ยกของขึ้นที่สูงด่วน! กรมชลฯ เตือนพื้นที่ท้ายเขื่อน 11 จังหวัด เตรียมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน

วันที่ 26 ก.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่กรมชลประทานได้ประกาศแจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคกลาง ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.ลพบุรี จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพมหานครฯ ที่ต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่จะเกิดขึ้นจากอิทธิพลจากร่องมรสุมกำลังแรง ที่จะทำให้ฝนตกหนักทางตอนบนและภาคกลางของประเทศ มีผลทำให้ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยามากขึ้นและอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มการระบายแบบขั้นบันไดขึ้นไปในเกณฑ์ไม่เกิน 1,500 ลบ.ม./วิ ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้นอีก 60-100 เซนติเมตร นั้น

 

 

ล่าสุดสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเเจ้าพระยา กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มภาคกลาง ได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำขึ้น เพื่อลดผลกระทบทั้งเหนือและท้ายเขื่อน โดยปพบว่าริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงเขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำ C2 หน้าค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด (00.00 น.) วัดได้ 1,823 ลบ.ม./วิ (ลูกบาศเมตรต่อวินาที) โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยายกตัวขึ้น 20 ซ.ม. ในรอบ 24 ชม. ล่าสุดวัดได้ 16.50 ม.รทก. (เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง) ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มการระบายขึ้นไปที่ 1,498 ลบ.ม./วิ เพื่อสร้างพื้นที่ว่างในลำน้ำรองรับปริมาณน้ำเหนือ ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกตัวขึ้น 89 ซ.ม. ในรอบ 24 ชม. ล่าสุดวัดได้ 12.82 ม.รทก.

 

 

ทั้งนี้ จากการเพิ่มอัตราการระบายน้ำในเกณฑ์ 1,500 ลบ.ม./วิ ของเขื่อนเจ้าพระยา จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ริมคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล บ้านบางหลวงโดด ต.บางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น 30-60 ซ.ม. ใน 24 ชม. ข้างหน้า จึงขอให้เฝ้าสังเกตความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำและติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิดต่อไป