ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก ผัวหึงโหดจับได้เมียคบชู้นาน 2 ปี ซ้ำนำเงินที่ได้จากขายพลอยแบ่งผัวใหม่ ทนไม่ไหวเอามีดแทงเมียดับคาห้อง อ้างรักมากอุตส่าห์พาไปทำบุญคิดว่าจะกลับใจ

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้นำตัวนายการีม อายุ 65 ปี ผู้ก่อเหตุใช้มีดแทง นางเรณู อายุ 54 ปี ภรรยาเสียชีวิตภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซอยงามวงศ์วาน 31 แยก 4 อ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน


โดยนายการีม เปิดใจกับทีมข่าว ว่า สาเหตุที่ก่อเหตุมาจากอารมณ์โมโหที่สะสมมานาน 2 ปี ตนและภรรยามีปากเสียงลงไม้ลงมือกันมาตลอด สาเหตุเป็นเพราะภรรยาแอบมีชู้และตนเคยจับได้ มาก่อนหน้านี้แล้ว โดย 2 คนมีอาชีพค้าขายพลอย ซึ่งภรรยาเคยขายพลอยได้ 10,000 บาท แล้วนำเงินให้ตน 7,000 บาท แล้วบอกกับตนว่า 3,000 บาท เอาไว้โอนให้ลูกสาว พอตนไปสอบถามลูกปรากฏว่าไม่ได้โอนเงินไปให้ลูกสาวแต่โอนเงินไปให้ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี




ตั้งแต่นั้นมาทำให้ตนเกิดระแวง ประกอบกับภรรยาชอบพูดจาประมาณว่าอยากเลิกกับตนไปอยู่กับผู้ชายคนใหม่ ทำให้ตนเก็บกดมาประมาณ 4 เดือนแล้ว จนกระทั่งวันเกิดเหตุช่วงเช้าพาภรรยาไปทำบุญที่วัดก็หวังว่าเมียจะกลับตัวกลับใจ จากนั้นก็กลับมานอนพักที่ห้องพัก ขณะที่นอนพักก็แอบเห็นว่าภรรยาแอบเล่นไลน์แชตคุยกับใครบางคน ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นชู้ จากนั้นตนก็ได้ลุกขึ้นบอกกับภรรยาว่าจะออกไปขายพลอย แต่ภรรยากลับบอกว่ายังไม่ได้นอนพักผ่อนแล้วก็ดุด่าตนใช้คำพูดด่าหยาบคายจนตนรู้สึกโมโห ขณะที่เดินออกจากห้องเกิดบันดาลโทสะถีบภรรยาล้มลงและก็วิ่งไปหยิบมีดมาแทงภรรยา ตั้งใจให้เสียชีวิตเพื่อให้จบปัญหา ตนจะได้ไม่เครียดปมมีชู้และปมขี้ลักขี้ขโมยของภรรยาอีก และลูกก็จะได้ไม่เสียใจรับรู้รับทราบปัญหาพ่อกับแม่ที่ชอบทะเลาะกัน


โดยนายการีมยังบอกอีกว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากบอกว่ารักภรรยามากและอยากขอโทษลูก ๆ แต่ก็ยอมรับกรรมไม่หนีไปไหนเตรียมตัวเตรียมใจเข้าคุก


ด้าน พันตำรวจเอกพิสุทธ์ จันทรสุวรรณ ผู้กำกับ สภ.รัตนาธิเบศน์ เผยว่าจากกรณีนี้ผู้ก่อเหตุไม่ได้หลบหนีและรับสารภาพ มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและมีดที่ใช้ก่อเหตุ ส่วนต้นเหตุมาจากเรื่องการทะเลาะวิวาทปมหึงหวง เบื้องต้นอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม และแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาส่วนไตร่ตรองหรือไม่ต้องพิสูจน์ต่อไป