ก.ร.ตร. เรียกสอบ "รองฟาง" ปมเอี่ยวเว็บพนัน-18ส่วยสีเทา
หลังจากที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ ผบ.ตร. เข้าให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. กรณีที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ออกมาให้ข้อมูลว่า เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันและส่วย 18 ธุรกิจ ล่าสุดทางคณะกรรมการฯ เรียก พ.ต.ท.สุรกุล หรือ รองฟาง คนที่ทนายตั้มเคยออกมาให้ข้อมูลว่าเป็นพ่อบ้าน คอยเก็บเงินส่วยส่งให้บิ๊กต่อ มาให้ถ้อยคำในฐานะผู้ถูกร้องเรียน
พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการ ก.ร.ตร. และ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ได้ให้สัมภาษณ์ ก่อนขึ้นไปสอบข้อเท็จจริงกับ รองฟาง
พล.ต.ท.สรศักดิ์ บอกว่า วันนี้ 09.30 น. ทางคณะกรรมการ ก.ร.ตร.ได้เชิญผู้ถูกร้องเรียนมา ไต่สวนสอบข้อเท็จจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางผู้ถูกร้องเรียนเคยส่งหนังสือคำชี้แจงมาให้คณะกรรมการแล้ว เหลือเพียงเข้ามาให้ถ้อยคำด้วยตัวเอง แต่หากวันนี้ผู้ร้องเรียนไม่เดินทางมาให้ข้อมูลคณะกรรมการ ก็จำเป็นที่จะต้องเรียกตัวซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนในการพิจารณา
ขณะที่ พล.ต.ท.เรวัช เปิดเผยว่า ข้าราชการที่ถูกร้องเรียนคนนี้ถือเป็นคนสำคัญของขบวนการ ถ้าไม่มาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการ ก.ร.ตร. ในวันนี้ ถือว่าเป็นผลเสียกับตัวผู้ถูกร้องเรียนเอง เพราะคณะกรรมการจะพิจารณาโทษได้ง่ายขึ้น อาจจะมีการพิจารณาไล่ออกจากราชการไว้ก่อนเลยก็ได้ เพราะถือว่าเป็นอุปสรรคในการไต่สวน
ส่วนกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานสองมาตรฐานระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์นั้น พล.ต.ท.เรวัช ชี้แจงว่าเป็นการทำงานคนละส่วน กรณีของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งถือเป็นการลงโทษกันเองแต่ กรณีของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ที่มาร้องคณะกรรมการชุดของตัวเองนั้น เป็นระบบไต่สวนที่มีกระบวนการ ซึ่งคณะกรรมมีมติเป็นเอกฉันท์แล้วว่าจะรับพิจารณาไต่สวน โดยต้องตั้งผู้ช่วยไต่สวน ซึ่งต้องส่งหนังสือทางผู้ถูกร้องเรียนด้วยว่าจะคัดค้านผู้ช่วยไต่สวนคนนี้ว่าเป็นอริหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกันหรือไม่ โดยใช้ระยะเวลากรอบ 30 วัน ทำให้ล่าช้ากว่าจะได้ผู้ช่วยไต่สวน ยืนยันว่า หลังจากนี้จะเร่งการพิจารณาให้เร็วที่สุด แต่ก็เชื่อว่าคงไม่ทันเดือนกันยายนนี้