วิบากกรรม "ก้าวไกล" ยังไม่จบ "เรืองไกร" จี้ "ป.ป.ช." รีบเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาฟัน 44 สส.ลงชื่อเสนอแก้ม.112 เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งหนังสือ ด่วนที่สุด ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. รีบดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจด้วยการขอคัดสำเนาคำวินิจฉัย และเอกสารในสำนวนคดีทั้งสองจากศาลรัฐธรรมนูญ เป็นพยานหลักฐานในสำนวนไต่สวนของ ป.ป.ช. ในคดีที่เคยยื่นให้ตรวจสอบ 44 สส.ของพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ หลังร่วมกันเข้าชื่อเสนอแก้ไข มาตรา 112 พร้อมขอให้รีบ ดำเนินการตามมาตรา 235 วรรคหนึ่ง ประกอบนัยมาตรา 234 วรรคหนึ่ง (1) รีบส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ต่อไป
นายเรืองไกร ยังกล่าวอีกว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 133 วรรคหนึ่ง (2) บัญญัติว่า การเสนอร่างพระราชบัญญัติ จะต้องมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมกันเข้าชื่อไม่น้อยกว่ายี่สิบคน
ดังนั้น การร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ดังกล่าว จึงมิใช่การกระทำโดยลำพังเฉพาะตัว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละคนแต่อย่างใด การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 44 คน ที่ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว กรณี จึงควรต้องร่วมกันรับผิดตามมาตรฐานทางจริยธรรมในคราวเดียวกันไปพร้อมๆ กัน
และด้วยผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 3/2567 และตามคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ซึ่งใช้ระบบไต่สวน และมีผลในวันอ่านข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้ว ย่อมเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพัน ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช. หาจำต้องไต่สวนข้อเท็จจริงใหม่แต่อย่างใด