ชาวนครตรัง แห่แจ้งความล้นโรงพัก โวยผู้รับเหมาชุ่ย ทำถนนลาดยางมะตอย แต่ไร้ป้ายเตือน ส่งผลให้รถเสียหายนับร้อย ยังหาตัวผู้รับผิดชอบไม่พบ

ผู้ใช้รถใช้ถนนหลายสิบรายในเขตเทศบาลนครตรัง แห่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองตรัง หลังได้รับความเดือดร้อนจากการทำถนนเส้นขนานรางรถไฟวังตอ ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ตามโครงการของเทศบาลนครตรัง ซึ่งผู้รับเหมาตามสัญญาจ้างจากเทศบาลกำลังปรับปรุงทำถนนใหม่ ด้วยการขูดผิวถนนเดิมออก แล้วราดยางมะตอยเหลวรองพื้นก่อนจะปูแอสฟัลท์ติดคอนกรีต ทำให้ยางมะตอยรวมทั้งหินรองพื้นติดตามล้อรถสภาพเละเทะ

นายนพรัตน์ อายุ 54 ปี บอกว่า ผู้รับเหมา และผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีการวางแผนการจราจร หรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อน แถมยังไม่มีป้ายสัญลักษณ์เตือนการปฏิบัติงาน เจ้าหน้าที่คอยควบคุมดูแลก็ไม่มี จึงอยากให้บริษัทหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบความเสียหาย เช่น ค่าล้างรถ เพราะชาวบ้านต้องได้รับความเสียหายในเรื่องที่ไม่สมควรเสีย แล้วยางมะตอยที่ติดล้อแน่นแบบเคลือบล้อไปทั้งหมดเลยก็อันตราย ขับไปก็สะบัดลื่นจนอาจเกิดอุบัติเหตุได้

ทีมข่าวได้ไปยังถนนเส้นดังกล่าว พบว่ารถหลายคันมีน้ำยางมะตอย และเศษหินผสมติดยารถจนมองไม่เห็นดอกยาง กระเด็นติดไปจนถึงใต้ท้องรถ กระจังหน้า และกระจก โดยที่ปากทางเข้าถนนดังกล่าวทั้ง 2 ด้าน ไร้เครื่องกีดขวาง ป้ายเตือน หรือป้ายบอกการปฏิบัติงาน รวมถึงไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ทำให้มีรถหลงเข้าไปหลายคัน และต้องไปล้างรถที่คาร์แคร์ เสียเงินหลักพันบาท เพราะว่าต้องใช้น้ำยา ที่สามารถล้างคราบยางมะตอยออกได้

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่เทศบาลนครตรัง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับการชี้แจงสั้นๆว่า เบื้องต้นทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และกำลังประสานผู้รับเหมาให้เข้ามาดำเนินการแก้ไขและรับผิดชอบเยียวยาในกรณีที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบจากผู้รับเหมาะว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง

สำหรับถนนสายที่รถประชาชนเสียหายในครั้งนี้ คือ โครงการปรับปรุงผิวจราจรแอสฟัลติกคอนกรีต สายถนนขนานทางรถไฟ (ใต้) วงเงิน 6,030,000 บาท มีบริษัทสยามภัณฑ์ศิลา จำกัด เป็นผู้รับงาน ผู้ควบคุมงานคือนายธีรเดช ศรแก้ว นายช่างโยธาปฏิบัติงาน สำนักช่างเทศบาลนครตรัง โดยก่อนหน้านี้เคยมีประชาชนออกมาคัดค้านการปรับปรุงผิวจราจร เพราะถนนเส้นดังกล่าวยังใช้งานได้ปกติดี ควรนำงบประมาณไปใช้ในโครงการอื่นที่มีความจำเป็นเร่งด่วนกว่า และยังขอให้ ป.ป.ช.เข้าตรวจสอบโครงการนี้ด้วย