กรณี วันที่ 23 ก.ค. เวลา 09.00 น. ตำรวจ สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี รับแจ้งเหตุมีคนถูกทำร้าย 2 คน อาการสาหัส ที่หมู่ 4 ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว อาสาสมัครกู้ภัยสว่างสระบุรี นำผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่ภายในห้องด้วยอาการหายใจรวยรินมีบาดแผลฉกรรณ์ ที่ลำคอ อาการสาหัส จึงเร่งนำตัวส่งรักษาไปยังโรงพยาบาลพระพุทธบาท และที่หน้าห้องพบรอยเลือด หยดเป็นทางอยู่ที่พื้น ใกล้กันยังพบแผ่นกระดาษเขียนด้วยเลือดมีข้อความ 1169 และตรวจสอบภายในห้องยังพบมีดทำครัว 1 เล่ม อยู่ที่ใต้บันไดมีคราบเลือดติดอยู่ ภายในห้องกลิ่นคราวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ส่วนสภาพศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นายบุญสิน อายุ 14 ปี ผู้เป็นลูก มีบาดแผลเหวอะหวะ ที่ลำคอ นอนจมกองเลือดอยู่บนที่นอน และใกล้กัน พบ นายบุญฤทธิ์ อายุ40ปี ผู้เป็นพ่อ นั้น
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นายพิเชษฐ์ อาสากู้ภัยที่มีการนำนายบุญฤทธิ์คนเจ็บผู้เป็นพ่อส่งโรงพยาบาล และเป็นคนที่ได้สื่อสารกับนายบุญฤทธิ์ ระหว่างนำส่ง
นายพิเชษฐ์ เผยว่า ในระหว่างที่ตนเองพานายบุญฤทธิ์ผู้เป็นพ่อส่งโรงพยาบาลนั้น ซึ่งตอนที่ไปถึงห้องฉุกเฉิน ก่อนที่จะมีการใส่ท่อช่วยหายใจ ตัวของนายบุญฤทธิ์ได้มีการพูดออกมาว่า “ มีคนทำผมกับลูก” ซึ่งคำพูดดังกล่าวเป็นคำยืนยันเบื้องต้นว่าตัวของนายบุญฤทธิ์ไม่ได้มีส่วนกับการฆ่าลูกและพยายามฆ่าตัวเอง แต่เชื่อว่าอาจจะมีบุคคลบุคคลอื่นหรือไม่ จึงทำให้น้ำหนักทางคดีอาจจะชี้ไปที่บุคคล 3 แต่ยังไม่ชี้ชัดว่าเป็นใคร เพราะตำรวจกำลังสืบสวนอยู่
ส่วนในบ้านที่เกิดเหตุนั้น พบว่าตัวของลูกชายถูกอาวุธมีดปาดคอจนกระทั่งถึงหลอดลมขาด และเสียชีวิตอยู่ในที่นอนสภาพ ยังไม่ทันได้ตื่นนอนแต่ถูกฆ่าตายก่อน ส่วนนายบุญฤทธิ์ผู้เป็นพ่อนอนอยู่ใกล้กับร่างของลูก ซึ่งถูกปาดคอแต่ยังไม่ถึงหลอดลม แต่ก็มีอาการสาหัส และภายในบ้านไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ มีเพียงเลือดที่ตัวของนายบุญฤทธิ์ทุรนทุรายดิ้นอยู่บนพื้น
ขณะที่เรื่องของอาวุธมีดไม่ได้เจอในห้องที่เกิด แต่ไปเจออยู่แถวใต้ถุนบ้าน เป็นมีดทำครัวเปื้อนเลือดตกอยู่ ซึ่งหากตั้งข้อสังเกตว่าตัวของนายบุญฤทธิ์มีการฆ่าลูกแล้วปาดคอตัวเองตายตาม อย่างน้อย อาวุธมีดก็ต้องตกอยู่อยู่ข้างกายหรือไม่ และ หากตั้งใจที่จะฆ่าตัวเองตายตามทำไมถึงต้องเขียนข้อความเพื่อให้ คนในบ้านเรียกรถกู้ชีพ ฉะนั้นจึงยังมีหลายประเด็นที่เป็นข้อสงสัยในเรื่องนี้
สอบถามนายเลิศชัย อายุ 66 ปี เป็นปู่ของผู้เสียชีวิต ที่ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้บอกว่าใครเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ถอยหมดและสาหตุที่เกิดขึ้นตนเองก็ไม่รู้ เพราะว่าผู้เป็นพ่อรักลูกมาก ส่วนความรู้สึกที่เป็นปู่ย่าก็คงเป็นความรู้สึกเดียวกันและในเรื่องที่จะไปทะเลาะกับคนอื่นนั้นตนเองก็ไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ด้วยเลยทำให้ไม่รู้สาเหตุ
ด้าน นางศรีไพร อายุ67ปี เพื่อนบ้าน ในฐานะคนรู้จักบ้านที่เกิดเหตุ เผยว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่ไม่ค่อยยุ่งและสุงสิงกับใคร ส่วนน้อยที่จะเอาปัญหามาเล่าให้กับคนนอกฟัง แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องหนี้สินหรือปัญหาในครอบครัว เพราะเนื่องจากมีคนในบ้านบางส่วนทำงานอยู่เมืองนอก และยังมีการซื้อที่หรือส่งเงินมาให้ใช้ตลอด แต่อาจมีปมปัญหาเรื่องที่ปู่ของผู้เสียชีวิตอาจจะไม่ลงรอยกับพ่อของเด็ก เพราะช่วงหลังเหมือนมีปัญหากัน แต่ตัวเองไม่ทราบว่าเป็นปมปัญหาเรื่องอะไร
และจากกรณีที่มีรายงานข่าวว่านายบุญฤทธิ์ผู้เป็นพ่อ มีการก่อเหตุฆ่าปาดคอลูกในขณะที่นอนหลับ แล้วมีการพยายามฆ่าปาดคอตัวเองตายตามนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าตัวของนายบุญฤทธิ์ไม่มีพฤติกรรมที่จะทำร้ายเด็ก เพราะเจ้าตัวรักลูกคนนี้มาก คอยประคบประหงมและคอยดูแลดูแลอย่างดี ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นายบุญฤทธิ์จะก่อเหตุฆ่าลูกแล้วฆ่าตัวเองตายตาม
ขึ่งในบ้านหลังดังกล่าว ก็อยู่อาศัยกันแค่ 4 คน ดังนั้นคนที่เหลืออยู่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นในบ้าน แต่ตนเองขอไม่ฟันธงว่าเป็นฝีมือของใคร เพราะเชื่อว่าเดี๋ยวสุดท้ายแล้วตำรวจก็ต้องทราบจากการตรวจที่เกิดเหตุและรวมถึงพยานหลักฐาน และที่สำคัญยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนนอกบุคคลที่ 5,6 เข้าไปก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะอาศัยกันอยู่แค่นั้น แต่ยืนยันย้ำว่าไม่ใช่พฤติกรรมของนายบุญฤทธิ์ที่จะก่อเหตุฆ่าลูกแล้วฆ่าตัวเองตายตามอย่างแน่นอน
ทีมข่าว ได้พูดคุยกับ นายสินใจ (นามสมมติ) พยาน เผยว่า เหตุการณ์เมื่อเช้า ตนเองได้ยินเสียงของนายบุญฤทธิ์ ผู้เป็นพ่อ มีลักษณะร้องโอดครวญเพราะเจ็บปวด และได้ยินเสียงโอ้ย ช่วงเวลาประมาณ 08:30 น. จากนั้นจึงจะเริ่มเห็นความเคลื่อนไหวคนในบ้าน โดยเฉพาะนายเลิศชัย ปู่ของน้องที่เสียชีวิต มีการขับรถออกจากบ้านหลังเวลาดังกล่าว และก่อนที่จะออกไปได้มีการโทรเรียกรถกู้ภัย 1669 ก่อนที่จะขับออกข้างนอกอีกรอบ ส่วนย่าของเด็ก ไปเก็บผักอยู่ที่หลังบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวบ้านที่เกิดเหตุ จึงไม่เห็นเหตุการณ์ เข้ามาที่บ้านหลังจากที่ทั้งคู่ถูกทำร้ายแล้ว
โดยพฤติกรรมของนายเลิศชัย ปู่ของผู้เสียชีวิต เจ้าตัวมีการขับรถเข้าออกหลายรอบ ซึ่งมีการขับออกรอบเช้าเวลาประมาณ 06:00 น. เศษ แล้วกลับเข้ามาก่อน 08.30น. จากนั้นจึงจะได้ยินเสียงของนายบุญฤทธิ์ร้อง “โอ๊ย” และจากนั้นมีการขับออกอีกรอบ ก่อนที่จะขับกลับเข้ามาตามหลังรถกู้ภัยเข้ามา ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาหลังเวลา 09:30 น.
ส่วนตัวยืนยันว่าตัวของนายบุญฤทธิ์ผู้เป็นพ่อ ไม่มีพฤติกรรมหรือมูลเหตุที่จะฆ่าปาคอลูก แล้วฆ่าตัวเองตายตาม เพราะเนื่องจากตัวของนายบุญฤทธิ์เป็นคนรักลูกมาก คอยไปรับไปส่งโรงเรียนเป็นประจำ แต่คนที่ยังเป็นผู้ต้องสงสัยก็น่าจะเป็นคนในบ้าน ซึ่งยังไม่ขอปรักปรำว่าเป็นใคร เพราะเชื่อว่าตำรวจคงทราบรายละเอียดแล้ว และที่สำคัญยืนยันว่า บ้านหลังดังกล่าวมีกันอยู่ 4 คน เจ็บ1 ตาย1 เก็บผัก1 แต่อีก 1 ขับเข้าขับออก
และเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวเดินทางย้อนกลับไปยังที่สภ. บ้านหมอ จังหวัดสระบุรี อีกครั้ง ซึ่งพบว่าตำรวจยังคงคุมตัว ย่าของเด็ก 14 ผู้เสียชีวิต ในฐานะแม่ของนายบุญฤทธิ์คนเจ็บ โดยยังคงมีการสอบปากคำอยู่ภายในห้องสืบสวน ซึ่งมีบางช่วงสังเกตท่าทีของย่ามีสีหน้าค่อนข้างเครียด , และมีบางช่วงทีมข่าวสังเกตว่า ย่ามีลักษณะน้ำตาคลอเบ้า นั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะภายในห้องสืบสวน
ส่วนตัวของปู่ หลังจากที่ถูกเรียกสอบในฐานะผู้ต้องสงสัยตั้งแต่ช่วงเช้าเจอศพ ก็ยังคงถูกแยกสอบอีกห้อง แต่ทีมข่าวไม่สามารถเจอตัวได้เพราะเนื่องจาก อยู่ในห้องสอบด้านในสุด
เบื้องต้นมีรายงานข้อมูลและแนวทางทางคดี คือ อาจมีความเป็นไปได้ว่าพ่ออาจมีการก่อเหตุฆ่าลูกและพยายามฆ่าตัวตาย เพราะเนื่องจากมีข้อมูลจากคนในบ้านให้การตรงกัน ทำนองว่าตัวของพ่ออาจมีภาวะเครียด ประกอบกับอาจมีพฤติกรรมบางอย่าง ก่อนที่จะเกิดเหตุสลด แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน , ขณะที่ ประเด็น ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าปู่อาจมีส่วนร่วมหรือเป็นคนก่อเหตุหรือไม่นั้น เบื้องต้นก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้ง เพราะเนื่องจากอยู่ระหว่างการไล่ไทม์ไลน์และตรวจสอบ ไทม์ไลน์ของปู่จากกล้องวงจรปิด ว่ามีการเข้าออกตามที่พยานพบเห็นจริงหรือไม่ , แต่ทั้งนี้ก็อยู่ที่ ผลการตรวจที่เกิดเหตุและรวมถึงผลนิติวิทยาศาสตร์ จะเป็นตัวชี้วัดเกี่ยวกับเหตุการณ์และรวมถึงรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุ