จากกรณีช่วงเวลา 04.18 น. เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา นางสาวเดียร์ (นามสมมติ) อายุ 28 ปี ผู้เสียหายได้ไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง ย่าน RCA กับเพื่อน โดยหลังจากผับเลิก ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในอาการมึนเมา และกำลังจะเดินทางกลับได้มานั่งอยู่ที่บริเวณม้านั่งตรงบันไดทางลงลานจอดรถใต้ดิน RCA เพื่อรอแฟนมารับ ต่อมาได้มีชายไม่ทราบชื่อ ลักษณะเป็นชาวต่างชาติคล้ายคนญี่ปุ่น เข้ามาลวนลามและอุ้มผู้เสียหายขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปโรงแรม แต่ไม่สำเร็จ ผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปแจ้งความ ที่ สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีผู้ก่อเหตุต่อไป
ต่อมา หลังจากรับแจ้ง พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน สั่งให้ พ.ต.ท.ธนาธิป จิตราคนี รอง ผกก.สืบสวน เร่งติดตามชายตามกล้องวงจรปิด โดยต้องใช้เวลาไล่กล้องตามแท็กซี่สอบพยานเพื่อหาตัว ชายผู้ก่อเหตุลวนลาม 3 วัน จนสามารถเจอตัว จากที่พักคอนโด ซอยสุขุมวิท26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 21.50 น. จึงเชิญตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ทราบชื่อภายหลัง คือ Mr. NISHIMURA อายุ 27 ปี สัญชาติญี่ปุ่น โดยจากการสอบปากคำเบื้องต้น Mr. NISHIMURA เป็นบุคคลคนเดียวกันตามที่ผู้เสียหายได้แจ้ง และผู้ก่อเหตุได้ก่อเหตุตามที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้จริง เพราะเข้าใจว่าสมัครใจกันไปต่อ จึงอุ้มขึ้นรถแท็กซี่แต่ฝ่ายหญิงไม่ยินยอม จึงให้ลงรถตรงหน้าผับใน RCA
ล่าสุดวันนี้ (1 ส.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้โทรสอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน พบว่า เมื่อคืนช่วงเวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา ได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ และทางด้าน นางสาวเดียร์ ผู้เสียหาย ได้เข้ามาชี้ตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันที่ผู้เสียหายได้แจ้ง โดยจากการสอบถามพูดคุยผู้ก่อเหตุอ้าง ผู้นึกว่าผู้เสียหายยินยอมจึงอุ้มขึ้นแท็กซี่ไป ทั้งนี้ได้มีการพูดคุยไกล่เกลี่ย แต่ทางผู้เสียหายยืนยันจะเอาผิดทางผู้ก่อเหตุ โดยไม่สามารถตกลงกันได้ลงตัว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา Mr. NISHIMURA ผู้ก่อเหตุชาวญี่ปุ่น ข้อหา อนาจารกระทำชำเราผู้อื่นโดยเจตนา และกักขังหน่วงเหนี่ยว ต่อมาในช่วงเช้าของวันนี้ ที่ผ่านมา ด้านเพื่อนของผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาประกันตัวผู้ก่อเหตุ โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 50,000 บาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเตรียมทำสำนวนส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง ต.คลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยไปพูดคุย กับ นายแมน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี แฟนของผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงประมาณ 23.00 น. ตำรวจได้โทร. มาแจ้งตนว่าเจอตัว คนก่อเหตุแล้ว โดยได้มีการเชิญมาสอบปากคำที่โรงพัก และอยากให้ทางด้านผู้เสียหายไปชี้ตัวคนก่อเหตุและพูดคุยเพื่อดำเนินการ หลังจากนั้นตนเมื่อเดินทางไปถึงโรงพักและได้มีการพบหน้ากับผู้ก่อเหตุ ทางด้านผู้ก่อเหตุรีบยกมือไหว้ขอโทษตนและแฟนสาวผู้เสียหาย ตนจึงได้เข้าไปสอบถามผู้ก่อเหตุทำเช่นนี้ทำไม ซึ่งทางด้านผู้ก่อเหตุรีบปฏิเสธและบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด อ้างเห็นผู้เสียหายอยู่ในอาการมึนเมาจึงต้องการพาไปพักในที่ปลอดภัย ส่วนประเด็นการลวนลามก่อนที่จะขึ้นรถแท็กซี่ ด้านผู้ก่อเหตุอ้างจำเหตุเหตุการณ์ไม่ได้ เพราะอยู่ในอาการมึนเมาเช่นกัน
จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามประเด็นทางด้านผู้ก่อเหตุได้ยืนยันหรือไม่ว่าเป็นคนทำ โดยทางด้าน นายแมน เล่าต่ออีกว่า ด้านผู้ก่อเหตุพูดวนซ้ำไปมา ว่าจำไม่ได้ แต่ยอมรับว่ามีเอามือไปจับที่ก้นเท่านั้น ซึ่งตนและแฟนสาวไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่ผู้ก่อเหตุกล่าวอ้าง ด้วยลักษณะผู้ก่อเหตุมีสีหน้าที่เรียบเฉยและไม่สลด เบื้องต้น จึงมีการสรุปให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการโดยแจ้งข้อหาอนาจาร และกักขังหน่วงเหนี่ยวทางผู้ก่อเหตุ และดำเนินการตามกฎหมายเพื่อส่งเรื่องให้อัยการเปิดเป็นคดีความต่อไป
ส่วนประเด็นที่ทางผู้ต้องหาได้มีการประกันตัวไปในในช่วงเช้า ตนทราบตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องจากมีการไกล่เกลี่ยไม่ลงตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้ามาแนะนำขั้นตอนการดำเนินการ ตามกระบวนการตามกฏหมาย ซึ่งลักษณะนี้ทางผู้ก่อเหตุจะถูกยึดพาสปอร์ต ถูกแจ้งชื่อไปยัง ตม. และมีการวางเงินประกัน จำนวน 50,000 บาท ซึ่งผู้ประกันเป็นคนที่มาด้วยกัน เพราะผู้ต้องหาเดินทางมาพร้อมกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่พูดไทยได้เล็กน้อย 1 คน และล่ามแปลภาษาไทยอีก 1 คน ขณะเดียวกัน ตนทราบข้อมูลมาว่าทางผู้ก่อเหตุพักอยู่สุขุมวิท 26 และประกอบอาชีพเป็นเชฟที่ร้านอาหารร้านญี่ปุ่น มาได้ประมาณ 3 เดือนแล้ว
ส่วนประเด็นความกังวล ตนคิดว่า ผู้ต้องหาไม่น่าจะหลบได้เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะถูกยึดพาสปอร์ตและส่งชื่อไปที่ ตม.แล้ว เพื่อไม่ให้หลบหนีไปยังนอกประเทศ และมีการวางเงินอยู่ที่จำนวน 50,000 บาทเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งประเด็นในวันเกิดเหตุ แฟนสาวของตนได้ไปเที่ยวผับที่อาร์ซีเอร่วมกับเพื่อนอีกสามคน โดยเป็นคนประเทศจีนที่เดินทางกลับก่อนตั้งแต่ช่วง เวลา 04.00 น. ซึ่งขณะนี้ได้เดินทางกลับประประเทศไปแล้ว เบื้องต้นทางเพื่อนก็ได้โทร. มาสอบถามทางด้านผู้เสียหาย ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นเพราะเป็นห่วงเช่นกัน
ส่วนสภาพจิตใจแฟนของตนล่าสุด หลังจากเมื่อเมื่อคืนที่ได้ไปเจอกับทางด้านผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวก็ได้ในส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และส่วนทางด้านผู้ก่อเหตุก็เล่า เช่นกัน แต่ไม่เป็นความจริง โดยแฟนของตนรู้สึกโกรธมาก จนหน้าแดงและร้องไห้ออกมา และสำหรับตน รู้สึกว่าทางผู้ก่อเหตุไม่แมนพอที่จะยอมรับที่ทำผิดไป แต่กลับอ้างด้วยเหตุผลว่าจำไม่ได้ ตนจึงรู้สึกโกรธในส่วนตรงนี้ ส่วนความคืบหน้าของคดีตนก็หวังว่าผู้ก่อเหตุ จะได้รับโทษจำคุกและผลักดันออกนอกประเทศ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.มักกะสัน ซึ่งเป็นการทำงานที่ไวมาก หลังจากที่ได้มีการไปแจ้งความ ก็ต้องขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้อง