จากกรณี กัน จอมพลัง ลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกจ้างวัย 38 ปี หลังถูกนายเผ่าพงษ์ อายุ 44 ปี และ น.ส.ณีรนุช อายุ 34 ปี สองผัวเมีย ซึ่งเป็นนายจ้างใช้สายแก๊สและไม้เฆี่ยนตีทั่วทั้งตัวจนเนื้อแตกหนองไหล ทารุณกรรมทุกวันราวกับเป็นทาส พฤติกรรมทำราวกับลูกจ้างไม่ใช่มนุษย์ สาเหตุที่ทำร้ายเพราะลูกจ้างขายของไม่ได้ตามยอด หลังจากทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้น บุกตรวจค้นที่บ้าน เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมา (26 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา สามารถตามรวบตัวนายเผ่าพงษ์ และ น.ส.ณีรนุช สองผัวเมียได้ทันควัน ซึ่งจากการสอบถามเบื้องต้นทั้งสองให้การอ้างว่าเกิดอารมณ์ชั่ววูบ และการกระทำดังกล่าวของตนเองไม่คิดว่าจะรุนแรง ถึงขั้นทำให้ในกล้องลูกจ้างได้รับบาดเจ็บสาหัส
ขณะที่ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ค. 2567) ที่ สภ.โนนไทย นักข่าวหลายสำนักได้มาติดตามข่าวความคืบหน้าหลังจากที่สองนายจ้างถูกรวบตัว ส่วนนายจ้างทั้งสองรายยังไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่นำออกมาสอบปากคำแต่อย่างใด โดยคาดว่าน่าจะถูกคุมขังอยู่ภายในห้องขัง ส่วนบรรยากาศด้านนอกก็มีประชาชนบางส่วนที่ทราบข่าวและได้ติดตามข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.โนนไทย เพื่อมารอดูโฉมหน้าสองนายจ้างโหด ที่ทารุณหนุ่มลูกจ้างด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กัน จอมพลัง ได้เดินทางมาที่ สภ.โนนไทย เพื่อติดตามคดี 2 นายจ้างโหด หลังจากถูกตำรวจ ตามรวบตัวเอาไว้ได้ขณะที่กำลังหลบหนี โดย กัน จอมพลัง ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตนเองต้องเดินทางมาที่จังหวัดนครราชสีมา อย่างเร่งด่วน หลังจากที่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมนายจ้างทั้งสองได้แล้ว ส่วนลูกของนายจ้าง ตนเองได้ประสานเจ้าอธิบดีกรมกิจการเด็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นห่วงถ้าพ่อแม่ถูกจับติดคุกเด็กจะอยู่อย่างไร เพราะไม่มีญาติ ดูแลอบรมสั่งสอน อาจจะทำให้น้องเขามีสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะให้ไปอยู่กับทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก
ล่าสุดทีมข่าวเดินทางมายัง สภ.โนนไทย พบว่าทางด้านเจ้าหน้าที่ที่ตำรวจได้ควบคุมตัว นายเผ่าพงษ์ และ น.ส.ณีรนุช มาสอบปากคำวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แยกสอบปากคำ โดยทางด้านน.ส.ณีรนุช ผู้ต้องหานายจ้างหญิงนั้นนิ่งเงียบ ไม่พูดคุยไม่ตอบคำถามสื่อ ถึงปมเหตุของการก่อเหตุใด ๆ ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวสังเกตุเห็นสีหน้าของน.ส.ณีรนุช พบว่าสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด
ส่วนทางด้าน นายเผ่าพงษ์ ผู้ต้องหานายจ้างชาย ไม่ได้พูดอะไรมาก ตอบเบา ๆ เพียงว่า “ยังไม่ขอพูดตอนนี้” ก่อนที่จะเข้าไปในห้องสอบปากคำ ขณะเดียวกันที่ สภ.โนนไทย พบว่า ชาวบ้านจำนวนมากที่ทราบข่าวได้เดินทางมาที่ สภ.เพื่อหมารอดูโฉมหน้าของผู้ต้องหาทั้งสอง และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาออกมาจากห้องขังเพื่อไปสอบปากคำ ชาวบ้านก็ได้มีการตะโกนถามถึงปมเหตุที่ทำร้ายลูกจ้างช่วย
ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังทั้งคู่เข้ามามอบตัวกับตำรวจ นายเผ่าพงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อชี้แจงด้วยว่า จากภาพที่เห็นตอนก็ไม่ปฏิเสธว่ามันรุนแรง ที่ลงโทษรุนแรงสืบเนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็รู้สึกผิดจริง ๆ ที่ไปตีตูดลูกจ้าง ไม่คิดว่ามันจะเป็นขนาดไหน เพราะไม่ได้เปิดดูว่ามันแตกขนาดไหน ถ้ารู้ว่ามันแตกก็จะเปลื่ยนที่ตี ตอนนั้นที่ทำไปเพราะโมโหอย่างเดียว เพราะเจอแต่คำโกหกของลูกจ้างที่ชอบยักยอกเงินที่ขายได้ พอจับได้ลูกจ้างก็ขอโอกาสและเป็นคนตั้งกฎกติกานี้ขึ้นมาเอง ว่าให้ทำโทษแบบไหนก็ได้ ซึ่งเป็นการตงลงกันไว้ ส่วนหลักฐานที่เห็นไม่ได้รวบรวมเพื่อจะดำเนินคดีกับลูกจ้างเลย ตนแค่บันทึกไว้เป็นหลักฐานในการกระทำของลูกจ้างที่ทำกับตนในแต่ละครั้ง ซึ่งอยู่ด้วยกันมา 10 กว่าปี มีเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด เป็นสาเหตุที่ทำให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถจับภาพพฤติการณ์ของ นายเผ่าพงษ์ นายจ้างชาย และ น.ส.ณีรนุช นายจ้างหญิง พบว่า วันที่ 23 ก.ค. เวลา 19.16 จะเห็นว่าที่โต๊ะม้านั่งจะมีนายเผ่าพงษ์นั่งอยู่ และต่อมามี น.ส.ณีรนุช เดินถือลักษณะ คล้ายสายยางแก๊สขนาดประมาณ 2 ฟุต หรือ 1 ศอก เดินถือมา โดยมีนายต้น (ลูกจ้าง) เดินนำหน้ามาและมายืนนิ่งอยู่ใกล้เต็นท์
ต่อมา น.ส.ณีรนุช เริ่มฟาดที่ตัว หลัง ก้น ของนายต้น อย่างเต็มแรง นานกว่าหลายนาที จนกระทั้ง เวลา 19.20 น. นายต้นก็ได้ทรุดลงไปกับพื้น ก่อนจะให้ยืนขึ้นตรง และ น.ส.ณีรนุช ฟาดต่อเนื่องเรื่อย ๆ อย่างรุนแรง ฟาดหลังไล่ลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งจากภาพเวลา 19.21 น. จะเห็นว่านายต้นเริ่มเจ็บปวดทรมาน จนโค้งตัวไปจับขอบรั้วปูนซิเมนต์ และโดนกระหน่ำฟาดต่อเนื่อง จนเวลา 19.22 น. ล้มลงเพราะความเจ็บปวดอีกครั้ง ก่อนจะพักเบรกครู่หนึ่ง
ก่อนที่ต่อมาเวลา 19.25 มี นายเผ่าพงษ์ยืนคุมทำให้นายต้นต้องยืนขึ้น และ น.ส.ณีรนุช ก็กระหน่ำฟาดที่ตัว หลัง ก้น ขา ไปเรื่อย ๆ จนนายต้นจะล้มทรุดลงแต่นายเผ่าพงษ์มายืนพิงกำแพง ยืนดูลูกน้องของตัวเองที่โดนภรรยากระหน่ำตีอย่างเต็มแรง จนถึงเวลา 19.28 น. โดยตลอดที่ผ่านมา ระยะเวลา ร่วม 12 นาที เป็นการตีตลอดด้วยท่อยางแก๊ส โดยมี น.ส.ณีรนุช ผู้ตี และมีนายเผ่าพงษ์ สามี เป็นคนยืนคุมดู
ต่อมาเวลา ห่างกันไม่กี่นาที เวลา 19.32 น. จะเห็นว่านายต้น ลุกนั่ง แทงปลาไหล กว่าหลายครั้ง คาดว่าเกินกว่า 1,000 ครั้ง ตลอด 19.32 จนถึง 22.35 น. โดยลุกนั่งแทงปลาไหล ตลอดไม่มีหยุดพัก ห้ามหยุดพัก จนกระทั่ง 22.35 น. จน นายต้นล้มลงไปนอนกองกับพื้น ถึงสามารถเดินออกไปเข้าห้องน้ำและเข้านอนได้ โดยตลอด 3 ชั่วโมงเต็ม ไม่มีให้หยุดพักหรือทานข้าวใด ๆ
นอกจากนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 23 ก.ค. ในช่วงเช้าเวลา 07.20 น. จับภาพคุณนายต้นที่น่าสงสารเดินออกมาจากหลังบ้าน ห้องครัวของนายจ้าง ใส่เสื้อสีส้ม มือขวาถือข้าวเปล่าเอาไว้ ซึ่งเป็นข้างที่เขารับประทานประทังชีพในแต่ละวัน ต่อมาในช่วงเวลา 05.39 น. วันที่ 24 ก.ค. นายต้นจึงหลบหนีออกมาจากบ้าน และไปขอความช่วยเหลือชาวบ้าน จนนำไปสู่การร้องเรียน กัน จอมพลัง ในที่สุด
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านของ 2 นายจ้าง พบว่า มีชาวบ้านจำนวนมากมารออยู่ที่บ้านของ 2 นายจ้าง หลังคิดว่าตำรวจ จะนำตัว 2 นายจ้างมาทำแผน แต่ปรากฏว่าตำรวจไม่ได้พามาทำแผน ทำให้ชาวบ้านที่มาต้องรอเก้อ
ด้านนางสาวอาภาภร ชาวบ้านที่มารอดูโฉมหน้า 2 นายจ้าง เล่าว่า ตนอาศัยอยู่ละแวกบ้านของ 2 นายจ้าง เห็นพฤติกรรมที่นายจ้างทารุณส่งลูกจ้างมานานหลายปี แต่ยอมรับว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย และไม่สามารถช่วยเหลือได้ วันนี้ที่ทั้งสองถูกตำรวจจับกุมตนรู้สึกดีใจมากเพราะไม่คิดว่าการกระทำดังกล่าวจะโหดร้ายขนาดนี้
ทราบว่าตำรวจจับกุมสอบนายจ้างได้แล้ว ตนเองและชาวบ้านบางส่วนก็ได้เดินทางมารอที่ สภ.โนนไทย เพื่อที่จะรอดูโฉมหน้าของสองนายจ้างและอยากจะถามว่าทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ส่วนชาวบ้านที่เหลือตอนนี้รออยู่ที่บ้านของสองนายจ้างเพื่อรอดูเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีการนำตัวไปทำแผนหรือไม่ นอกจากนี้ตนอยากจะฝากไปถึงสองนายจ้าง ใครทำกรรมอะไรไว้ก็ให้ไปรับผลกรรมเอง
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนางปิ่น (นามสมมติ) อายุ 54 ปี อดีตลูกค้าที่เคยชื้อสินค้า เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 1 ปีก่อนนี้ ตนเคยซื้อสินค้ากับนายต้น ซึ่งในตอนนั้นที่นายต้นลูกจ้างมาขายสินค้าเป็นคนพูดจาฉะฉานและพูดจาไพเราะ และอธิบายรายละเอียดของสินค้าให้ฟังได้เป็นอย่างดี จนทำให้ตนตัดสินใจซื้อสินค้าทันที ต่อมาเมื่อประมาณ 2-3 เดือน ตนเห็นนายต้นกับนายจ้างกลับเข้ามาขายสินค้าที่สำนักงานอีกครั้ง ซึ่งในตอนนั้นตนเห็นสภาพของนายต้นทั้งหัวปูดบวม ปากแตกเข้ามาขายสินค้าในตอนนั้นตนเองก็ยังรู้สึกเอะใจ แต่ก็ไม่กล้าทัก เพราะมีนายจ้างหญิงเดินประกบตามตัวนายต้นอยู่ตลอด ทำให้ตนไม่มีโอกาสได้สอบถามนายต้นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในครั้งนั้นไม่ได้มีใครช่วยซื้อสินค้า
จนกระทั่งวันถัดมาในต้นกลับมาขายสินค้าที่สำนักงานอีกครั้ง พร้อมกับนายจ้างหญิงในสภาพที่เหมือนเดิม หัวปูดบวม แต่ในครั้งนี้ลักษณะการเดินของนายต้นผิดแปลกไปเพราะเดินขากะเผลก ตนจึงได้สอบถามนายจ้างหญิงว่าทำไมถึงได้มากับนายต้น ปรากฏว่านายจ้างหญิงตอบกลับตนว่า มาดูการขายสินค้าของนายต้นว่าเป็นอย่างไรทำไมถึงขายไม่ดี
นางปิ่น บอกว่า ทันทีที่เห็นสภาพของนายต้น หัวหน้าตนรู้สึกสงสาร จึงได้ช่วยซื้อสินค้าไปจำนวน 2 ชิ้น ๆ ละ 5,900 บาท เนื่องจากนายต้นอ้อนวอนให้ช่วยซื้อสินค้า ขณะที่บางครั้งที่นายตนมาเปลี่ยนอะไหล่ ตนก็เคยเอาเงินให้ 200 บาท แต่นายต้นก็ปฏิเสธที่จะรับ โดยในตอนนั้นตนเองก็ไม่รู้ว่าทำไมในต้นถึงปฏิเสธที่จะไม่รับเงินจำนวน 200 บาท ที่ตนเคยให้แต่พอมาวันนี้ตนถึงได้รู้สาเหตุว่าทำไมนายต้นถึงไม่ยอมรับเงิน 200 บาท ที่ตนให้เป็นค่ามาเปลี่ยนอะไหล่ อย่างไรก็ตามหากตนรู้ตั้งแต่แรกว่านายต้นถูกนายจ้างทำร้ายอย่างทารุณ ตนจะออกเงินช่วยเพื่อส่งนายต้นกลับไปบ้าน และไม่ให้กลับไปทำงานกับนายจ้างโหดเช่นนี้