กรณีเหตุบริเวณร้านข้าวต้ม เมื่อคืนนี้ 29 ก.ค. เวลา 02.18 น. ที่ซอยเทพกุญชร 42 ตำบล คลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี หลังจากรับแจ้งมีผู้เสียชีวิตถูกยิง จากการตรวจสอบพบศพนายสุรัตน์ หรือบังแอร์ อายุ 40 ปี ถูกยิงเข้าที่แก้มขวา 1 นัด นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนของร้าน และเบื้องต้นจากการสอบพยาน เพื่อนในกลุ่มให้การตรงกัน ว่า เป็นการสั่งแค้นปมเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน ตัวของคนตายกับนายป้อม หนุ่มขับฮาเล่ย์ เคยมีเรื่องกันที่ร้านขายของชำ ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ โดยตัวของคนตายไปตบหัวมือปืน จากนั้นทำให้ทั้งคู่เลิกคบกัน และมีการพูดลั่นวาจาเอาไว้ว่า “ อย่าให้กูเจอมึง” จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ทั้งคู่เวียนมาเจอกันที่ร้านข้าวต้มจึงทำให้ถูกยิงตายนั้น
วันนี้ (29 ก.ค.) ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า พบว่าบริเวณหน้าร้านข้าวต้มที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโต๊ะหินอ่อนสีขาว หลังเกิดเหตุได้มีการเคลียร์พื้นที่ พร้อมกับมีการล้างทำความสะอาดคราบเลือดของคนตายออกไปหมดแล้ว ส่วนเจ้าของร้านยังไม่ขอให้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม โดยอ้างว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วไม่รู้ว่า ใครทะเลาะกับใครและมีเรื่องกับใคร แต่โดยเบื้องต้นได้มีการให้การกับตำรวจไปแล้ว
ทีมข่าวจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้มที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อคืนนี้ 29 ก.ค. เวลา 02.23น. (เวลากล้องช้า) จับภาพ ตัวของนายป้อม ซึ่งมีลักษณะใส่เสื้อวินมอเตอร์ไซค์ ขับฮาเล่ย์ มาจอดฝั่งฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้ม โดยมีลักษณะหยอกล้อกับสาวร้านคาราโอเกะที่นั่งอยู่หน้าร้าน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด2มุม จับภาพเอาไว้ได้
และหลังจากที่ตัวของนายป้อม มีการหยอกล้อกับสาวคาราโอเกะแล้ว จะมีบางช่วงที่เจ้าตัวเดินวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้ม เพื่อที่จะไปสั่งข้าว แต่ไปเจอกลุ่มของคนตายนั่งอยู่ในร้าน หลังจากที่เจอแล้ว ได้วิ่งกลับมาเอารถมอเตอร์ไซค์ และขับกลับบ้านเพื่อไปเอาปืน
และจากนั้นมีภาพกล้องวงจรปิดเวลา 02.28 น. ของวันเดียวกัน 29 ก.ค.จับภาพ รถมอเตอร์ไซต์ฮาเล่ย์ของนายป้อม ขับไปจอดที่หน้าร้าน จากนั้นจะเห็นว่ามีสาวคาราโอเกะวิ่งเข้าร้าน เพราะเนื่องจากเป็นช่วงวินาทีที่นายป้อมมีการก่อเหตุยิง และหลังจากยิงแล้วก็ได้มีการขับรถออกไปจากร้านข้าวต้มทันที
แล้วยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามจากภาพวินาทีเสียงปืน 1 นัด แทรกกับเสียงรถที่วิ่งบนถนน แล้วจะเห็นว่าสาวคาราโอเกะที่นั่งอยู่ในเฟรมกล้องจะวิ่งด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนายป้อมขับผ่านกล้องตัวดังกล่าวหลบหนี
และในกล้องวงจรปิดจะได้ยินเสียงโวยวายทั้งก่อนและหลังเสียงปืนดังขึ้น โดยจะมีการพูดทำนองว่า “ไง”
ด้าน นายสมภพ เพื่อนในวงเหล้าของมือปืน ที่นั่งกินเหล้ากับมือปืนก่อนไปก่อเหตุยิง เผยว่า เมื่อคืนนี้ก็นั่งดื่มกินกันตามปกติ แต่ตัวของนายป้อม เวลาเหล้าเข้าปาก ก็จะมีนิสัยนิ่ง และมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคน โดยเมื่อคืนนี้ตอนที่มีการแยกออกจากร้าน ทุกคนนัดกันต่อว่าจะไปร้านอีกแห่งแถว ม. ธรรมศาสตร์ และตัวของนายป้อมก็บอกว่าจะขอแวะไปซื้อกับข้าวเพิ่มแล้วเดี๋ยวไปเจอกัน แต่ระหว่างที่ไปร้านกับข้าวคาดว่าน่าจะไปประเชิญหน้ากับบังแอร์ ซึ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อน จนเป็นเหตุทำให้ต้องกลับบ้านไปเอาปืนแล้วไปก่อเหตุดังกล่าว และหลังจากก่อเหตุได้มีการหลบหนีออกจากพื้นที่ โดยไม่ได้ตามกลุ่มเพื่อนที่อีกร้าน จนกระทั่งทุกคนมารู้ภายหลังว่าเจ้าตัวไปก่อเหตุ ก็เลยชิ่งหนีไม่ได้มาที่ร้านที่ไปต่อกัน
สำหรับชนวนเหตุ ตัวของนายป้อม กับบังแอร์ ไม่ได้มีปมเหตุที่ทะเลาะกันเรื่องอื่นนอกจากที่เคยตบหัวกันเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์วันที่เขาตบหัวกัน ทราบแต่กลุ่มเพื่อนมาเล่าให้ฟัง และทราบแต่ตอนที่ตัวของนายป้อมมาเล่าเท่านั้น โดยปมเหตุที่ทำให้ตัวของนายป้อมกับบังแอร์ ต้องเลิกคบกัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไปไหนมาไหนกินเหล้าด้วยกันตลอด เป็นเพราะว่าตัวของนายป้อมไปใช้คำพูดหยาบคายและไม่สุภาพ กับภรรยาของบังแอร์ ภรรยาของบังแอร์จึงไปบอกสามี จากนั้นตัวของบังแอร์จึงมีเรื่องเข้ามาเคลียร์ จนเป็นเหตุมีการตบหัว ทำให้ทั้งคู่เลิกคบกันนับตั้งแต่นั้นมา แล้วมีการประกาศไว้ว่าหากเจอหน้ามึงเจอดี แต่ก็ไม่คิดว่าเมื่อคืนนี้ทั้งคู่จะเวียนมาเจอกันอีกรอบ
และตลอดช่วงที่ผ่านมา กลุ่มเพื่อนก็เคยพยายามเป็นกาวใจ ขอให้ทั้งคู่ให้อภัยกันและกลับมา ร่วมวงกันเหมือนเดิม แต่ตัวของนายป้อมก็ค่อนข้างที่จะมีอารมณ์ร้อน และไม่พอใจที่ถูกตบหัว จึงทำให้ยากที่จะกลับมาสนิทและร่วมวงเหล้ากันได้อีก
กรณีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเห็นนายป้อมมีการใส่เสื้อวินมอเตอร์ไซค์1 ยอมรับว่าตัวของนายป้อมเป็นคนคุมวิน หรือเรียกว่าเป็นหัวหน้าวิน ซึ่งก็ดูแลวินบริเวณปากซอยทั้งหมด จึงทำให้เจ้าตัวมีการสวมใส่เสื้อเบอร์1 และที่สำคัญตัวของนายป้อมก็เป็นคนที่พกปืนติดตัวตลอด กลุ่มเพื่อนเคยถามทำไมต้องพกปืน เจ้าตัวก็อ้างว่ากลัวจะมีคนทำร้าย ซึ่งไม่รู้ว่ามีอริ หรือคิดไปเองหรือไม่จึงทำให้ต้องมีการพกปืนไปไหนมาไหน
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวในฐานะเพื่อนของมือปืน อยากจะขอให้ เจ้าตัวมีการมอบตัว เพราะเข้าใจว่าเป็นการก่อเหตุอย่างอุกอาจ ในเมื่อทำเข่าตายก็ต้องออกมามอบตัวและรับผิดชอบต่อการกระทำ ดีกว่านี้ เพราะตัวของนายป้อมเวลาไม่เมาก็เป็นคนดีคนหนึ่งในกลุ่มของเพื่อน ดังนั้นเมื่อทำผิดแล้วก็ควรที่จะรับผิด หนีไปก็ไม่มีประโยชน์
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่องแปดยังได้เดินทางไปที่จุดวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งทราบว่าตัวของนายป้อมเป็นคนคุม ทันทีที่เดินทางไปถึงก็พบว่า คนในวินไม่ได้มีการให้คำตอบหรือให้สัมภาษณ์อะไร อ้างแต่ว่าไม่รู้เรื่อง และตัวของนายป้อมก็ไม่ใช่คนขับวิน เป็นเพียงแค่หัวหน้าคนคุมเท่านั้น และเมื่อมีการสอบถามเกี่ยวกับประเด็นหรือชนวนเหตุ หรือแม้แต่นิสัยของนายป้อม ลูกน้องนายวินไม่มีใครกล้าตอบ โดยอ้างว่าไม่รู้เรื่องเพียงอย่างเดียว
และวันเดียวกันนี้ ทีมได้เดินทางไปที่บ้านของ นายสุรัตน์ หรือบังแอร์ อายุ 40 ปี คนตาย โดยญาติได้เดินทางไปรับร่างออกจากนิติเวช เพื่อมาประกอบพิธีทางศาสนาอิสลาม โดยมีพิธีอาบน้ำก่อนบรรจุร่างลงในโรง และมีพิธีฝังศพทันที โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า คนในครอบครัวรวมทั้งชาวบ้านและญาติพี่น้องในพื้นที่ มาร่วมแสดงความเสียใจ
ด้าน นายมูฮะหมัด อายุ 72 ปี พ่อของบังแอร์ เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองไม่ทราบว่าลูกชายไปมีเรื่องอะไรกับนายป้อม ตัวของนายป้อมก็ไม่เคยมาที่บ้าน ตัวเองจึงไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว และปมเหตุนั้น ตนเองก็ไม่เชื่อว่าเป็นเพียงแค่เรื่องที่ อ้างว่ามีเรื่องกันเมื่อ2ปีก่อน เพราะเรื่องแค่นี้ไม่ถึงขั้นฆ่ากันตาย อาจเป็นเรื่องที่มากกว่านั้นหรือไม่ เชื่อว่าคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือตัวของนายป้อมมือปืน แต่หากสุดท้ายแล้วฆ่าลูกชายตนเองตายเพียงเพราะที่อ้างว่าลูกชายไปตบหัวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ เกินกว่าเหตุอย่างมาก ตอนนี้ก็รับไม่ได้ เพราะเรื่องแบบนี้น่าจะจบลงกันที่ขอโทษขอโพยกันมากกว่า
และก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิต 2 คืนก่อน ตนเองเชื่อว่าการที่ได้ยินเสียงลูกมาตะโกนอยู่หน้าบ้าน แต่ตัวเองออกไปแล้วไม่เจอตัวลูกชาย น่าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างก่อนที่เจ้าตัวจะถูกยิงหรือไม่ เพราะโดยปกติลูกชายก็จะอยู่ที่บ้านและออกไปเที่ยวข้างนอก แต่ก็กลับมาบ้านเป็นประจำ ซึ่งลูกชายก็ไม่ได้มีการเล่าอะไรให้ฟังว่าไปมีเรื่องกับใคร จนกระทั่งถูกยิงตายเมื่อคืนนี้แล้วตนเองก็ไปดู พบว่าถูกยิงเข้าที่แก้ม
อย่างไรก็ตาม ตนเองอยากจะให้ตัวของนายป้อม มอบตัวหรือถูกจับโดยเร็ว และให้เข้าสู่กระบวนการตามกฏหมาย เพราะทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกฏหมายเมื่อมีการฆ่าคนตายก็ต้องรับโทษ แต่หลังจากนี้จะมาคุยกับตนเองหรือจะมาขอโทษตัวเองก็พร้อมที่จะคุยด้วย เพียงแค่เวลานี้ขอให้เจ้าตัวมอบตัวก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน เพราะลูกชายของตัวเองก็ตายไป