วันที่ 2 สิงหาคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ “นางสาวชลดา คงดำ” หรือ ตอง อายุ 25 ปี โดยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (คืนวันที่ 2 เข้าวันที่ 3) นางสาวชลดาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี จากอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์เสียหลักล้มลงข้างทาง ริมถนนสาธารณะเส้นทางนิคม-บ้านดงน้อย หน้าหมู่บ้านเข็มทอง หมู่ที่ 2 ตำบลกกโก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โดยอาการบาดเจ็บเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลฉีกขาดที่หางตาขวา ใบหน้าขวามีการถลอก ซึ่งทางการแพทย์ตรวจไม่พบอาการบาดเจ็บรุนแรง
แต่ทว่านางสาวชลดานั้น มีอาการทรุดหนักขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และท้ายที่สุดนางสาวชลดาก็ได้เสียชีวิตในเวลา 04.27 น. ของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ โดยเรื่องนี้ทางแพทย์ก็ได้เห็นถึงความผิดปกติ และคิดว่านางสาวชลดาอาจโดนวางยาไซยาไนด์ จึงตัดสินใจนำศพของนางสาวชลดาส่งผ่าพิสูจน์กับทางนิติเวช ปรากฏว่าในวันที่ 9 เมษายน รายงานผลตรวจชันสูตรศพพบว่า “การตรวจทางนิติพิษวิทยาจากเลือดและกระเพาะอาหารพบยาในกลุ่มยาพิษ ได้แก่ ไซยาไนด์”
และหลังจากที่นางสาวชลดาเสียชีวิต ก็ได้มีเรื่องของการยื่นขอเงินประกัน เรื่องราวจึงเริ่มมีประเด็นเพราะนางสาวชลดาเพิ่งทำประกันได้เพียง 1 วัน (ทำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567) และวันต่อมานางสาวชลดาก็เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยการทำประกันครั้งนี้ได้ทำผ่านช่องทางออนไลน์ มีวงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาท โดยผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากประกัน ได้แก่ นาย ป. ซึ่งเป็นเพื่อนของนางสาวชลดา โดยข้อมูลเบื้องต้น นาย ป. ได้แจ้งกับทางประกันว่าตัวเองนั้นเป็นแฟนหนุ่มของนางสาวชลดา ทั้งสองอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน เพียงแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน และจากการตรวจสอบก็พบว่ารายชื่อของนางสาวชลดานั้นได้ถูกโอนย้ายเข้ามาที่บ้านของ นาย ป. เมื่อกลางเดือนมกราคม 2567
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปยังตำบลป่าตาล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เพื่อเข้าไปพูดคุยกับญาติของนางสาวชลดา (ผู้เสียชีวิต) โดยทางครอบครัวนั้นไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เนื่องจากผู้เป็นพ่อของนางสาวชลดาป่วยอัมพฤกษ์เส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนทางด้านย่ามีอายุมากกว่า 82 ปีแล้ว และทางปู่มีอายุมากกว่า 92 ปี โดยที่ทั้ง 3 คนนั้นไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์เพราะบอกว่าไม่รู้เรื่อง และแม่ของนางสาวชลดาก็ได้หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ลูกเพิ่งอายุได้เพียง 2 ขวบ
จากนั้นทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่ประสบอุบัติเหตุของนางสาวชลดา บริเวณริมถนนสาธารณะเส้นทางนิคม-บ้านดงน้อย หมู่ที่ 2 ตำบลกกโก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งพบว่าจุดดังกล่าวนั้นเป็นลานดินทรายที่ไม่ได้มีต้นไม้ใหญ่ และไม่ใช่เส้นทางขรุขระอะไร
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้รับคลิปในคืนที่นางสาวชลดาประสบอุบัติเหตุ โดยรถมอเตอร์ไซค์คันที่ประสบเหตุคือรถ Zoomer X สีส้ม ซึ่งในคลิปแรกความยาว 1 นาที จะเป็นภาพนาทีที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ และกำลังเร่งปฐมพยาบาลช่วยเหลือนางสาวชลดา ซึ่งนางสาวชลดาเองก็ได้นอนหมดสติแล้ว จากนั้นเป็นคลิปตัวที่สองความยาว 52 วินาที จะเป็นภาพนาทีที่เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวนางสาวชลดาขึ้นเตียงเปล โดยจะเห็นว่าในช่วงนี้ได้มี นาย ป. เข้ามาอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว
ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจเฟซบุ๊กของ นาย ป. พบว่ามีการโพสต์รูปภาพและเรื่องราวการเสียชีวิตของนางสาวชลดา โดยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 มีการโพสต์รูปภาพตารางกำหนดการสวดอภิธรรมศพของนางสาวชลดา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2567
จากนั้นในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 มีการโพสต์ภาพบรรยากาศงานศพของนางสาวชลดา ที่มีการจัดตั้งอยู่ที่วัดป่าหวายทุ่ง ตำบลป่าตาล อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี จากนั้นในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ได้มีการโพสต์ภาพการเก็บเถ้ากระดูกจากเตาเผา โดยที่ นาย ป. เองก็ได้เข้าไปร่วมเก็บกระดูกของนางสาวชลดาด้วยเช่นกัน
จากนั้นในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการโพสต์ภาพตอนทำบุญ 7 วันให้กับนางสาวชลดา โดยที่ นาย ป. นั้นเป็นผู้ที่จัดเตรียมของทำบุญด้วยตัวเอง และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 ได้มีการโพสต์ภาพการนิมนต์พระไปสวดตรงบริเวณจุดเกิดเหตุที่นางสาวชลดาประสบอุบัติเหตุพร้อมข้อความว่า “กลับบ้านเรากันนะ”
ทีมข่าวได้พบกับ นายรักเขต อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า ในคืนนั้นตนก็นั่งกินข้าวอยู่บริเวณหน้าร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งก็เหลือลูกค้าอยู่อีก 1 โต๊ะ เวลาประมาณเที่ยงคืนลูกค้าก็ได้ตะโกนบอกตนว่ามีคนรถมอเตอร์ไซค์ล้ม โดยเล่าว่าผู้ขับขี่ก็ขับรถมาตามถนนปกติ แต่จู่ ๆ ก็มีการหันรถข้ามเลนแล้วก็พุ่งเข้าใส่พุ่มไม้ทันที ยืนยันว่าไม่มีสุนัขตัดหน้าและก็ไม่ได้มีรถคันอื่นสวนไป ตนและลูกค้าจึงได้วิ่งไปดูอาการผู้ขับขี่ ตอนนั้นก็เห็นว่าเป็นผู้หญิงมาเพียงคนเดียว อยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าไม่ได้สติ ตนจึงได้โทร. แจ้ง 1669 ให้เข้ามาช่วยเหลือ
และหลังจากนั้นประมาณ 15 นาที เพื่อนของผู้ประสบเหตุก็ได้ขับรถยนต์ตามมา โดยไม่แน่ใจว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเพราะท่าทางดูเหมือนทอม ซึ่งเพื่อนของผู้ประสบเหตุก็บอกตนว่า “นางสาวชลดานั้นเพิ่งจะกลับจากกินข้าวที่บ้านของยาย เพื่อนจึงขับรถตามมาดูว่านางสาวชลดากลับถึงบ้านปลอดภัยหรือเปล่า แต่นางสาวชลดานั้นมีนิสัยที่ชอบเล่นโทรศัพท์ตอนขับรถ จึงน่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ” โดยนายรักเขตได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ จนเช้าวันต่อมาก็ได้ทราบข่าวว่าหญิงผู้ประสบเหตุคนดังกล่าว ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้เช็กเฟซบุ๊กของนางสาวชลดา พบว่าก่อนจะเสียชีวิต เจ้าตัวได้โพสต์พรรณนาเรื่องที่ตัวเองทะเลาะกับสามี และพบว่าโพสต์ดังกล่าวนางสาวชลดาได้ลงวันที่ไว้เป็นวันที่ 15 ม.ค. 2567หลังจากนั้น 17 ม.ค. เจ้าตัวได้ย้ายไปอยู่กับ นาย ป. ก่อนจะเป็นไปตามไทม์ไลน์ คือ 1 ก.พ. มีการทำประกันออนไลน์ และวันที่ 2 ก.พ. 2567 ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตดังกล่าว
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ทีมข่าวได้ติดต่อไปสอบถามญาติของ นางสาวชลดาได้ข้อมูลว่า นางสาวชลดานั้นย้ายออกไปอยู่นอกบ้านนานหลายปีแล้ว โดยนางสาวชลดาได้ออกไปมีสามีและมีลูก 1 คน ที่ผ่านมาชลดาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านและไม่ค่อยติดต่อมาที่บ้านเลย คือต่างคนก็ต่างอยู่กันไป จนกระทั่งวันที่นางสาวชลดาเสียชีวิต นาย ป. ก็ได้โทรศัพท์มาแจ้งข่าวกับครอบครัว ซึ่งทางครอบครัวก็ได้รับศพนางสาวชลดากลับมาบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดใกล้บ้าน จากนั้นก็ทำการฌาปนกิจตามปกติเพราะเชื่อว่านางสาวชลดาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
และหลังจากนั้นก็มีบริษัทประกันติดต่อมาสอบถามข้อมูล แต่ทางครอบครัวนั้นก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นผู้รับผลประโยชน์ จึงไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันต่อกับทางประกัน และเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ ทางตำรวจก็ได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีการพบสารไซยาไนด์ในร่างกายของนางสาวชลดา ตนก็บอกกับตำรวจไปว่าไม่ได้ติดใจหรือสงสัยใคร เนื่องจากคนรอบข้างก็มีแต่มิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ซึ่งตำรวจจะดำเนินการอย่างไรต่อก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ เพราะทางครอบครัวก็ไม่ได้รู้สึกติดใจหรือสงสัยใครเลย