ช่วง 12.20 น. ของวันนี้ อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ ให้ไปรับผู้ป่วยชายรายหนึ่ง มีอาการป่วยจากการเสพยาเสพติด ภายในแคมป์บ้านพักคนงานก่อสร้าง ริมถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ - ชลบุรี
ต่อมาทราบชื่อ คือนายนิติทัช อายุ 27 ปี เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปรับตัว เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงโทรศัพท์ประสาน ตำรวจ สน.ประเวศ ให้ช่วยนำกำลังตำรวจมาเกลี้ยกล่อมให้ขึ้นรถ แต่ระหว่างกำลังโทรศัพท์อยู่นั้น นายนิติทัช เกิดคลุ้มคลั่ง เอามีดมาฟันเจ้าหน้าที่จนต้องพากันวิ่งหนีออกมา
จากนั้นได้วิ่งถือมีด 2 เล่ม ออกไปบนถนนมอเตอร์เวย์ วิ่งข้ามฝั่งไป-มา แต่ระหว่างที่ ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.ประเวศ นำเหล็กและไม้ง่ามมาเพื่อควบคุมตัว ก็มีคนงานจากโรงงานของรับซื้อเก่า ที่พยายามจะช่วยจับกุม ถูกชายคลุ้มคลั่งแทงเข้าที่หลังเป็นแผลประมาณ 2 ซม. ก่อนวิ่งเข้าไปหลบในบ้านพัก
ทางตำรวจใช้วิธีการเจรจาเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดนายนิติทัช ออกมาจากบ้านพัก ยอมให้ตำรวจเข้าไปควบคุมตัวไว้ได้แต่โดยดี เจ้าหน้าที่จึงนำตัวขึ้นรถกระบะ สน.ประเวศ เพื่อรอให้สงบสติอารมณ์ ก่อนทำการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการรักษาต่อไป โดยรวมใช้เวลาระงับเหตุ 1 ชั่วโมง
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเปิดเผยคลิปตอนที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์ขณะนายนิติทัช อายุ 27 ปี คลุ้มคลั่งซึ่งเจ้าตัวถือมีดสองเล่มเพื่อข่มขู่เจ้าหน้าที่ขณะเข้าปฎิบัติการ ในคลิปจะเห็นนายนิติทัช ชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ขณะปฎิบัติการรวมทั้งมีการกระโดดกระทืบเท้าเตะพุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้างด้วยความไม่พอใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าตัวและติดตามเจ้าตัวตลอดไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนเนื่องจากกลัวคลุ้มคลั่งแล้วทำร้ายคนบริสุทธิ์ที่อยู่ข้างทาง
ผ่านไปสักพัก นายนิติทัชกลับเข้าไปที่บ้านพักเจ้าตัว ในแคมป์คนงาน และวางมีดในบ้านพัก ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง ซึ่งในคลิปจะเห็นท่าทีของนายนิติพัฒน์คล้ายกับฤทธิ์ยาเสพติดอ่อนลงแล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ถ่ายคลิปนี้ปรากฏว่าเจ้าตัวยอมออกมามอบตัว
ด้านนายป้อม อายุ 18 ปี เป็นผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายคลั่ง ซึ่งนายป้อมยังเป็นพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยตำรวจระงับเหตุชายคลั่งแล้วถูกแทงบริเวณแผ่นหลังด้านซ้ายเป็นแผลยาว 2 นิ้ว บาดเจ็บ โดยเจ้าตัวชี้บาดแผลให้ทีมข่าวดูซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยทำแผลให้เรียบร้อยแล้วเพราะบาดแผลไม่ลึกมาก
นายป้อม เล่าว่า ช่วงเที่ยงแม่ของนายนิติทัช ชายคลั่งเดินเข้ามาในร้านขายของเก่าและ ขอร้องความช่วยเหลือให้ไปช่วยจับลูกชายหน่อยเพราะลูกชายกำลังคลั่ง ตนก็ได้ออกไปดูสถานการณ์ เห็นนายนิติทัช ชายคลั่งเดินไปมาและคลั่งอาละวาดยังไม่ถืออาวุธมีด ต่อมามีการโทรแจ้งกู้ภัยและตำรวจ เมื่อตำรวจมาที่เกิดเหตุ ก็เห็นนายนิติทัชเข้าบ้านพักไปหยิลมีดสองเล่มเป็นอาวุธ แล้วเดินไปมาคลั่งอาละวาด คาดว่าไม่พอใจที่ตำรวจจะเข้ามาจับตำเอง ตนจึงร่วมปฏิบัติการกับตำรวจระงับเหตุถือไม้ง่ามเข้าช่วย
ตนก็ถือไม้ง่ามเดินตามนายนิติทัช ซึ่งก่อนตนถูกแทง นายนิติทัชกำลังจะเดินเข้าบ้าน ตนก็เดินตามกระชั้นชิดพร้อมถือไม้ง่าม แล้วจู่ๆนายนิติทัชหยุดเดิน ตนที่ตามมาเลยรีบเอาไม้ง่ามแทงเจ้าตัว แต่กลายเป็นว่า นายนิติทัชเอามีดเข้าที่แผ่นหลังด้านซ้ายตนลักษณะเอี้ยวตัวมาแล้วมีดมาถูกตน ชี้รู้แค่นายนิติทัชเป็นชาวบ้านแถวนี้ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
ที่ผ่านมานายนิติทัชคลั่งบ่อยแต่มีลักษณะไม่รุนแรงไม่มีอาวุธ มีแค่เต้นอยู่คนเดียวริมถนน หรือเตะลูกบอล เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่รุนแรง ซึ่งตอนยังทราบอีกว่านายนิติพัฒน์เคยทำงานอยู่ที่โกดังขายของเก่าที่ตนทำงานอยู่และถูกไล่ออกจากที่ทำงานเมื่อประมาณสองเดือนก่อน แต่ไม่ทราบสาเหตุที่ถูกไล่ออก
ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ร้านขายของเก่าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากแคมป์คนงานที่ทางนายนิติทัชพักอาศัยอยู่เพียงแค่ 100 เมตร / เราพบกับนายโน้ต (นามสมมติ) เจ้าของร้านขายของเก่า และยังเป็นเจ้านายเก่าของชายคลั่งที่ก่อเหตุ อีกทั้งนายโน้ตยังเป็นพลเมืองดีที่ช่วยตำรวจควบคุมสถานการณ์ในครั้งนี้อีกด้วย
เล่าให้ฟังว่า นายนิติทัชเคยเป็นลูกน้องเก่าตน แต่เพิ่งถูกไล่ออกเมื่อ 2 เดือนก่อน เริ่มแรกแม่ของเจ้าตัวพามาสมัครงานกับตน ท่าทางเหมือนคนปกติทั่วไป ตนก็ถามเสพยาเสพติดหรือไม่ซึ่งนายนิติทัชก็ยืนยันว่าไม่ได้เสพยาเสพติดและไม่มีพฤติกรรมกินเหล้า ตนก็เลยรับเข้าทำงาน
เริ่มแรกก็ทำงานก็เหมือนคนงานทั่วไปทำงานใช้ได้แต่ไม่เต็มร้อย แต่มีพฤติกรรมเพี้ยนช่วงหลัง ลักษณะเหม่อลอยพูดคนเดียว เห็นท่าไม่ดีเลยบอกให้พักงานไปก่อนจากนั้นก็ไล่ออกเลย หลังจากเจ้าตัวออกจากงานได้ประมาณ 2 เดือน ก็มีพฤติกรรมที่แปลกเข้าไปอีกคือเดินไปเดินมาคนเดียว ยืนเตะแล้วก็อากาศเพียงคนเดียวแล้วบอกคนอื่นว่ากำลังเล่นฟุตบอลอยู่ แล้วยืนมองเสาไฟ
จนตนเองต้องเดินเข้าไปที่แคมป์คนงานพูดคุยกับแม่ผู้ก่อเหตุเมื่อ 4-5 วันก่อนก่อเหตุ ก็บอกว่า “แม่พาน้องเขาไปรักษาหน่อย ปล่อยไว้กลัวว่าจะอันตราย ถ้าคลั่งแล้วฆ่าคนจะอันตราย” ตอนนั้นก็เจอกับนายนิติทัชแต่นายนิติทัชคล้ายกับหลอนแล้วจำตนไม่ได้ แล้วกลายเป็นวันนี้แม่นายนิติทัชเชื่อตน ก็โทรแจ้งกู้ภัยแล้วเข้าแจ้งความตำรวจจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วันนี้
ซึ่งแม่ของผู้ก่อเหตุก็ยังเล่าให้ฟังอีกว่าลูกชายมีเมียซึ่งลูกชายกับเมียก็เสพยาเสพติดด้วยกันบ่อย บางครั้งก็ทะเลาะกันเอง
เราได้พูดคุยกับนางจำปีแม่ผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนเป็นคนเรียกกู้ชีพมารับตัวลูกชาย หวังให้ลูกชายหายจากอาการคลั่งยา หลังเสพมานานกว่า 10 ปี อาการล่าสุดคล้ายคนบ้า แต่พอประสานกู้ชีพมาลูกชายกลับไม่ยอม เดินกลับเข้าไปภายในห้องครัวก่อนที่จะไป หยิบมีดทำอาหารตั้งอยู่ในห้องครัวมาไล่ฟัน เนื่องจากไม่พอใจ ที่จะมีคนนำตัวเขาไปที่อื่น
ส่วนสาเหตุต้องยอมรับว่า มาจากอาการที่ลูกชายเสพยาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนกระทั่งตอนนี้ลูกชายก็อายุครบ 27 ปี เคยคลุ้มคลั่งและถูกจับดำเนินคดีมาแล้วหลายรอบจนนับครั้งไม่ได้ ที่ผ่านมาลูกเองเคยพักอาศัยอาศัยอยู่กับทางภรรยาและทั้งคู่ก็ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนถึงขั้นที่ทะเลาะกันเนื่องจากแบ่งสันปันส่วนเกี่ยวกับเรื่องของการเสพยาติดไม่ลงตัว ตนเลยให้ลูกชายแยกกันอยู่กับทางภรรยา เพราะหากทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ชวนกันเล่นยา จนไม่ได้ดูแลลูกวัย 1 ขวบ
ย้อนกลับไปในอดีตตัวเองและคนในครอบครัว พยายามที่จะคอยห้ามและเตือนไม่ให้ลูกไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตลอด แต่ลูกเองก็กลับไม่ฟัง และมักจะไปแอบเล่นอยู่บ่อยครั้ง ช่วงที่ผ่านมาก็พยายามให้ลูกไปทำงาน พอทำได้สักพักเขาก็ไม่ทน ต้องออกจากงานบ้างก็โดนไล่ออก
ก่อนหน้านี้ลูกมีแค่คลุ้มคลั่งกับภรรยา และเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่เคยทำร้ายตนหรือคนในครอบครัวมาก่อน หากเขาเสพยาก็จะคุยคนเดียว ออกมาเดินเล่นหน้าถนน เต้นอยู่ริมถนน ตนเลยห่วงว่าหากปล่อยไว้นานจะทำให้เขาเป็นบ้า