เปิดใจ"เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" รับไม้ต่อ"พิธา-ธนาธร" ภารกิจหนักอึ้งในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติสั่งยุบพรรคก้าวไกล ปิดฉากเส้นทางการเมืองของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงกรรมการบริหารพรรค จำนวน 11 คน เป็นเวลา 10 ปี
ทำให้หลายฝ่ายต่างจับจ้องว่าใคร! จะขึ้นมาเป็นผู้นำอุดมการณ์คนต่อไป ซึ่งไม่ถึง 48 ชั่วโมง ชื่อของ "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" ชื่อเช่น "เท้ง" ผุดขึ้นมาโดดเด่นทำให้แสงสปอร์ตไลท์ สาดส่องมาที่เขาในทันที กับตำแหน่งหัวหน้า "พรรคประชาชน"
นายณัฐพงษ์ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับช่อง 8 โดยเปิดเผยความรู้สึกเป็นที่แรกว่า เขารู้สึกช็อกและมีคำถามในใจมากมายว่า "จริงเหรอ" หลังรู้ว่าเพื่อน สส.เลือกให้เขานำทัพต่อไป ซึ่งต้องขอบคุณที่ทุกคนที่เชื่อมั่นและพร้อมสนับสนุน ทำให้มั่นใจว่า "เราเป็นได้" และคิดว่าคนที่จะเป็นหัวหน้าพรรค และเป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯไม่มีใครเป็นได้แค่ตัวคนเดียว ต้องมีทีมงานคอยให้การสนับสนุนด้วย
ณัฐพงษ์ ยอมรับว่า เมื่อรู้ว่าต้องรับไม้ต่อจากนายพิธา ถือเป็นภารกิจที่หนักอึ้ง จึงบอกกับตัวเองว่าเราต้องพัฒนาตัวเอง เพื่อยกระดับไปจนถึงวันที่เราพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯด้วย ซึ่งเป้าหมายคือการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ต้องให้ได้เสียงเกิน 270 เสียง ในการเลือกตั้งปี 2570 จึงอยากให้มองการเติบโตตั้งแต่อนาคตใหม่จนมาถึงปัจจุบัน เชื่อว่าเราทำได้
หัวหน้าพรรคประชาชน บอกอีกว่า แม้ภารกิจนี้หลายคนกังวล เพราะอนาคตไม่แน่นอน แต่ตัวเขากลับไม่ได้กังวลเรื่องอนาคตของตัวเอง ว่าจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์หรือไม่ เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นผู้กำหนด ฉะนั้นหน้าที่ของเขาคือทำให้ดีที่สุด อย่าทำให้ผิดหวังในตัวเอง ส่วนผู้มีอำนาจที่ถือครองกติกาอยู่ มองว่าสักวันเขาก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน บ้านเมืองไปต่อไม่ได้
"ผมไม่ได้กังวล แต่มองในทางกลับกัน ถ้าผมได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ แต่ผมไม่กล้าผลักดันนโยบายต่างๆ หรืออุดมการณ์ต่างๆที่พรรคเคยสืบสานมา ผมเลือกที่จะหยุด ผมจะรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง ถ้าไปกังวลกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง จุดเริ่มต้นที่เราก้าวเท้าเข้าสู่เส้นทางการเมือง เราไม่ได้หวังว่าต้องเติบโตไปเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต เราแค่ต้องการเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้ผมหยุด ผมผิดหวังในตัวเอง แต่ถ้าเราเลือกที่จะเดินหน้าต่อมันจะช่วยทำให้มองเห็นชัด ว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรก มันจะสามารถทำได้จริงอย่างไร" ณัฐพงษ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ต่อข้อคำถามว่า ทำไมถึงไม่เลือกที่จะเลิกยุ่งกับ ม.112 เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มันเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่หนีไม่พ้น และปฏิเสธไม่ได้
ศาลรัฐธรรมนูญเองก็เป็นศาลการเมือง ในเมื่อเป็นการเมือง ก็ต้องแก้ด้วยการเมือง แต่ถ้าเราหยุดสิ่งที่เรานำเสนอ ตัวเองจะแพ้ในสนามการเมืองแน่นอน ประชาชนจะรู้สึกเสียศรัทธาในตัวเรา ดังนั้น เราต้องมุ่งมั่น ที่จะผลักดันสิ่งต่างๆเหล่านี้ต่อไป แต่ไม่ใช่ทำแบบหัวร้อน ต้องคิดหน้าคิดหลังดีๆ ยอมรับวันนี้เราตอบไม่ได้จะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบ แต่ตนตอบได้แค่ว่า "อุดมการณ์ต่างๆ จะเดินหน้าต่อไปแน่นอน"
ณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า แม้ความน่ารักจะแพ้นายพิธา แต่การลงพื้นที่และการทำงานนั้นไม่แพ้แน่นอน ในฐานะบทบาทหัวหน้าพรรค ที่ต้องทำงานหน้าบ้าน หาคะแนนเสียงไปออดอ้อน ตนก็ทำได้แน่นอน ส่วนด้อมส้ม เราก็อยากให้มี แต่ไม่ใช่ติดตามแค่ตนน่ารัก แต่อยากให้เขาเป็นด้อมในการทำงาน การเสนอนโยบายของเรามากกว่า
ส่วนที่มีคนทักหน้าเหมือนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ส่องกระจกอาจจะจำสลับกันบ้าง มีคนทักเหมือนกัน ตอนลง สส.เขตบางแค คนก็เข้าใจผิดเยอะ แต่จากนั้นคนก็จดจำในส่วนที่เป็นตัวเรามากขึ้น ซึ่งตนก็อยากให้เป็นอย่างนั้น
หัวหน้าพรรคประชาชน วัย 37 ปีผู้นี้กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้เชื่อมั่นตนเหมือนที่เคยเชื่อมั่นนายธนาธร และนายพิธา ตนจะรักษาอุดมการณ์พรรค แบบนี้ต่อไป อย่าหยุดหวัง อย่าหยุดฝัน และขอให้ทุกคนมาสู้ต่อไปด้วยกัน วันหนึ่งอำนาจสูงสุดจะเป็นของประชาชน