นายณัฐชา อินไชยสวัสดิ์ สส.กทม.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เปิดเผยภายหลังการประชุม ที่มีการพิจารณาเรื่องปลาหมอคางดำว่า ตนได้ประสานกับเกษตรกรให้จับปลาหมอคางดำ จำนวน 20 กิโลกรัม และนำมาทอดเมื่อเช้านี้ เพราะวันนี้จะยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาในเรื่องการแก้ไขปัญหา สถานการณ์ในปัจจุบันที่ร้ายแรงที่สุดตั้งแต่มีมา
โดยตนได้รับข้อกังวลสงสัยจาก สส.หลายคนว่า รสชาติของปลาหมอคางดำเป็นอย่างไร จึงทอดมาเพื่อให้ชิมในวันนี้ และระหว่างชิมก็ตั้งใจว่าจะให้สื่อถ่ายภาพบรรยากาศ ว่า สส.หลายคนมีความเห็นต่อรสชาติเป็นอย่างไร แต่กลับมีปัญหา
ตนไม่เข้าใจว่า "ปลาหมอคางดำ" จะทำให้สภามันล่มสลายหรืออย่างไร หรือห้องอาหารของสภาฯ ทำไมถึงถ่ายวิดีโอไม่ได้ เพราะนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบอกว่า ให้ สส.ทานได้ แต่ไม่ให้บันทึกภาพใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมบอกผู้ช่วยของตนว่า ในการยกเข้ามาไม่ให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเข้ามาช่วย ตนก็งงว่าเอาปลามา 20 กิโลกรัม ต้องหิ้วด้วยตัวเองหรืออย่างไร
“ผมขอแค่ความร่วมมือช่วยยกปลา และอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้ให้เขาเข้ามานั่งกินในห้องอาหาร เพื่อน สส.หลายท่านทาน ก็วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา ถือเป็นเสียงสะท้อนของผู้แทนราษฎร แต่ยังมีสายเรียกเข้ามา และเจ้าหน้าที่ เดินมาบอกว่าไม่ให้ถ่าย ถ่ายไม่ได้ บันทึกภาพไม่ได้ ผมจึงถามว่า ห้องอาหารสภาฯ มีความลับสูงขนาดนั้นเลยหรือ ชิมปลาหมอคางดำ เขาก็ตอบว่าไม่ได้ทุกกรณี”
นายณัฐชากล่าวต่อว่า ตนตั้งคำถามว่าปลาหมอคางดำเข้ามาในสภาฯ เริ่มจะไม่มีความชอบมาพากล ทำไมถึงยากเหลือเกิน การตั้งคณะอนุฯ ก็ทำไปอย่างมีข้อติดขัดหลายอย่าง วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ตั้งญัตติด่วนหรือไม่ แม้แต่ปลาหมอคางดำทอดยังเอาเข้ามาให้ สส.ชิมไม่ได้ ซึ่งตนกังวลว่าญัตติของตนจะเป็นหมัน ก็ฝากประชาชนติดตาม ถ้าไม่ให้ตั้งกระทู้ ตนยอมไม่ได้ ตายเป็นตาย ให้รู้กันไปว่าจะส่งต่อระบบนิเวศแบบนี้ให้คนรุ่นหลัง
ทั้งนี้ จึงขอมอบปลาหมอคางดำทั้งหมดให้สื่อมวลชนได้ชิมให้อิ่มหนำสำราญ และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเต็มที่ เพราะสภาฯแห่งนี้ไม่มีพื้นที่พอให้ สส.ได้กลับไปบอกคนในพื้นที่
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล นำปลาหมอคางดำมาให้เพื่อนสมาชิกได้ชิม แต่กลับโวยเจ้าหน้าที่ ที่ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนมาถ่าย ว่า วันนี้ไม่ได้ชิมปลาหมอคางดำของ สส.หาย วันหลังเอามาให้ใหม่ก็ได้ อยากชิมอยู่เหมือนกัน ส่วนดราม่าที่เกิดขึ้นตนมองว่า ปัญหามาจาก การบันทึกภาพบันทึกเสียงในห้องอาหาร ซึ่งมันก็ไม่เหมาะ และปกติห้องอาหารของ สส.เขาก็ไม่ให้คนนอกเข้า มีแต่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา ที่จะเข้ามารับประทานอาหาร การถูกห้ามจึงเป็นเรื่องปกติ
ส่วนกรณีที่นายณัฐชา แสดงความกังวล จะไม่ได้พูดเรื่องปลาหมอคางดำในสภา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า วันนี้ก็เห็นชัดเจนแล้ว ว่า สภาฯเปิดให้เต็มที่ ในฐานะวิปรัฐบาล เรายินดี เพราะมันเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชน แต่ที่ไปบอกว่า รัฐบาลไม่ทำอะไรเลย ตนอยากให้มองข้อเท็จจริง เราพูดเรื่องปลาหมอคางดำมาเป็นเดือนแล้ว สภาฯ ก็ได้มีการตั้งอนุกรรมาธิการติดตามเรื่องนี้ วันนี้การยางแห่งประเทศไทยและภาคเอกชน ก็เข้ามาช่วยรับซื้อ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯก็ลงพื้นที่ตลอด ไม่เห็นมีใครอยู่นิ่งๆ หรือไม่สนใจปัญหาดังกล่าวเลย ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เราเห็นว่ารัฐบาลก็เดินหน้าเต็มที่ กำจัดไม่ให้เหลือซาก แต่มันคงไม่ทันใจ เพราะมันมีการแพร่ระบาดถึง 16-17 จังหวัด จะทำให้เสร็จภายใน 3 วัน 7 วันก็คงเป็นไปไม่ได้
เมื่อถามว่าดราม่าดังกล่าวจะกระทบหรือสะท้อนไปถึงรัฐบาลหรือไม่ นายวิสุทธ์ กล่าวว่าเรื่องนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง
"ตนคิดว่าประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ได้ดูว่ารัฐบาลทำหรือไม่ แต่ฝ่ายค้านก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่เขาต้องแสดง มีวิธีการที่ทำให้เห็นว่าเขาได้ทำเรื่องปลาหมอคางดำ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ วันเกิดมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เศรษฐา ทวีสินเอามาปล่อยซะเมื่อไหร่ล่ะ มันเกิดมานานแล้ว แต่พอเป็นข่าวกรรมาธิการเกษตรเขาก็ทำหน้าที่ ตอนนี้เห็นเขาทำทุกอย่างแล้วทั้งรับซื้อปล่อยปลากระพงไปกินเหลืออย่างเดียว เตาไฟฟ้าช็อต ต้องใจเย็นๆให้เขาทำหน้าที่"
นายวิสุทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่เชื่อว่ารัฐบาลนี้จะไม่กล้าแตะเอกชน เพราะตอนนี้เท่าที่ทราบก็มีการสั่งการให้ "กรมประมง" หาต้นตอแล้ว เพียงแต่มันกล่าวหาใครไม่ได้ ต้องหาข้อเท็จจริงก่อน