"บิ๊กต่อ" ให้ปากคำคดีเส้นเงินเอี่ยวเว็บพนัน-ส่วย "ก.ร.ตร." ยันเอาผิดย้อนหลังได้แม้จะเกษียณ
วันที่ 17 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ สำนักงานจเรตำรวจ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เดินทางมาติดตามความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือบิ๊กต่อ ผบ.ตร. เข้าพบคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) กรณีที่ทนายตั้มกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง
ทนายตั้ม เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาติดตามความคืบหน้า หลังทราบมาว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เข้ามาให้ปากคำกับทางคณะกรรมการ ก.ร.ตร. กรณีที่ตนเคยร้องเรียนบิ๊กต่อ ในเรื่องของเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และส่วย 18 ธุรกิจ
ในส่วนของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ได้มีผลสอบออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าให้ออกจากข้าราชการไว้ก่อน แต่ในส่วนของบิ๊กต่อ ที่ตนได้มีการไปแจ้งความไว้ในหลายๆที่ แต่กลับไม่มีที่ใดดำเนินการ หรือมีความคืบหน้า ซึ่งทั้ง 2 เคสไม่ได้มีความแตกต่างกัน เป็นเรื่องของเส้นเงินเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามตนขอชื่นชมคณะกรรมการ ก.ร.ตร. ที่ทำการเรียกตัวบิ๊กต่อเข้ามาสอบ ในขณะที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ จึงทำให้เห็นว่าหลายคนมีความตั้งใจ ไม่ได้มีการเกรงกลัวอิทธิพลอะไร และมีความกล้าหาญทำงานอย่างตรงไปตรงมา และเท่าที่ตนทราบมาตามระเบียบตำรวจ หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบและมีการแจ้งเรื่องร้องเรียนไปแล้ว ต่อให้จะเกษียณไปแล้วก็ยังสามารถลงโทษได้อยู่
"เดินทางมาในวันนี้ ไม่ได้จะเข้าไปก้าวล่วงในการทำงานของคณะกรรมการ ก.ร.ตร. แต่ในฐานะที่ตนเป็นคนร้องเรียนก็มีสิทธิสอบถามความคืบหน้าได้ว่า มีการเรียกผู้อื่นที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน BNK Master มาสอบไปแล้วบ้างหรือไม่
และหากผลออกมาเป็นบวกกับตัวบิ๊กต่อ ก็จะนับว่าเป็น 2 มาตรฐาน ถ้านับว่าคนหนึ่งผิดแต่อีกคนไม่ผิด ก็ให้รู้เลยว่าประเทศนี้เป็นแบบนี้ เรื่องนี้ตนมองว่าค่อนข้างเสี่ยง เพราะตนเล่นถึงตัว ผบ.ตร. ตนไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัวเพียงแค่อยากให้ประเทศมีบรรทัดฐานเดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อบิ๊กโจ๊กแน่นอน ไม่ได้มีบุญคุณอะไรกับตน และตนไม่เคยเอ่ยปากว่าบิ๊กโจ๊กไม่ผิด" นายษิทรา กล่าว
ยืนยันว่าไม่ได้อยากเจอกับบิ๊กต่อ ไม่ได้อยากมาหาเรื่องหรือปะทะอะไรกัน แต่ที่ตนมาเพราะมาตามเรื่องเท่านั้น หากเจอกันจริงๆก็จะยกมือไหว้สวัสดี ไม่มีอะไรจะพูด ตนไม่ได้รู้จักกับบิ๊กต่อและไม่เคยทะเลาะอะไรกัน ไม่เคยมีผลประโยชน์ขัดแย้งกันแต่ที่ตนออกมาทำเพราะว่าตนทราบเรื่องเส้นเงินและอยากให้มีการดำเนินการให้อย่างเท่าเทียมกัน แต่ถ้าหากบิ๊กต่อมีหลักฐานยืนยันว่า สิ่งที่ตนร้องเรียนไม่เป็นความจริง ก็ดำเนินการฟ้องตนกลับมาได้เลย เนื่องจากตนมั่นใจว่าหลักฐานที่ตนมีเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ค่อนข้างจะชัดเจน
ทั้งนี้ ตนพอจะทราบว่ามีตำรวจหน่วยงานอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันอื่นๆอีกหรือไม่นั้น เท่าที่ตนทราบมีตำรวจไซเบอร์ที่ยังมีการเรียกเก็บเงินกับเว็บพนันรายใหญ่อยู่ แต่เปลี่ยนวิธีการเรียกเป็นการเรียกจ่ายล่วงหน้าหลายเดือน
"บิ๊กต่อ" มั่นใจหลักฐานโต้ครหา "ทนายตั้ม" ได้
ต่อมาเวลาประมาณ 14.40 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้เดินทางออกมา ภายหลังใช้เวลาเข้าพบคณะกรรมการ ก.ร.ตร. นานกว่า 3 ชั่วโมง โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐานที่นํามาโต้แย้งหรือไม่ ทางบิ๊กต่อ ตอบสั้นๆ ว่า "มั่นใจ ส่วนรายละเอียดอื่นๆให้ประธาน ก.ร.ตร. เป็นผู้ให้ข่าว" ก่อนจะรีบเดินทางขึ้นรถกลับทันที
ชมคลิป : "เรวัช" พูดชัดคดี "บิ๊กต่อ" เส้นเงินภรรยาโยงเว็บพนัน รอด-ร่วง?
หากผิด แม้จะเกษียณ เอาผิดย้อนหลังได้
ขณะที่ พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการ ก.ร.ตร. กล่าวว่า วันนี้ได้มีการเชิญบิ๊กต่อมาเป็นผู้ที่ให้ถ้อยคำในฐานะพยาน ซึ่งทางบิ๊กต่อก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยในวันนี้ได้ใช้เวลาในการไต่สวนร่วม 3 ชม. และบิ๊กต่อยังทำหนังสือชี้แจง รวมถึงให้การตามที่คณะกรรมการ ก.ร.ตร. นั้นมีประเด็นที่จะถามครบทุกประเด็น ส่วนประเด็นใดนั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนคดีของการไต่สวน
สำหรับเรื่องเส้นเงิน 18+1 ที่ทนายตั้มได้ร้องเรียนไว้ ตนต้องขอละไว้ เพราะตนสามารถพูดได้แค่ในเรื่องที่สามารถเปิดเผยได้กับทางสาธารณะเท่านั้น หลังจากนี้ก็จะต้องเชิญท่านอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ทยอยกันมาให้ปากคำกันต่อไป
ซึ่งตามระเบียบการไต่สวน ผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงได้ 2 ทาง คือ ทั้งทางที่เป็นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร และชี้แจงด้วยถ้อยวาจา ซึ่งทางบิ๊กต่อเองก็ได้ใช้สิทธิ ในการชี้แจงทั้ง 2 แบบ
สำหรับประเด็นดังกล่าวอาจจะต้องใช้เวลานานเพราะมีพยานต่างๆที่จะต้องดำเนินการและจะต้องมีขั้นตอนอีกจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ในกรอบระยะเวลาแรก 180 วัน และคาดว่าจะสอบได้อีกหลายปาก หากสอบยังไม่เสร็จก็จะสามารถขยายเวลาได้อีก 60 วัน
สำหรับเรื่องที่บิ๊กต่อกำลังจะเกษียณ จะมีผลต่อกับสำนวนในอนาคตหรือไม่นั้น ในส่วนนี้ก็เป็นประเด็นของกฎหมายที่มีการวินิจฉัยกันอยู่ ขณะนี้ก็มี 2 แนวทาง ซึ่งก็คงจะทำเรื่องขอทราบความเห็นในเรื่องของกฎหมาย โดยเป็นในส่วนของเรื่องภายในที่กำลังพิจารณากันอยู่
ทั้งนี้หากคณะกรรมการ ก.ร.ตร. พิจารณาแล้วพบว่าบิ๊กต่อมีมูลความผิด ก็จะดำเนินการตามขั้นตอน การพิจารณาเรื่องระเบียบวินัยต่อไป แต่ถ้าหากพบว่าไม่ผิด หลังจากนี้ก็จะยุติเรื่อง