ตำรวจน้ำสนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคง สกัดจับบุหรี่เถื่อนมูลค่าปรับกว่า 19 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ภายใต้การอำนวยการของพลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พันตำรวจเอก อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผู้กำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำพันตำรวจโท พงษ์พิพัฒน์ บูรณะบัญญัติ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 3 กองกำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับ ว่าจะมีการขนส่งยาสูบที่มิชอบด้วยกฎหมายทางขนส่งเอกชนจะมีการลักลอบนำยาสูบไปส่งให้แก่ลูกค้าทางขนส่งเอกชน โดยใช้รถยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ จึงร่วมกันออกติดตาม ต่อมาหัวหน้าชุดปฏิบัติการได้รับแจ้งจากสายลับเพิ่มเติมว่า รถยนต์คันดังกล่าวได้ขนส่งยาสูบที่มิชอบด้วยกฎหมายลักลอบขนข้ามโขงเข้ามา ไปยังศูนย์กระจายสินค้าขนส่งเอกชน ในจ.มุกดาหารแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเร่งติดตามไปแต่ไม่ปรากฏว่าพบรถขนยาสูบที่มิชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่มองเข้าไปที่ภายในลานศูนย์กระจายสินค้าขนส่งดังกล่าว พบกระสอบสีเขียวจำนวนหลายกระสอบตรงกับที่สายลับแจ้งไว้
จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบพบ มีนางสาวอารายา แสดงตัวเป็นรองผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่ง ใน ต.บางไทรใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นางสาวอารยา ทราบว่าสิ่งของที่บรรจุอยู่ในกระสอบสีเขียวเป็นสิ่งของต้องสงสัยอาจจะเป็นยาสูบที่มิชอบด้วยกฎหมาย จึงได้ขอให้นำตรวจสอบภายในกระสอบสีเขียวจำนวนหนึ่งเพื่อยืนยันว่าไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย นางสาวอารยา จึงได้นำกล่องกระดาษที่บรรจุอยู่ในกระสอบสีเขียวจำนวน 2-3 ชิ้น ออกมาเปิดดูพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบยาสูบที่มิได้เสียภาษีจำนวนมาก จึงได้แจ้งให้นางสาวอารยา ทราบว่าที่ตรวจพบเป็นสิ่งของที่ผิดกฎหมายและเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษี
จะต้องทำการตรวจสอบทุกกระสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอให้พนักงานในบริษัทดังกล่าว ช่วยทำการขนกระสอบสีเขียวและกล่องกระดาษที่แกะออกจากกระสอบสีเขียวทั้งหมดมาทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบรายละเอียดตามบัญชีของกลางข้างต้นพบบุหรี่เถื่อน รวม 11 รายการรวมจำนวน 39.000คอตตอน/แถว หรือ 618,000 มวน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเป็นค่าปรับ 19,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาที่ สภ.ตำรวจน้ำมุกดาหารโดยเมื่อเวลา 22.00น. เจ้าหน้าที่นำของกลางมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวโดยมีพันตำรวจเอก อดิศักดิ์ มีศิลป์ ผู้กำกับการ 10 กองบังคับการตำรวจน้ำมุกดาหารเป็นประธาน ก่อนนำของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป