"อัจฉริยะ" จับมือหย่าศึก "ทนายตั้ม" ลั่นหลังจากนี้ทำงานร่วมกัน เตรียมแฉธุรกิจใหม่คล้ายดิไอคอน

วันที่ 23 ต.ค. 2567 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่ สำนักงานกฎหมาย Sittra law firm ของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชนชนฯ ก่อนจับมือหย่าศึก ทนายตั้มบอกว่าตัวเองรู้จักกับนายอัจฉริยะ ตั้งแต่ปลายปี 2560 เพราะเคยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลช่วยเหลือคดีหวย 30ล้านกัน แต่ช่วงหลังไม่เข้าใจกันเลยทำให้มีการแฉ จนเกิดเป็นคดีความกันขึ้น

 

 

ด้านนายอัจฉริยะ บอกว่า ถึงเวลาที่ตัวเองกับทนายตั้มต้องเลิกทะเลาะกันเพราะขณะนี้ ในวงข้าราชการมีเรื่องทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ในวันนี้ตัดสินใจมาถ้ำเสือชวนทนายตั้มทำงานรับใช้พี่น้องประชาชน ส่วนที่เห็นว่าก่อนหน้านี้ออกมาโต้กันไปมาเรื่องของสองบิ๊กตำรวจ แต่ท้ายที่สุดกลับมาจับมือกันนั้นนายอัจฉริยะบอกว่าก็ไม่ต่างจากนายทักษิณ ชินวัตรกับ นายเนวิน ชิดชอบ ที่เป็นคู่ขัดแย้งกันมานานแต่ท้ายที่สุดก็จับมือกันได้ นายอัจฉริยะ บอกว่า การจับมือครั้งนี้เพื่อรวมพลังออกมาแฉเปิดตัวละครสำคัญที่เป็นหัวใจของดิไอคอลกรุ๊ป รวมถึงจะแฉเรื่องนักร้องเรียนหญิงที่ตบทรัพย์บอสพอล ว่าเรียกรับผลประโยชน์ใครอีกบ้าง เพราะที่ผ่านมาตัวเองรู้จักกับคนนี้มาไม่ต่ำกว่า 6 ปี จึงรู้พฤติกรรมของบุคคลนี้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังเตรียมจะแฉเปิดโปงธุรกิจเครือข่ายที่มีเจ้าของเป็น สส. พรรคเพื่อไทย และมีหุ้นส่วนเป็น คนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง ทั้งนางเอกดังช่องน้อยสี ชื่อย่อ ต. ดีเจ นักแสดง ชื่อย่อ มต. และ ตห. หลอกผู้เสียหายลงทุนหาเครื่อข่าย จูงใจผู้ร่วมลงทุนไปเที่ยวต่างประเทศ แจกทอง พาไปศัลยกรรม ไม่ต่างจากดิไอคอน และมีการใช้ผลิตภัณฑ์บังหน้าอ้างเป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าจากเกาหลี แต่พบข้อมูลว่าผลิตที่ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งล่าสุดก็ยังพบขายอยู่ตามท้องตลาด ซึ่งคาดว่าหากเปิดข้อมูลในวันนี้ไปแล้วไม่มาชี้แจงก็จะพาผู้เสียหายไปแจ้งความดำเนินคดีในวันที่ 4 พ.ย.นี้

 

 

ขณะที่ "ทนายตั้ม" บอกว่า การจับมือกับนายอัจฉริยะครั้งนี้ตัวเองได้มีการปรึกษาเพื่อนทนายคนอื่นๆมีบางคนก็ไม่เห็นด้วยกังวลว่านายอัจฉริยะ อาจจะกลับมาเล่นงานตัวเองทีหลัง จึงใช้โอกาสนี้ถามนายอัจฉริยะเพื่อความแน่ใจว่าในอนาคตจะกลับมาเล่นงานตัวเองหรือไม่ ซึ่งทางฝั่งนายอัจฉริยะยืนยันว่า จบคือจบ หลังจากนี้จะไม่มีการโจมตีกันออกสื่อจะเดินหน้าทำงานร่วมกัน ส่วนในอนาคตจะเป็นยังไงก็ต้องยอมรับสภาพตามกฎหมาย จากนั้นทางฝั่งทนายตั้มก็ได้ขอโทษที่เคยล่วงเกินนายอัจฉริยะเช่นเดียวกัน

ส่วนกรณีที่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางออกมาให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่เจอเทวดา ร่วมถึงพบว่าสายที่ออกมาให้ข้อมูล เรื่องการโยกย้ายทรัพย์สิน ผ่านคริปโตเป็นเรื่องมั่วนั้น ทนายตั้มบอกว่าคนที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้คือนายเอกภพ ผู้ก่อตั้งสายไหมต้องรอด ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ออกมายื่นเรื่องให้ตำรวจตรวจสอบแต่ในการสัมภาษณ์ก็ไม่ได้มีการยืนยันว่าเป็นเงินของใคร ส่วนตัวเชื่อว่าการจะพาใครมาให้หลักฐานก็ต้องมีการคัดกรองกันอยู่แล้ว อย่างตัวเองก็ต้องมีหลักฐานเอกสารยืนยันก่อน