จากกรณีเมื่อเวลา 21.40 น. วันที่ 22 ก.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้รับแจ้ง มีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต จำนวนหลายราย ที่หมู่ 8 ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว พบศพ น.ส.ดวงเดือน พันธ์ อายุ 41 ปี ผอ.โรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว นายปรมัตถ์ อายุ 39 ปี ทนายความ สามีของ น.ส.ดวงเดือน นางหยกมณี อายุ 66 ปี แม่ของ น.ส.ดวงเดือน และนายบุญเลื่อน อายุ 61 ปี น้องเขยของนางหยกมณี ทั้งหมดถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่าเป็นปืนลูกซองยาว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนคนร้ายคือนายปฐพี อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นอดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.บุรีรัมย์ ลาออกจากราชการ และเป็นอดีตสามีของ ผอ.ดวงเดือน จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุคาดว่าเกิดจาก การฟ้องร้องแบ่งทรัพย์สิน คดีหมิ่นประมาท ร้องวินัยข้าราชการ ซึ่งมีนัดสืบพยาน ในวันที่ 22-23 สิงหาคม 2567 นี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องสลดดังกล่าวนี้ก่อน
ล่าสุดวันนี้ (24 ก.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามกรณีดังกล่าวที่ จังหวัดศรีษะเกษ โดยบรรยากาศหน้าห้องนิติเวชโรงพยาบาลศรีสะเกษ เป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีทางญาติๆพี่น้องและน้องฟงฟง รวมถึงคณะครูโรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว ไปร่วมรอรับศพ โดยตามข้อมูลเช้าวันนี้จะมีการรับศพ น.ส.ดวงเดือน ผอ.โรงเรียนบ้านโนนอีปังโพนวัว นางหยกมณี แม่ของ น.ส.ดวงเดือน และนายบุญเลื่อน อภัยพงษ์ น้าเขยของ น.ส.ดวงเดือน ส่วนศพของนายปรมัตถ์ สามัญ ทางแพทย์จะมีการผ่าชันสูตรศพในช่วงเช้าและให้ทางญาติของทนายไปติดต่อรับศพในช่วงเที่ยงของวันนี้
จากนั้นเวลา 08.40 น. ทางกู้ภัยได้มีการเคลื่อนขบวนรถเข้ามาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งเวลา 08.42 น. ทางกู้ภัยได้เข็นศพแรกออกมาก็คือศพของนายบุญเลื่อน ซึ่งศพของนายบุญเลื่อน มีทางลูกสาวเป็นคนถือรูปนำศพพ่อไปขึ้นรถกู้ภัยที่จอดรออยู่
ส่วนศพที่ 2 ที่ทางกู้ภัยเข็นศพออกมาคือศพของนางหยกมณี โดยคนที่ถือรูปนำหน้าศพออกมา เป็นลูกชายคนโตของนางหยกมณี และเป็นพี่ชายของ ผอ.ดวงเดือน ก็คือ พ.ต.ท.โด่งดัง โกกะพันธ์ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
จากนั้นศพที่ตามออกมาเป็นศพที่3 คือศพของ ผอ.ดวงเดือน โดยคนที่ถือรูปนำหน้าศพออกมา ก็คือน้องฟงฟงและคุณครูดวงดาว ซึ่งเป็นน้องสาวของ ผอ.ดวงเดือน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า เนื่องจากครูดวงดาว มีการประคองหลานเดินนำหน้าศพออกมาจนถึงรถ และเมื่อศพถึงรถ คุณครูดวงเดือนก็เอาแต่ร้องไห้โดยมีการขึ้นรถไปนั่งข้างๆศพที่สาวในช่วงที่นำศพออกไปจากโรงพยาบาล
จากนั้นขบวนรถกู้ภัย จำนวน 4 คัน ซึ่งคันแรกเป็นพระสงฆ์ ที่ไปเรียกวิญญาณนั่งมาที่รถคันหน้าสุด ซึ่งรถกู้ภัยอีก 3 คันมีการขับติดๆกันไปตลอดเส้นทางที่ต้องนำศพของทั้ง 3 กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านหอย
ขณะเดียวกันเมื่อขบวนรถกู้ภัยทั้ง 4 คันขับไปถึงหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ทางญาติๆได้มีการให้กู้ภัยแวะจอดรถที่หน้าบ้าน โดยเมื่อจอดรถแล้ว พ.ต.ท.โด่งดัง พี่ชายของ ผอ.ดวงเดือน และลูกพี่ลูกน้องได้มีการถือรูปแม่หยกมณี ลงจากรถโดยมีการไหว้และบอกกล่าวสั้นๆให้วิญญาณทั้ง 3 ศพตามรถกู้ภัยไปที่วัด
ด้านครูดวงดาว ซึ่งเป็นน้องสาวของ ผอ.ดวงเดือน บอกว่า ที่ผ่านมาพี่สาวจะมาปรึกษาปัญหาที่มีกับนายปฐพี มาโดยตลอด ซึ่งหลังจากที่เขาเลิกรา ยืนยันว่านายปฐพี ตามรังควานโดยส่งข้อความมาด่าพี่สาวเสียๆหายๆด้วยคำที่หยาบคาย และที่ผ่านมาเขาก็ขู่จะฆ่าพี่สาวมาโดยตลอด ซึ่งเขาเคยพูดกับพี่สาวว่าถ้าเลิกกับเขาพี่สาวก็จะต้องตาย ยืนยันก่อนจะเกิดเหตุบอกกับพี่สาว ตลอดว่าถ้าอยู่ไม่ได้ให้ย้ายไปอยู่กับตนเอง แต่พี่สาวก็ไปไหนไม่ได้เพราะเขามีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ
ยืนยันทางทนายแฟนใหม่ของพี่สาว ไม่ได้เข้ามาดำเนินการฟ้องร้องเรื่องที่พี่สาวหย่ากับนายปฐพี แต่ทนายซึ่งเป็นพี่เขย เข้ามาดูแลเรื่องคดีหมิ่นประมาทที่นายปฐพี เอาพี่สาวไปประจาน ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้ ตนเองกับทางญาติๆไม่ได้ตั้งใจจะดำเนินคดีกับเขา และเตือนมาตลอดให้เลิกประจานพี่สาว แต่เขาก็ไม่หยุดทางพี่สาวจึงดำเนินคดีตามกฎหมาย และเหตุผลที่พี่สาว ต้องตัดสินใจเลิกกับนายปฐพี ยืนยันว่านายปฐพี ทำร้ายร่างกายพี่สาว ซึ่งตอนที่เขาคบกัน วันไหนถ้าพี่สาวถูกทำร้ายที่ใบหน้า พี่สาวต้องทารองพื้นไปทำงานทุกวัน
อย่างไรก็ตาม ตนเองก็อยากจะแก้ข่าวให้กับพี่สาว ซึ่งข่าวที่ออกไปว่าพี่สาวมีผัวมาแล้ว 4 คน ยืนยันว่าพี่สาว ไม่เคยเลิกรากับคนที่ผ่านมาเพราะเรื่องเจ้าชู้ และคนที่เลิกรากันก่อนหน้านี้ก็ทำร้ายพี่สาวมาโดยตลอด พี่สาวไม่ใช่คนที่ทิ้งผู้ชายแล้วมีคนใหม่ไปเรื่อย ขณะที่คบหากับคนที่ 1 - 3 พี่สาวไม่เคยนอกใจไปคบหากับใคร ซึ่งขณะที่คบหากับนายปฐพี ยืนยันพี่สาวไม่เคยนอกใจไปมีคนอื่น มาแต่นายปฐพี ที่ระแวงไปเองว่าพี่สาวมีคนอื่น ยืนยันพี่สาวเป็นคนดี ทำบุญมาตลอดทั้งชีวิต ส่วนเรื่องที่นายปฐพี ตายไปแล้วอโหสิกรรมให้หรือไม่ ตนเองไม่ขอพูดเพราะยังทำใจไม่ได้ ส่วนเรื่องน้องฟงฟง หลังจากเสร็จงานศพตนเองจะรับไปดูแลเอง
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางอรอุมา (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ของ ผอ.ดวงเดือน และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดศรีสะเกษ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวเป็นเพื่อนกับ ผอ.ดวงเดือน มาตั้งแต่ทาง ผอ.ดวงเดือน เป็นครูฝึกสอน
โดยตนเองยืนยันว่า ผอ.ดวงเดือน เป็นคนดีและมีความเอื้ออาทรกับทุกคน ซึ่งด้วยความที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการและเป็นผู้หญิงด้วยกัน ไปไหนมาไหนตนเองก็จะชวน ผอ.ดวงเดือน ไปด้วยตลอด แต่ตอนที่ ผอ.ดวงเดือน ไปเจอกับ ผอ.ปฐพี เป็นครั้งแรกตนเองไม่ได้อยู่ด้วย เพราะเมื่อ 4 - 5 ปีที่แล้ว เท่าที่รู้ ผอ.ดวงเดือน ไปเจอกับ ผอ.ปฐพี คนก่อเหตุ ในขณะที่ไปสัมนาที่จังหวัดกรุงเทพ โดยหลังจากทั้งคู่ไปเจอกัน ทาง ผอ.ดวงเดือน ก็กลับมาเล่าให้ตนเองฟังว่ามีการคบหากัน ซึ่งตอนที่ตนเองได้ยิน ยังเคยเตือนกับ ผอ.ดวงเดือน ไปว่า จะคบใครก็ขอให้ดูให้ดีนะ คิดใหม่ดีกว่าไหม เนื่องจาก ผอ.ปฐพี อยู่ในพื้นที่ที่ห่างกัน อยู่แบบเป็นโสดก็ดีอยู่แล้ว แต่ ผอ.ดวงเดือน ก็บอกว่า ไม่ต้องห่วงนะพี่หนูดูแลตัวเองได้ แต่ปรากฎว่าเมื่อทั้งคู่คบกันไปได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ผอ.ดวงเดือน ก็เข้ามาปรึกษาตนเองโดยบอกว่า ผอ.ปฐพี เป็นคนรุ่นแรง ทะเลาะกันก็มักจะถูกตี ถูกบีบคอ และยังบอกว่าหนูไม่ไหวแล้วเขาขู่จะฆ่าหนู ถ้าหนูไม่เลิกสักวันหนึ่งหนูต้องตายคามือมัน กระทั่งต่อมาทั้งคู่ก็ได้เลิกรากัน และมีการฟ้องร้องกัน
โดยหลังจากที่ตนเองย้ายไปประจำอยู่โรงเรียนนอกพื้นที่ ก่อนที่ ผอ.ดวงเดือน จะไปมีแฟนเป็นทนาย ทาง ผอ.ดวงเดือน โทรศัพท์มาปรึกษากับตนเองตลอดถึงเรื่องที่มีปัญหากับ ผอ.ปฐพี คนก่อเหตุ ซึ่งตนเองยืนยันว่า ผอ.ดวงเดือน ฟ้องหย่ากับ ผอ.ปฐพี คนก่อเหตุก่อนที่จะไปเจอกับทนาย และช่วงที่ ผอ.ดวงเดือน ตัดสินใจคบหากับทนาย ตนเองยังเคยแซวอยู่เลยว่า ไปว่าความกันยังไงถึงได้คบหากัน ซึ่ง ผอ.ดวงเดือน ก็บอกว่าตามนั้นแหละ จากนั้นทั้งคู่ก็แต่งงานกัน ซึ่งวันแต่งตนเองก็ไปร่วมพิธีด้วย โดยงานแต่ง ผอ.ดวงเดือน กับทนาย จัดงานแบบเรียบง่ายและเชิญแต่แขกที่สนิทไปร่วมงานเท่านั้น ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนเองไม่คิดว่าคนอย่าง ผอ.ปฐพี จะกล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยม และคิดว่าเขาคงทำไปเพราะความแค้นมากกว่าความรัก
ขณะเดียวกันวันนี้ ทีมข่าวไปเจอกับนางนกและนางแอน (นามสมมติ) เป็นเพื่อนสนิทของผอ.ดวงเดือน และเป็นคนที่รู้เรื่องราวของ ผอ.ดวงเดือน ทุกเรื่อง
โดยทั้งคู่วันนี้ได้ระบายความในใจให้ทีมข่าวฟังหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องแรกทั้งคู่ยืนยันว่า ผอ.ดวงเดือน ไม่ได้คบช้อน โดยเขาคบกับทนายความหลังจากเลิกกันแล้ว แต่ นายปฐพีระรานรังควาญมาตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 65 - ปี 66 ซึ่งพฤติกรรม ที่ ผอ.ดวงเดือน ต้องเจอคือ
1.ข่มขู่ว่าจะฆ่าล้างโคตรมาตลอด เอาปืนมาวางต่อหน้าลูกชายของ ผอ.ดวงเดือน
2. มาขนเอาของมาถอดแอร์ ปั๊มน้ำ (ผอ.เหมียวยอมเพราะอยากเลิกให้ขาดอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด)
3. ส่งใบปลิวร่อนว่านี้บ้านกูสร้างทั้งหมู่บ้านให้ผอ. เกิดความอับอาย
4. ทำเอกสารประมาณว่า ใส่ชื่อผอ.ดวงเดือน เบอร์โทร ชื่อเฟส ไลน์ คำเขียนประมาณว่า โสด อยากหาคู่ที่จริงใจ ติดต่อที่นี้ พร้อมรูปภาพ ลงในล็อกเกอร์เขตพื้นที่การศึกษา สพป.และสพม. ทั้ง 5 เขต ของศรีสะเกษ จนผอ.และเพื่อนๆต้องตามเก็บบางส่วนก็ทันบางส่วนก็ไม่ทัน ทั้งที่เลิกกันแล้วแต่ระรานทุกๆอย่าง
5. ฟ้อง ผอ.ดวงเดือน ก่อนว่ายักยอกทรัพย์ทั้งที่ไม่เคยให้เงินใช้ บอกว่ามาทำให้หลงรักทั้งที่คบหากันตั้ง 8ปี (57-64) มีแค่บ้านที่สร้างขึ้นร่วมกันเพราะความรักต่อกัน โดยที่ดินที่สร้างบ้านหลังที่เกิดเหตุ เป็นชื่อนางหยกมณี แม่ของผอ. และนายปฐพี ก็ไม่ได้ออกแค่คนเดียว มีเงินส่วนของแม่และเงินของผอ.ดวงเดือน จ่ายด้วย ซึ่งที่ผ่านมา นายปฐพี มันจะบอกว่าถูกหลอกลวงไม่ได้เพราะเงินสร้างบ้านร่วมสร้างกันตอนที่ทั้งคู่รักกัน
6. ตบตี บีบคอ จนจะตายหลายครั้งเพราะความหึงที่เกินมนุษย์ทำเหมือนเขามีอาการทางจิต ส่งคนสะกดรอยตาม และบังคับไม่ให้ผอ.ดวงเดือน คบเพื่อน ไม่ให้เข้าชุมชนสังคม ไม่เคารพนับถือครอบครัวผอ. ตบผอ.ต่อหน้าเพื่อนๆและเด็กนักเรียน
7. ผอ.ดวงเดือน ต้องพาลูกและแม่หนีออกจากบ้านบ่อยครั้งเพื่อหลีกหนีนายปฐพี เพราะมีแต่ขู่จะฆ่ามาตลอด
8. ผอ.ดวงเดือน พยายามพูดคุยเพื่อขอจ่ายค่าบ้านคืนให้นายปฐพี แต่ไม่มีเงินก้อนทั้งหมด ขอผ่อนเป็นปีที่กู้ได้อาจไม่มากแต่จะผ่อนให้ทั้งหมด ของในบ้านอยากได้อะไรก็เอาไปให้หมด แต่ให้อิสระคืนเธอเพราะเธอกลับไปคบอีกไม่ได้ ไม่ใช่ไม่ไกล่เกลี่ย แต่ที่ผ่านมานายปฐพีไม่ยอมจะเอาเงินก้อนทั้งหมด ประมาณว่าเหมือนยื้อว่าไม่ต้องการเงินและบอกว่าอยากให้ชีวิตผอ.ไม่มีความสุขตลอดไปและจะระรานไปตลอดชีวิต ให้ชีวิตล่มจมและไม่ให้มีคนใหม่ จะจองล้างจองผลาญและทำให้มึงอับอาย
9. ในระหว่างการเลิกกัน นายปฐพี มีพฤติกรรมมาตลอดแบบขับรถมาส่องแล้วขับหนีไปเหมือนดูลาดเลา ทำให้ครอบครัวหวาดระแวงมาตลอด และผอ. ไปที่ไหน นายปฐพี ก็รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างที่ผอ.ไปเหมือนสะกดรอยตลอดระยะเวลาที่เลิกกัน
10. สาเหตุที่อยากแต่งงานใหม่คือผอ. แค่ต้องการผู้ชายมาดูแลครอบครัวเพราะยังไงก็เลิกกับนายปฐพี นานแล้ว และอยากให้นายปฐพี ออกไปจากชีวิตชะที
คำพูดเหล่านี้คือคำบอกเล่าจากปากของผอ. เองและคนรอบข้างไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อนสนิท ลูกน้อง คนที่รักผอ.ได้เจอและได้พบเห็นจริงๆ
ส่วนเรื่องที่ผอ. ดวงเดือน ฟ้องกลับเนื่องจาก นายปฐพีฟ้องก่อน ซึ่งไม่ได้เป็นสาเหตุให้นายปฐพี ลาออก โดยนายปฐพี ลาออกเองไม่ได้เกี่ยวว่าผอ.ฟ้องจนลาออก
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นที่ออกมาเปิดเผยกับช่อง 8 เพราะคนตายไม่มีสิทธิ์พูด และข่าวทุกช่องก็อวยแต่ฆาตกรเป็นคนดี จึงอยากชี้แจงความจริงบ้าง ว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้เพื่อครอบครัวไม่เคยได้เงินจากนายปฐพีเลย นางหาเอง กู้เงินมาดูแลลูกและแม่เองมีแต่ค่าสร้างบ้านที่ปฐพีจ่ายแต่ไม่ได้มากมาย แล้วค่าเสียโอกาสเสียเวลาคบหากัน 8 ปีละ ถ้าบอกว่าผอ.หลอกลวงแล้วคุณจะคบนานขนาดนี้หรือไม่ แล้วจะมาสร้างบ้านในที่ดินเขาทำไม ต้องคิดสิว่าถ้าเลิกกันจะทำเช่นไร คำว่าฆาตกร ก็คือฆาตกร ใครผิดใครถูกคุณไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าเขา โปรดเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย ยืนยันผอ.ดวงเดือน ไม่ได้ไปเอาเงินนายปฐพี ไม่ได้หลอก นายปฐพี เป็นผอ. จะโง่ให้คนหลอกหรอ
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็รู้มาจากปาก ผอ.ดวงเดือน ว่านายปฐพี มีการวางแผนล่วงหน้าโดยการขายที่ดินและทรัพย์สินของเขาทั้งหมดก่อนจะมาก่อเหตุ และเหตุผลจริงๆที่เขาลาออกมา เป็นเพราะเขาต้องการหาเวลาว่างมาวางแผนเพื่อก่อเหตุ ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุไม่กี่วันทาง ผอ.ดวงเดือน เคยโทรมาเล่าให้ฟังว่ามีรถแปลกๆขับมาวนเวียนที่หน้าบ้าน และคืนวันเข้าพรรษาก่อนจะเกิดเหตุ ผอ.ดวงเดือน บอกว่ามีคนเข้ามาเคาะกระจกที่บ้าน แต่ไม่มีใครออกไปดูเพราะนอนกันหมดแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทและรู้ทุกเรื่องของผอ.ดวงเดือน ยืนยันที่เล่ามาทั้งหมดคือความจริง และช่วงหลังเกิดเหตุ ที่ไม่มีครูคนไหนกล้าออกมาพูด เป็นเพราะว่ามีเฟซบุ๊กของคนคนหนึ่งไม่รู้ว่าเป็นญาติกับนายปฐพี หรือไม่ มีการแชร์โพสต์ของครูบางคนโดยระบุว่า "อีนังนี้แหละเป็นนกต่อฮุบบ้าน ชงให้( ผอ.ดวงเดือน ฮุบเอาบ้านหลานชายกู น่าจะจัดอีนี่ยกครัวด้วยอีกคน"
บรรยากาศรับศพทนาย พี่สาวร้องไห้ ถามกับร่างไร้วิญญาณพี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม นั่งจับเท้าน้องชายร้องไห้แทบขาดใจเนื่องจากวันนี้ตรงกับวันเกิดของทนายปรมัตถ์
ขณะเดียวกันในส่วนของศพ ทนายปรมัตถ์ วันนี้ช่วงบ่ายทางพี่สาวคนโตและหลานสาวของทนาย ได้มีการไปติดต่อขอรับศพที่หน้าห้องนิติเวชโรงพยาบาลศรีสะเกษ ซึ่งบรรยากาศก่อนที่จะนำศพออกมา ทางญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูปมาทำพิธีเรียกวิญญาณทนายปรมัตถ์ กลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
จากนั้นบรรยากาศในช่วงที่นำศพออกมาก็เป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งทางหลานของทนายเป็นคนถือรูปนำหน้าศพทนายออกมา ส่วนพี่สาวก็เดินร้องไห้ออกมาตั้งแต่เห็นร่างของทนาย จากนั้นเมื่อทางกู้ภัยเข็นศพไปขึ้นรถ ทางพระสงฆ์ได้มีการให้ทางญาติๆจุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง จนกระทั่งเมื่อทางพี่สาวและหลานขึ้นไปนั่งข้างๆศพ ทางพี่สาวก็ร้องไห้ออกมาและจับไปที่ศพทนายปรมัตถ์ โดยพูดว่า มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ตื่นขึ้นมาป้อม
จากนั้นเมื่อศพไปถึงวัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ กูัภัยได้นำร่างของทนายเข้าไปในศาลาวัด ซึ่งทางพี่สาว ก็ยังร้องไห้และไปนั่งจับที่เท้าของทนาย และร้องไห้แทบขาดใจ เนื่องจากวันนี้ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของทนายปรมัตถ์ และพี่สาวคนนี้ ก็เป็นพี่สาวคนโตที่เลี้ยงทนายปรมัตถ์ มาตั้งแต่เด็กเนื่องจากพ่อและแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว
และก่อนจะเริ่มพิธีรดน้ำศพ ก็จะเป็นบรรยากาศที่ทางครูดวงดาว น้องสาวของ ผอ.ดวงเดือน ได้มีการพาน้องฟงฟง เข้าไปแสดความเสียใจ จากนั้นก็เป็นบรรยากาศรดน้ำศพก่อนที่จะนำร่างของทนายใส่โลง
นางขันทอง อายุ 54 ปี เป็นพี่สาวคนโตของทนายปรมัตถ์ บอกว่า ที่ตนเองเสียใจมากเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของน้องชาย ซึ่งที่ผ่านมาน้องชาย ไม่เคยให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเอง และที่ทุกคนคิดว่าตนเองเป็นแม่ของทนายปรมัตถ์ ก็เป็นเพราะว่าตนเองเลี้ยงน้องชายคนนี้มาตั้งแต่เด็ก โดยที่ผ่านมาน้องชายคนนี้จะนับถือตนเองเปรียบเสมือนแม่ เพราะพ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก ซึ่งเมื่อเขาเรียนจบ ปวช. เขาก็เข้าไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในกรุงเทพฯ และเงินทุกบาทที่เขาหามาได้เขาก็เอาไปส่งเสียตัวเองจนเรียนจบทนาย
จากนั้นเมื่อเรียนจบทนาย น้องชายคนนี้ก็กลับมาเป็นเสาหลักของบ้าน ส่งเสียหลานๆที่กำพร้าพ่อให้เรียนจบทุกคน และที่ผ่านมา น้องชายคนนี้จะเข้ามาหาตนเองที่บ้านทุกวัน มาถึงก็มากอดมาหอมและให้เอาเท้าเหยียบที่หัวของเขา แต่วันที่เกิดเหตุเป็นวันแรกที่น้องชายไม่ได้เข้ามาหาตนเอง ซึ่งตนเองเจอหน้าน้องชายครั้งสุดท้ายก่อนเกิดเหตุ 1 วัน โดยน้องไม่ได้พูดอะไรเป็นลาง
ส่วนความสัมพันธ์ที่น้องไปคบหากับผอ.ดวงเดือน เริ่มแรกที่เขาเจอกัน น้องชายไม่ได้มาบอก และมาบอกวันที่เขาตัดสินใจจะแต่งงานกับ ผอ.ดวงเดือน ยืนยันที่ผ่านมาน้องไม่เคยเอาเรื่องปัญหาส่วนตัวของเขามาพูดให้ฟัง ซึ่งวันเกิดเหตุตนเองก็ไม่มีลางสังหรณ์อะไรเลย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยังไม่อยากอโหสิกรรมให้กับคนก่อเหตุเนื่องจากเขาเป็นคนใจร้าย ต่างกับน้องชายที่เป็นคนดีแม้แต่ยุงหรือมดก็ไม่เคยฆ่า ยืนยันน้องไม่ได้แย่งเมียของใครมา
วันนี้ในช่วงเที่ยงที่งานศพของนายปฐพี ผู้ก่อเหตุ ทางครอบครัวได้อัญเชิญพระมา 1 รูป เพื่อจะไปเชิญดวงวิญญาณของนายปฐพี ให้กลับมาที่บ้าน
จากนั้นในเวลา 13.30 น. พ่อแม่ และญาติๆ จึงได้เดินทางไปยังสี่แยกประโคนชัย ซึ่งเป็นจุดที่นายปฐพี ยิงตัวเองเสียชีวิตคารถ ก่อนจะนำอาหาร เป็นข้าวเหนียว หมูทอด พร้อมดอกไม้ธูปเทียนมาจุด และทำพิธีกรวดน้ำให้ ก่อนที่แม่จะเรียกนายปฐพี ให้กลับบ้านว่า “กลับบ้านกันนะลูก อย่ามาอยู่ตรงนี้ ตรงนี้รถเยอะ” พร้อมกับร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางน้ำอ้อย เพื่อนสนิทผู้ก่อเหตุ เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองเป็นเพื่อนกันมากับผอ.เขี้ยว เป็นสิบปีแล้ว เขาเป็นคนนิสัยดี และร่าเริง และเข้ากับคนง่ายมาก กับลูกสาวตน และสามีตน ผอ.เขี้ยวก็สนิทเป็นอย่างดี มักจะไปกินข้าวด้วยกันบ่อยครั้ง
ตัวของภรรยาเขาทั้งคนก่อนหน้า หรือผอ.ดวงเดือน ตนไม่เคยเจอเลย รู้แค่ว่าเขามีภรรยา และมีลูกแล้วกับภรรยาคนที่ 1 แต่ทางด้านของผอ.ดวงเดือน ตนไม่ทราบเลยว่าเขาคบหากันตอนไหน เพราะผอ.เขี้ยว ไม่เคยเล่าเรื่องผอ.ดวงเดือนให้ฟังเลย ตอนแรกที่ตนทราบข่าวว่าไปยิงอดีตภรรยา ตนยังตกใจอยู่เลยนึกว่าเป็นภรรยาคนที่ 1 ที่มีลูกด้วยกัน แต่มารู้ทีหลังว่าคือผอ.ดวงเดือน ซึ่งตนไม่เคยรับรู้ว่าเขาคบหากัน
ผอ.เขี้ยวเขารักอาชีพครูมาก เขาอ่านหนังสือทุกวันวันละหลายชั่วโมง เพื่อที่จะสอบให้ติดครู จนเขามาเป็นผอ. เขาก็ยังไม่หยุดพัฒนา จริงๆเขายังเตรียมตัวจะสอบรองผอ.เขตด้วยซ้ำ แต่ยังไม่เปิดสอบ ตนยังสงสัยอยู่เลยว่าเขาลาออกจากผอ.ตอนไหน เพราะเขาไม่บอกใครเลยว่าลาออกแล้ว ตนมาทราบว่าเขาลาออกก็คือตอนที่มีข่าวนี้เอง
ส่วนเรื่องที่เขาไปสร้างบ้านกับผอ.ดวงเดือน ตนไม่ทราบเลยว่าจริงหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังจริงๆ ตนทราบเพียงว่าเขาไปกู้เงินมา และมาบอกตนว่ากำลังเป็นหนี้อยู่ คงจะต้องใช้หนี้จนเกษียณเลย ก็ยังพูดแซวๆกัน แต่เขาไม่ได้บอกว่ากู้ไปตอนไหน และจะเอาไปทำอะไร
โดยเขาได้มีการทำพินัยกรรมไว้เมื่อ 15 กรกฎาที่ผ่านมานี้เอง ว่ายกสมบัติของเขาให้กับลูกชายทั้ง 2 คน และพ่อแม่ แต่ไม่รู้รายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง และแบ่งให้ใครเท่าไหร่
สุดท้ายตนก็อยากจะแสดงความเสียใจกับครอบครัวฝั่งผอ.ดวงเดือนด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หวังว่าจะอโหสิกรรมให้ทางผอ.เขี้ยวด้วย