จากกรณี ตำรวจ สภ.ประโคนชัย ออกหมายจับพร้อมประกาศล่านายเพลิน 44 ปี ชาวจังหวัดสุรินทร์ ก่อเหตุหลอกนักเรียน 17 ปี ทำหน้าเศร้าขอให้ไปส่งเอาเงินกับเพื่อนอยู่ไม่ไกล หนึ่งใน 3 นักเรียนเห็นใจขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่ง แต่กลับบังคับให้ออกนอกเส้นทางเข้าป่าอ้อย อ้างมีระเบิด ล็อกคอเด็กพยายามจะข่มขืนเด็กดิ้นวิ่งหนีขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน คนร้ายชิงเอารถมอเตอร์ไซค์ไป
ล่าสุดวันนี้ (29 ก.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามกรณีดังกล่าว ที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประโคนชัย ไปได้เบาะแสว่ามีคนเห็นนายเพลิน ผู้ก่อเหตุไปวนเวียนอยู่ในพื้นที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
จนกระทั่ง เวลา 11.14 น. พ.ต.อ.วิษนุ อาภรณ์พงษ์ ผกก.สภ.ประโคนชัย จึงนำกำลังตำรวจชุดสืบสวน เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ และไปเจอนายเพลิน คนก่อเหตุ กำลังนอนหลับอยู่ภายใน บขส.อำเภอนางรอง ซึ่งเมื่อตำรวจไปถึง นายเพลิน ก็ยังนอนหลับ โดยตำรวจที่ไปเจอเป็นคนแรก จึงได้มีการถ่ายภาพเซลฟี่ในขณะที่นายเพลิน กำลังนอนหลับอยู่ส่งไปแจ้งผู้กำกับว่า คนที่เจอคือนายเพลิน จากนั้นก็จะมีภาพที่ตำรวจ นั่งเฝ้านายเพลิน เอาไว้ระหว่างที่รอให้ทาง พ.ต.อ.วิษนุ อาภรณ์พงษ์ ผกก.สภ.ประโคนชัย เข้าไปปลุกนายเพลิน ให้ตื่นขึ้นมา
ขณะเดียวกันในส่วนจุดที่ตำรวจไปเจอกับนายเพลิน นอนอยู่ที่ บขส.นางรอง ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวจึงไปไล่ภาพวงจรปิดที่ บขส.นางรอง
โดยวงจรปิดที่ด้านหน้า บขส. จะเห็นภาพมุมไกลๆว่า เวลา 10.16 น. นายเพลิน มีการนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาลงที่หน้า บขส. จากนั้นเมื่อลงรถที่หน้าบขส. ภาพวงจรปิดมุมด้านข้าง บขส. จะเห็นว่า นายเพลิน มีการเดินไปสั่งข้าวกิน กระทั่งเมื่อสั่งข้าวเสร็จ ก็เดินไปนั่งรอกินข้าวที่โต๊ะ
จากนั้นเวลา 10.34 น. เมื่อนายเพลิน กินข้าวเสร็จ จะเห็นว่า นายเพลิน มีการเดินถือขวดน้ำเข้าไปยังชานชาลา ภายในบขส. และกล้องอีก 3 มุม จะเห็นว่าเมื่อนายเพลิน เดินเข้าไปเขามีการเดินวนเวียนไปหาที่นอน
ส่วนภาพวงจรปิดเหตุการณ์ต่อไป จะเป็นภาพนาทีที่ตำรวจเข้ามาเดินตรวจสอบภายในบขส. ซึ่งผู้ชายในภาพที่ใส่เสื้อสีเหลือง ก็คือ พ.ต.ท.นิวัฒน์ รองผู้กำกับสืบ สภ.ประโคนชัย ที่เป็นคนไปเจอเป็นคนแรกและเป็นคนที่ยืนถ่ายภาพเซลฟี่ในขณะที่เจอนายเพลิน นอนหลับอยู่
จากนั้นเมื่อตำรวจแน่ใจว่าคนที่เจอคือนายเพลิน จะเห็นว่า ตำรวจได้ขับรถเข้ามาจอดที่ บขส. จากนั้นก็นำกำลังลงไปคุมตัว ซึ่งตามข้อมูล ตอนตำรวจไปถึง ไม่มีใครกล้าแตะตัวนายเพลิน โดยต่อมาจึงมีการประสานกู้ภัย ให้เข้ามาช่วยพานายเพลิน เดินไปขึ้นรถ และตำรวจก็ขับรถออกไปจาก บขส.
จากนั้นเมื่อตำรวจนำตัวเข้าไปยังห้องสืบสวน ทีมข่าวก็เข้าไปสอบถามเป็นครั้งที่สองว่า ทำไมต้องไปก่อเหตุกับเด็กอายุ 17 ปี โดยนายเพลิน เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตอนที่ไปเจอเด็ก ตั้งใจให้ไปส่งที่โคกมะขาม ยืนยันตามกล้องวงจรปิดที่ซ้อนรถเด็กไป ไม่ได้ขู่ว่ามีระเบิด และตอนที่ไปถึงป่าอ้อย ก็ไม่ได้ทำอะไรเด็ก และที่เด็กอ้างว่า ตนเองขอลองทีนึง ยืนยันไม่ได้พูดคำนี้กับเด็ก ซึ่งตอนอยู่ในป่าอ้อย จู่ๆเด็กมันวิ่งหนีออกมาเอง จากนั้นเมื่อเห็นเด็กทิ้งรถเอาไว้ ก็เลยขี่รถของเด็กมุ่งหน้าไปที่อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ แต่พอไปถึงน้ำมันดันหมด ก็เลยเข็นรถไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหลังสถานีรถไฟศรีขรภูมิ
จากนั้นก็เอารถไปจำนำกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว 100 บาท โดยหลังจากได้เงินจึงซื้อตั๋วรถไฟเพื่อนั่งรถไฟไปที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ และที่ต้องนั่งรถไฟไปลงที่อำเภอนางรอง ตอนแรกตั้งใจจะไปหางานเลี้ยงปลาทำที่อำเภอหนองกี่ แต่ไม่มีรถไปจึงเข้าไปอาศัยนอนอยู่ที่ บขส.นางรอง ซึ่งตอนที่ตำรวจไปถ่ายรูป หลับสนิท ไม่รู้ว่าตำรวจมาถึงตัวตอนไหน
ส่วนแก๊งกะเทยอำเภอประโคนชัย ที่ก่อนจะก่อเหตุตนเองมีการเข้าไปหา ยืนยันไม่ได้ตั้งใจจะไปหลอกอะไรคนในแก๊งกะเทย แต่วันก่อนเกิดเหตุมีคนในแก๊งพูดกับตนเองว่า ถ้าว่างให้เข้าไปนั่งเล่นด้วยได้ วันเกิดเหตุก็เลยเข้าไปตามคลิปและวงจรปิด ยืนยันวงจรปิดที่เห็นตนเองแอบเข้าไปในร้านของกะเทย ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปขโมยของ
จากนั้นทีมข่าวก็ถามว่า ทำไมถึงมีพฤติกรรมชอบหลอกเด็กและชิงรถไป ตอนเด็กๆไม่มีรถขี่หรือยังไง ซึ่งนายเพลิน บอกว่าครั้งนี้ทำเป็นครั้งแรก โดยทีมข่าวก็บอกไปว่า ประวัติเรื่องคดีพบว่าเคยไปก่อเหตุในลักษณะแบบนี้กับเด็ก ม.1 ที่อำเภอละหารทรายและอำเภอบ้านกรวด เมื่อปี 63 กระทั่งนายเพลิน ก็ตอบว่า ก็ให้เด็กมันไปส่งเฉยๆ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจจะข่มขืนเด็ก ขอโทษพ่อแม่เด็ก ออกจากคุกรอบนี้จะไม่ทำอีกแล้ว
จากนั้นเมื่อตำรวจได้ข้อมูลว่านายเพลิน มีการนำกระเป๋าไปทิ้งไว้ในวัด ทางผู้กำกับ จึงสั่งให้ตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบว่าที่นายเพลิน พูดมาจริงหรือไม่ โดยปรากฎว่า ตำรวจไปเจอกระเป๋าทิ้งไว้ในวัดจริงๆ ซึ่งจะมีภาพในขณะที่ตำรวจนำกระเป๋าเข้ามาให้ผู้กำกับตรวจสอบ โดยเมื่อทางผู้กำกับเปิดกระเป๋าออกมา ก็พบว่ามีเสื้อสีส้ม และเสื้อผ้าอีกหลายชุดอยู่ภายในกระเป๋า และยังพบยารักษาวัณโรค ซึ่งมีชื่อตรงกับนายเพลิน อยู่ในกระเป๋าอีกด้วย
โดยเมื่อเจอกระเป๋าแล้ว แต่ยังไม่เจอรถ ซึ่งผู้กองอ้วน ที่ยืนอยู่ด้วยกับทางผู้กำกับ จึงพยายามถามว่า สรุปแล้วรถอยู่ไหนกันแต่ อำเภอศรีขรภูมิ ระยะทางมันไกล พูดความจริงออกมา และพยายามถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนจากเสื้อสีส้มเป็นเสื้อสีดำตอนไปก่อเหตุกับเด็ก จากนั้นผู้กองอ้วน ก็ถามนายเพลิน อีกว่า ออกจากคุกคดีเมื่อปี63 มานานหรือยัง ซึ่งนายเพลิน ก็บอกว่าเพิ่งจะออกจากคุกมาประมาณ 3 เดือน และผู้กองก็ยังถามกับนายเพลิน ต่อว่า และคดีนี้ยอมรับสารภาพหรือไม่ ซึ่งนายเพลิน มีท่าทีโมโหขึ้นมา และบอกว่า ก็ผมยอมรับกับผู้กำกับไปแล้วไง ส่วนรถก็บอกว่าจอดอยู่ที่อำเภอศรีขรภูมิ จะมาถามย้อนไปย้อนมาทำไม จากนั้นนายเพลิน ก็ส่ายหัว และหันมาบอกนักข่าวว่า ดูเอานะตำรวจถามย้อนไปย้อนมา และจะให้ผมตอบอีกยังไง