหตุ จะเห็นว่ารถเก๋งคันดำของนายปฐพี มีการขับออกมาจากเส้นทางบ้านของ ผอ.ดวงเดือน ก่อนในช่วงเวลา 18.05 น. 

 

จากนั้นเวลา 20.50 น. กล้องวงจรปิด 4 มุมซึ่งเป็นเส้นทางเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ จะเห็นว่ารถเก๋งคันดำของนายปฐพี ได้มีการขับเข้าไปยังจุดเกิดเหตุในลักษณะขับผ่านกล้องทุกตัวไปช้าๆ

 

และหลังจากนั้นนายปฐพี ขับรถเข้าไปในจุดเกิดเหตุประมาณ 15 นาที จะเห็นว่านายปฐพี มีการขับรถออกมาตามเส้นทางด้วยความเร็ว 

 

ขณะเดียวกันหลังจากนายปฐพี ขับรถหลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุ จะเห็นว่าทิ้งช่วงไปประมาณ 30 กว่านาที รถตำรวจและรถกู้ภัยก็จะมีการขับเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ

 

ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ น.ส.ดวงเดือน มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ โดยเมื่อไปถึงพบว่าทางครูในโรงเรียนมีการจับกลุ่มนั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าโรงเรียน แต่เมื่อทีมข่าวเดินเข้าไปขอคุยด้วย ครูทุกคนที่นั่งอยู่มีการลุกขึ้นจากโต๊ะม้าหินและพากันเดินหนีไปขึ้นรถ ซึ่งมีครูท่านหนึ่ง หันมาบอกกับทีมข่าวว่า ตอนนี้สภาพจิตใจครูยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลอะไร ส่วนภายในโรงเรียนที่ไม่เห็นนักเรียนมาเรียนในวันนี้ เนื่องจากทางโรงเรียนมีการประกาศให้นักเรียนหยุดเรียนหลังทราบข่าวว่าทางผู้อำนวยการเสียชีวิต

 

จากนั้นเมื่อไปมีครูคนไหนให้ข้อมูล ทีมข่าวจึงเดินทางไปพบกับ นายอดิศักดิ์ อายุ 54 ปี ซึ่งเป็นนักการภารโรงของทางโรงเรียน ซึ่งนายอดิศักดิ์ บอกว่า ตนเองทำงานที่โรงเรียนมาประมาณ 10 ปี ส่วนผอ.ดวงเดือน เข้ามาทำงานที่โรงเรียนได้ประมาณ 3 - 4 ปี โดยที่ผ่านมาตั้งแต่ ผอ.ดวงเดือน เข้ามาทำงานที่โรงเรียน ยืนยันว่าไม่เคยมีสามีคนไหนของ ผอ.เข้ามาหาที่โรงเรียน และหลังจาก ผอ.ดวงเดือน เลิกรากับคนก่อเหตุ ตนเองก็ไม่เคยเห็นคนก่อเหตุเข้ามาวนเวียนที่โรงเรียนแม้แต่ครั้งเดียว 

 

ซึ่งตนเองในฐานะที่ทำงานที่เดียวกันกับ ผอ.ดวงเดือน ยืนยันว่าทาง ผอ.ดวงเดือน เป็นคนอัธยาศัยดีกับลูกน้องและไม่เคยมีปัญหากับใครในโรงเรียน โดย ผอ.ดวงเดือน จะเข้ามาถึงโรงเรียน 8 โมงเช้าและจะกลับเป็นคนสุดท้าย โดยส่วนตัวได้เจอหน้ากับ ผอ.ดวงเดือน เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ ที่ 19 กรกฎาคม เพราะเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เป็นวันหยุด 

 

ยอมรับตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยืนยันที่ผ่านมา ผอ.ดวงเดือน เป็นคนร่าเริง ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปและไม่เคยเอาปัญหาส่วนตัวมาเล่าให้คนในโรงเรียนฟัง

 

ด้านนางธิดารัตน์ อายุ 48 ลูกพี่ลูกน้องผอ.ดวงเดือนที่เข้ามาที่บ้านเปิดเผยว่า ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ทุกคนไม่ได้ตั้งหลักอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวตนเองรู้ปัญหาของผอ.ดวงเดือน มาโดยตลอดว่าทะเลาะกับอดีตสามีซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ จนต้องเลิกรากันไป 

 

เนื่องจากว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมักจะชอบทุบตีทำร้ายผอ.ดวงเดือนอยู่เป็นประจำจนทนไม่ไหวถึงต้องเลิกรากันไปได้มากกว่า 1 ปี หลังจากที่เลิกลากันแล้ว ผู้ก่อเหตุมักจะเข้ามาข่มขู่คุกคามคนในบ้านตลอดถึงขั้นบอก “จะฆ่ายกครัว “คนในครอบครัวเองต้องเฝ้าระมัดระวังกันอยู่เป็นประจำ แต่รอบนี้ผู้ก่อเหตุหายไปนานเกือบสี่เดือนไม่ได้มีท่าทีว่าจะเข้ามาในบ้านจุดเกิดเหตุทุกคนเลยไม่ได้สังเกตจนกระทั่งถึงช่วงที่เกิดเหตุพึ่งมารู้ว่าคนก่อเหตุมาถึงบ้าน

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เจอกับ นายประจวบ อายุ 49 ปี เป็นบุรุษไปรณีย์ และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผอ.ดวงเดือน บอกว่า ตนเองจะเข้ามาส่งจดหมายในหมู่บ้านวันเว้นวัน ซึ่งช่วงกลางวันที่มาส่งจดหมายที่บ้านผอ.ก็จะเจอแต่นางหยกมณี แม่ของผอ.อยู่ในบ้าน ส่วนผอ.กับทนาย จะกลับเข้ามาที่บ้านในช่วงเย็น 

 

ยืนยันหลังจากที่ ผอ.ดวงเดือน มีปัญหากับนายปฐพี คนก่อเหตุ ทาง ผอ.ดวงเดือน มีการสั่งให้แม่ก็คือนางหยกมณี ระวังตัว เนื่องจากช่วงก่อนจะเกิดเหตุ ในขณะที่ตนเองเข้ามาส่งจดหมาย ก็มักจะเห็นนางหยกมณี แอบอยู่ที่ข้างบ้าน ซึ่งตนเองต้องตะโกนเข้าไปให้นางหยกมณี ได้ยินเสียงและเมื่อเขาแน่ใจว่าเป็นเสียงตนเอง นางหยกมณี ก็จะเดินมาแอบดูก่อนว่าเป็นใครเขาถึงจะเดินออกมารับจดหมาย ซึ่งที่ผ่านมาตนเอง ไม่เคยถามกับนางหยกมณี ว่าทำไมต้องอยู่แบบหลบซ่อนตัวเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนในบ้านนี้ซึ่งเป็นญาติกับตนเองเคยถูกขู่ฆ่า

 

ซึ่งในส่วนของนายปฐพี คนก่อเหตุ ที่เป็นสามีเก่าของ ผอ.ดวงเดือน ตนเองไม่ค่อยได้คุยด้วย แต่รู่ว่าตอนที่เขามาสร้างบ้านอยู่กับผอ. ตัวนายปฐพี คนก่อเหตุ จะมาที่บ้านหลังนี้แค่วันเสาร์และวันอาทิตย์

 

โดยทีมข่าวได้เข้าพูดคุยกับนางลอย อายุ 77 ปี แม่ของผู้ต้องหา เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองได้เจอลูกชายครั้งสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ในช่วงเช้าเขาเข้ามากินข้าวกับตน หลังจากนั้นช่วงบ่ายเขาได้ออกไปข้างนอกโดยบอกตนว่าจะออกไปเที่ยว ตนก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะเขาก็โตแล้ว ซึ่งตนก็จำไม่ได้ว่าเขาขับรถออกไปเองหรือว่ามีใครมารับ

 

เรื่องที่เขาไปก่อเหตุมากับภรรยาเก่า ตนไม่รู้จริงๆว่าทำไม ตนก็ไม่รู้อีกด้วยว่าเขามีปัญหากับนางดวงเดือนอย่างไร แล้วเขาก็ไม่ได้หย่ากัน เพราะไม่ได้จดทะเบียนสมรส ซึ่งเขาก็เลิกกันไปเฉยๆ ได้ 2-3 ปีแล้ว 

 

ส่วนที่มีการฟ้องกันเพราะนางดวงเดือนจะไปมีสามีใหม่ เขาเลยจะให้ไปหย่าให้ แต่เรื่องแบ่งสมบัติไม่ลงตัวไม่น่าจะมี เพราะเขาก็ไม่มีสมบัติอะไรกัน แต่บ้านเขาก็ช่วยกันสร้างจริงๆ

 

ลูกชายไม่ได้เขียนข้อความหรือสั่งลาอะไรกับตนเลย ตนไม่ทราบอะไรเลยจริงๆ ตนก็ไม่มีอะไรอยากจะบอกเขาด้วย เพราะปกติก็ต่างคนต่างอยู่กัน จะมีแวะเวียนมากินข้าวกับตนบ้าง แต่กินเสร็จเขาก็ไป

 

ส่วนที่ลูกลาออกจากการเป็นผอ.โรงเรียน ตนไม่ทราบเลยว่าเพราะอะไร เพราะเขาไม่ได้มาบอกอะไรตนเลย เขาไม่เคยบอกอะไรเลยจริงๆ

 

ด้านของนางอรวี อายุ 57 ปี พี่สาวผู้ต้องหา เผยกับทีมข่าวว่า ที่ผ่านมาน้องชายไม่เคยเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟังเลยเขาก็จะไปทำงานของเขาไม่พูดอะไรกับใคร จริงๆน้องชายตนเป็นคนนิสัยดีมากจิตใจดีและไม่ใช่คนใจร้อน เป็นคนง่ายๆ

 

ตนเองรู้สึกเสียใจกับทางฝั่งของอดีตภรรยาน้องชายเป็นอย่างมากตนขอฝากทีมข่าวไปบอกกับเขาด้วย ตนก็เสียใจซึ่งทางฝั่งตนก็สูญเสียเช่นกันแต่ทางฝั่งของเขาก็สูญเสียและสูญเสียมากกว่าตน ตนก็เข้าใจแต่ตนก็อยากบอกว่าทางครอบครัวไม่ได้รับรู้อะไรเลย

 

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของน้องชายตนกับนางสาวดวงเดือนนั้นตนไม่ทราบเลยว่าเขาเลิกกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนื่องจากน้องชายไม่เคยมาบอกอะไรเลย ซึ่งตัวของทั้งคู่นั้นไม่ได้อาศัยอยู่อยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้เหมือนจะไปไปมามาแค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น แต่ตนไม่เคยเห็นหน้านางสาวดวงเดือนเลยด้วยซ้ำ

 

ตนก็ไม่คิดว่าน้องชายจะไปทำแบบนั้นเพราะตนมองว่าน้องชายตนเป็นคนดีเป็นคนนิ่งนิ่งไม่เคยทะเลาะกับใคร จริงๆเค้าเป็นคนค่อนข้างเงียบด้วยซ้ำ ต้นก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขาจึงทำให้เป็นเช่นนี้

 

ส่วนเมื่อคืนนี้ทางน้องชายไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาหาบุคคลในครอบครัวสักคนเลย มีเพียงตำรวจโทรมาหาทางกำนันของหมู่บ้าน ตอนตีสอง และกำนันมีการโทรมาหาทางตรงว่าน้องชายตนเสียชีวิตแล้ว ตำรวจจะส่งชันสูตรให้ทางครอบครัวไปยืนยันด้วย ทางคุณแม่และลูกชายของตนจึงได้เดินทางไป

 

ส่วนที่น้องชายตนใช้ไปก่อเหตุนั้นตนยืนยันว่าไม่ใช่รถของเค้าเองหรือของใครในครอบครัวเลย จากการสอบถามตำรวจเห็นตำรวจแจ้งว่าทางน้องชายตนได้ไปเช่ารถมา

 

ส่วนเรื่องที่มีการพูดกันว่าทางน้องชายตนได้ไปสร้างบ้านร่วมกับนางสาวดวงเดือนนั้นตนไม่ทราบจริงๆว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไรเพราะน้องชายไม่เคยบอกอะไรกับตนเลย ส่วนทะเบียนสมรสนั้นเขาได้มีการจดทะเบียนกันหรือไม่ตนก็ไม่ทราบแต่ตนถามแม่แม่บอกว่าเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน 

คดีสะเทือนขวัญ! ยิงยกครัวเมียเก่า 4 ศพ หัวใจแม่ช่วยลูกน้อยรอดก่อนถูกฆ่า