จากกรณีที่ สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนเสียชีวิต ที่ศาลาพระพุทธรูป ภายในโรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1 บ้านเชียงพิณ หมู่ 1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี ที่เกิดเหตุพบครูและนักเรียนยืนมุงดูศพนายพีระพงษ์ มณีวงศ์ หรือน้ำพุ อายุ 39 ปี นอนหงายอยู่ที่พื้นหน้าพระพุทธรูป

นายคงฤทธิ์ฯ พี่เขย เล่าว่า น้องเมียกับตนทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ประมาณ 4 – 5 ทุ่ม น้องเมียเมาแล้วงอแง ตนก็เตะเข้าชายโครงไป 1 ครั้ง จากนั้นก็แยกย้ายกัน ตนก็เข้าไปนอนในบ้าน น้องเมียก็เดินออกมาจากบ้าน ก็ไม่รู้ว่าเดินเข้าในโรงเรียนทางไหน ที่ผ่านมาก็เคยทะเลากันมาแล้ว 1 ครั้ง เรื่องที่น้องเมียมาขอเบิกเงินค่าแรงกับตน ตนก็บอกว่าให้รอก่อน เพราะเงินค่าแรงจากนายจ้างยังไม่ออก น้องเมียก็ไม่ฟัง จนมีเรื่องกัน ก็ไม่รู้ว่าน้องเมียจะออกมาเจอใครอีกหรือไม่ ยืนยันว่าตนไม่ได้ออกมาจากบ้านอีกเลยหลังจากแยกย้ายกัน

กล้องวงจรปิดจับภาพลักษณะคนทะเลาะกันที่บ้านที่เกิดเหตุก่อนเห็นผู้ตายเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน

ต่อมาทีมข่าวได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกบ้านที่เกิดเหตุในช่วงเวลา 00.11 น.ของวันนี้ พบว่า ที่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุจะมีลักษณะของคนกำลังทะเลาะกันและเดินไปมาในบ้าน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นใครเนื่องจากกล้องไม่มีชัด อีกทั้งก็ไม่สามารถเห็นช่วงจังหวะที่ผู้ตายถูกเตะหรือตีได้

แต่หลังจากนั้นไม่นานจะเห็นนายธีรพงษ์ผู้ตายเดินเล่นโทรศัพท์ออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุและเดินผ่านกล้องวงจรปิดมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน โดยจากการสังเกตยังพบว่านายพีรพงษ์ผู้ตายยังคงเดินในท่าทางปกติ ไม่ได้มีท่าทางเจ็บปวด หรือได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด 

ขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุม ในช่วงเวลาเดียวกันจะเห็นว่าที่บ้านที่เกิดเหตุก็จะมีลักษณะเงาของคนที่เดินไปเดินมาอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน

ก่อนที่สักพักจะเห็นนายพีรพงษ์ผู้ตายเดินเล่นโทรศัพท์ออกมาจากบ้านที่เกิดเหตุผ่านกล้องวงจรปิดตัวนี้ไป

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายคงฤทธิ์ ผู้ต้องหา ที่สภ. ห้วยหลวงจังหวัดอุดรธานี เปิดใจกับเราว่า ตนอยู่กินกับภรรยามา 4 ปี โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่อยู่กินกับภรรยาก็ช่วยกันรับเหมาสร้างบ้านและให้นายพีรพงษ์น้องเมียมาเป็นลูกมือ โดยจะให้ค่าแรงครั้งละ 500 บาท 

วันเกิดเหตุตนเองก็ไปทำประตูรั้วบ้านให้กับลูกค้าโดยได้พานายพีระพงษ์น้องเมียไปเป็นลูกมือช่วย หลังเลิกงานก็ได้ตั้งวงดื่มดื่มเหล้าขาวไป 2 ขวดใหญ่ ซึ่งในตอนนั้นนายพีระพงษ์น้องเมียก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องค่าแรงแต่อย่างใด 

จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ตนกำลังเตรียมจะเข้านอน ก็ได้ยินเสียงนายพีระพงษ์เข้ามาทวงค่าแรงกับภรรยาของตนเองจำนวน 500 บาท ซึ่งตอนนั้นตนเองเห็นเหตุการณ์พอดี จึงได้เข้ามาบอกว่า ตนยังไม่ได้เบิกค่าแรงกับลูกค้าจึงไม่มีเงินให้ จึงทำให้นายพีระพงษ์ไม่พอใจและหยิบมีดออกมาปัดแกว่งขู่ภรรยาและตน 

พอจังหวะนายพีระพงษ์เผลอตนได้พลักนายพีระพงษ์ล้มจากนั้นก็วิ่งเข้าไปเตะชายโครงซ้าย 1 ครั้ง โดยอ้างว่าตนและภรรยาไม่ได้ใช้ท่อนเหล็กรุมฟาดนายพีรพงษ์แต่อย่างใด 

หลังจากนั้นนายพีระพงศ์ก็เดินออกจากบ้านไป โดยไม่รู้ว่าไปไหนจนกระทั่งช่วงเช้าแม่บ้านที่โรงเรียนโทรศัพท์มาบอกภรรยาให้มาดูน้องชายคาดว่าจะเสียชีวิต ซึ่งในตอนนั้นตนเองก็ยังตกใจและสับสนเพราะไม่คิดว่าตนเองเพียงแค่เตะนายพีระพงษ์เพียงแค่ครั้งเดียวจะทำให้เสียชีวิต แต่ตนก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าพีระพงษ์จะเสียชีวิตจากสาเหตุนี้ เนื่องจากตัวนายพีระพงษ์เองก็มีโรคประจำตัว เป็นโรคหัวใจด้วย 

นายคงฤทธิ์ ยังอ้างอีกว่าปกติน้องเมียจะมีนิสัยเอาแต่ใจและมักจะขอเงินวันละ 100 ถึง 200 บาทเพื่อนำไปซื้อยาบ้ามาเสพ โดยตนเองและภรรยาก็จะเป็นคนเอาเงินให้ทุกครั้ง เพราะไม่อยากให้นายพีระพงศ์ไปข่มขู่เอาเงินกับแม่ แต่บางครั้งตนก็ยอมรับว่าตนต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายภายในบ้าน จึงอาจจะทำให้นายพีระพงษ์เข้าใจผิดคิดว่าตนเองโกงค่าแรงก็เป็นได้

ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง8ได้พูดคุยกับป้ากล้วย อายุ 53 ปี พยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งละแวกบ้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อคืนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนขณะที่ตนลุกมาเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดังโวยวายแต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร โดยเหตุการณ์ที่ตนเห็นคาดว่าน่าจะทะเลาะกันมาได้สักพักแล้ว 

หลังจากนั้นตนก็เห็น นายพีระพงศ์ผู้ตายเดินปรี่เข้าไปจะทำร้ายพี่สาวและพี่เขย จึงทำให้ทั้งสองคนเข้าไปใช้เหล็กฟาดรุมทำร้ายนายพีรพงษ์ “คล้ายกัยฟาดหมา” ซึ่งในตอนนั้นตนก็ได้ยินเสียงนายพีรพงษ์ร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่สักพักเหตุการณ์จะสงบ 

จากนั้นตนก็เข้านอน ซึ่งในตอนนั้นตนก็คิดว่านายพีรพงษ์ไม่เป็นอะไร จนกระทั่งเช้ามามาทราบข่าวร้ายว่านายพีระพงศ์ไปเสียชีวิตอยู่ที่หน้าพระพุทธรูปโรงเรียน ยอมรับว่าตนเองก็ตกใจ เพราะไม่คิดว่านายพีรพงษ์จะเสียชีวิต 

ส่วนปมเหตุที่ทั้งคู่ทะเลาะกันยอมรับว่าตนเองไม่รู้เพราะจับใจความที่ทะเลาะกันไม่ได้ จึงไม่รู้สาเหตุว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร อีกทั้งตนก็ไม่ค่อยได้สุงสิงบ้านหลังที่เกิดเหตุ เนื่องจากเขาทั้งคู่ มาเช่าบ้านอยู่