กรณีเหตุบริเวณร้านข้าวต้ม เมื่อคืนนี้ 29 ก.ค. เวลา 02.18 น. ที่ซอยเทพกุญชร 42 ตำบล คลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง ปทุมธานี หลังจากรับแจ้งมีผู้เสียชีวิตถูกยิง จากการตรวจสอบพบศพนายสุรัตน์ หรือบังแอร์ อายุ 40 ปี ถูกยิงเข้าที่แก้มขวา 1 นัด นอนจมกองเลือดอยู่บริเวณโต๊ะหินอ่อนของร้าน และเบื้องต้นจากการสอบพยาน เพื่อนในกลุ่มให้การตรงกัน ว่าเป็นการสางแค้นปมเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน และหลังจากที่ตำรวจมีการออกหมายจับ ปรากฏว่าเมื่อช่วงสายวันนี้ นายนันทวัฒน์ หรือป้อม อายุ 47 ปี ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายสุรัตน์ หรือบังแอร์ ได้ติดต่อขอมอบตัวกับชุดสืบสวน สภ. คลองหลวง ก่อนที่จะถูกคุมตัวมาที่โรงพักโรงนั้น
วันนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 14:00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจได้มีการคุมตัวนายนันทวัฒน์ หรือป้อม ฮาเล่ย์ มือปืน ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ จุดเดียว คือบริเวณร้านข้าวต้มที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนที่พาผู้ต้องหาไปนั้นไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า ไม่ได้มีการแจ้งทางร้าน และไม่ได้มีการแจ้งให้ใครทราบ เพราะเนื่องจากบ้านของบังแอร์คนตายอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ หากมีการแจ้งล่วงหน้ากลัวว่าจะเกิดการรุมประชาทัณฑ์หรือการทำแผนไม่สำเร็จ จึงรีบพาตัวผู้ต้องหาออกจากโรงพักและไปชี้จุด โดยการทำแผนนั้นตัวของนายป้อมไม่ได้มีการพูดอะไรมาก ตอบแต่ประเด็นที่ตำรวจถาม โดยเฉพาะจุดยิง จุดที่ยืนมองแล้วเห็นคนตายนั่งอยู่ พร้อมกับเดินข้ามถนนไปยังจุดที่จอดรถ ยืนอยู่กับสาวคาราโอเกะก่อนไปเอาปืนมายิง ซึ่งการใช้เวลาทำแผนนั้นไม่ถึง 5 นาที ก็คุมตัวขึ้นรถเพื่อกลับโรงพัก
และภายหลังทำแผนเสร็จแล้ว ได้มีการคุมตัวขึ้นรถออกจากที่เกิดเหตุเพื่อกลับไปที่โรงพัก ไปสอบสวนและบันทึกสำนวนต่อภายในห้องสืบสวน โดยมีรายงานว่าทางชุดสืบสวนได้ให้พนักงานสอบสวนลงมาสอบที่ห้อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการพาตัวออกจากห้องสืบขึ้นไปข้างบน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสื่อ ซึ่งเป็นคำสั่งของนายป้อมมือปืน ต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่อยากให้ถูกบันทึกภาพ ระหว่างที่ลงจากรถและเข้าไปสอบส่วนเพิ่มเติมนั้น นายป้อมยังย้ำคำเดิมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้ตนเองโมโห เกิดจากประเด็นเดียว “เคยถูกคนตายตีหัว ไม่เคารพ แถมยังไม่ขอโทษ” และแม้ว่าผู้สื่อข่าวถามถึงผู้หญิงต้นเหตุ ตัวของนายป้อมก็ไม่ได้ตอบคำถามอะไรเดินเข้าไปภายในห้องสืบสวน
และนอกจากนี้ ทีมขายยังติดตามความคืบหน้า โดยตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม หลังจากทราบว่า ในคืนเกิดเหตุ 29 ก.ค. ช่วงเวลาหลัง 02:28 น. ยิงบังแอร์เสียชีวิตที่ร้านข้าวต้มแล้ว ตัวของนายป้อมหรือนายนันทวัฒน์ มือปืน ได้ขี่รถมอเตอร์ไซต์กลับมาที่บ้านเพื่อที่จะเอาจอดทิ้งเอาไว้ เนื่องจากทราบว่า รถคันดังกล่าว ไม่ใช่รถของเจ้าตัว แต่ยืมของเพื่อนมาใช้ จึงไม่ได้ขับหลบหนี เอามาจอดพร้อมกับกุญแจไว้ที่บ้าน ภายในซอยเทพกุญชร 40/2 และหลังจากที่มีการจอดรถทิ้งเอาไว้แล้ว ได้มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออำพราง ก่อนที่จะเดินออกซอยเพื่อหลบหนี โดยมีรายงานว่ามีรถคนรู้จักพาออกจากพื้นที่
โดยมีกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม วันเดียวกัน 29 ก.ค. เวลา 20.29น. (เวลากล้องช้า) จับภาพรถมอเตอร์ไซต์ของนายป้อมขับมุ่งหน้ากลับบ้าน
และมี กล้องวงจรปิดจับ แสงไฟรถมอเตอร์ไซต์ของนายป้อมหรือนายนันทวัฒน์ ขับเข้ามาภายในซอยหลังก่อเหตุยิง และมีการดับไฟหน้ารถ เพื่อจอดรถทิ้งเอาไว้ ก่อนที่จะหนี วันที่ 29 กค เวลา 02.29น.
จากนั้น,ภาพจากกล้องวงจรปิดคืนเดียวกัน 29 ก.ค. เวลาประมาณ 02.53 น. (เวลากล้องไม่ตรง เร็วไป 25 นาที) จับภาพของนายป้อม เดินออกจากซอยเพื่อเลียบกับถนน ก่อนทราบจากชุดสืบสวนว่าหลังจากนั้นจะมีรถต้องสงสัยมารับพาออกไป แต่ยังไม่ได้ระบุว่าใครเป็นคนพาหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นคนเดิน
ก่อนจะเห็นรถกระบะ ที่มีการขับสวนออกไป ตามที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่ามีกระบะนิสสัน เป็นคนพาหลบหนีออกจากพื้นที่ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพต่อหลังจากนั้นว่ามีรถกระบะนิสสันขับสวนออกมาจริง
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ ว่ามีรถกระบะนิสสันมีการขับสวนออกมา ตามช่วงเวลาที่เห็นว่านายป้อมหลบหนี จึงทำให้กลายเป็นรถต้องสงสัยเมื่อวาน แต่สุดท้ายตำรวจมีการเรียกสอบแล้ว พบว่าเป็นเพียงแค่รถที่ผ่านเข้ามาในซอยแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการพาหลบหนี
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปเจอกับนางมะลิ (นามสมมติ) แม่ยายของบังแอร์คนตาย ในฐานะแม่ของภรรยาของบัง ซึ่งลูกสาวถูกกล่าวหาว่าเป็นชนวนเหตุ ที่ไปมีเรื่องกับนายป้อม ก่อนที่บังแอร์จะไปเคลียร์แทน และมีการตบหัวกันเมื่อประมาณ 2-3ปีก่อน จนเป็นชนวนเหตุทำให้เผชิญหน้ากันที่ร้านข้าวต้มแล้วถูกยิงตาย นั้น
ด้านนางมะลิ ในฐานะแม่ยายของภรรยาบังแอร์ ส่งแชตให้ทีมข่าวช่องแปดดู โดยเป็นแชตข้อความ ที่มีการพูดคุยระหว่างนางสาวอัง ลูกสาวของนางมะลิ กับนางสาวอ้อม หญิงปริศนาต้นเรื่อง ที่ทำให้บังแอร์กับนายป้อมทะเลาะกันจนเป็นเหตุทำให้ยิงกันตาย
โดยแชตดังกล่าวหลังเกิดเหตุ จะมีการพูดคุยกันระหว่างนางสาวอัง ภรรยาของบังแอร์ กับนางสาวอ้อมหญิงปริศนา ซึ่งมีข้อความระบุว่า “ เราเสียใจด้วยนะ เมื่อเหตุการณ์ 5–6 ปี ก่อน ที่ตัวของนายป้อมไปมีเรื่องกับบังแอร์ ไม่คิดว่าเค้าจะแค้นขนาดนั้น และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นชนวนเหตุที่เรียกให้บังแอร์ออกจากบ้าน จนทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกัน ตบหัวกัน แต่เข้าใจว่าเรื่องวันนั้นน่าจะจบลงได้ด้วยดีแล้ว ไม่คิดว่าจะบานปลายแล้วแค้นสะสมมาแบบนี้ ตนเองขอโทษที่เป็นต้นเหตุ และขอโทษ และเสียใจ “
นางมะลิ บอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางสาวอังลูกสาวของตนเองเลย เพราะเนื่องจากคนที่เป็นต้นเหตุคือสาวคาราโอเกะที่ชื่อนางสาวอ้อม โดยผู้หญิงคนนั้นดังกล่าวเป็นคนที่บังแอร์ไปติดพันตอนออกไปเที่ยว แต่ลูกสาวก็ได้ตกลงแล้วว่าห้ามคบหาหรือคิดมากเกินกว่าออกไปเที่ยว แต่หลังจากนั้นปรากฏว่า ตัวของนางสาวอ้อม ดันไปรู้จักกับนายป้อมอีกคน แล้วกลายเป็นชอบคนเดียวกัน จึงทำให้มีการแย่งนางสาวอ้อม ซึ่งเป็นหญิงสวยในคาราโอเกะ จนเป็นเหตุทำให้ทั้งคู่มีเรื่องกัน และในวันที่นางสาวอ้อมมีเรื่องกับนายป้อม ได้มีการเรียกให้บังแอร์ออกไปเคลียร์ แต่เมื่อออกไปกับกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้มีการตบหัวกันเกิดขึ้น และทำให้ทั้งคู่ไม่กินเส้นกันอีก จนกระทั่งคืนวันที่ 29 กค คืนวันเกิดเหตุ มาเผชิญหน้ากันจึงทำให้ถูกยิงตาย ดังนั้นคนที่เป็นต้นเหตุทำให้บังแอร์ตายคือสาวคาราโอเกะที่ชื่ออ้อม ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางสาวอัง ลูกสาวของตนเองที่เป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกด้วยกัน2คน
โดยรวมเหตุเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับสาวคาราโอเกะคือนางสาวอ้อม กับนายป้อม ที่เป็นจุดเริ่มต้น ของการที่ทำให้บังแอร์ถูกยิงตาย และไม่คิดด้วยซ้ำว่าเรื่องเล็กน้อยจะกลายเป็นบานปลายใหญ่โตแบบนี้ เพราะส่วนตัวก็รู้สึกสงสารลูกสาว ที่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นหญิงที่ทำให้บังแอร์ตาย ทั้งที่ลูกสาวไม่ได้เกี่ยวข้องและเป็นชนวนเหตุ แต่คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงคือสาวคาราโอเกะ ที่ไม่ยอมเลือกใครซักคน จนเป็นเหตุทำให้ผู้ชายต้องทะเลาะกัน
และในวันที่มีเรื่อง เป็นวันที่นายป้อมมือปืนกับบังแอร์ทะเลาะกัน เพียงเพราะปมชอบสาวคาราโอเกะคือนางนางสาวอ้อมคนเดียวกัน แต่จำเป็นต้องเลือกว่าจะเอาใคร ซึ่งสาวคาราโอเกะดันเลือกบังแอร์ เพราะเนื่องจากรวยกว่า มีฐานะกว่า หน้าตาดีกว่า จึงทำให้ตัวของนายป้อมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตาม ตามมีเรื่อง จนเป็นเหตุต้องเคลียร์กันและตบหัวกันเกิดขึ้น