จับ หมวดเจมส์ สืบนครบาลเก๊ บุกบ้านกรรโชกทรัพย์ อ้างเป็นเหลนเจ้าพระยา ตระกูลดัง
วันที่ 31 ต.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น.
ร่วมกันสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัว นายชลทิศ หรือ หมวดเจมส์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น
และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
และถูกแจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่า “พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน SIG SAUER ขนาด 9 มม. 1 กระบอก (ขึ้นลำพร้อมใช้) กระสุนปืนขนาด 9 มม. 12 นัด บัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม) ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้าย 1 ใบ เครื่องแบบตำรวจ 2 ชุด เสื้อเกราะกันกระสุน 1 ชุด
สืบเนื่องจาก นายชลทิศ สืบนครบาลเก๊ เป็นอดีตรปภ. มีความฝันอยากเป็นตำรวจ โดยตระเวนซื้อเครื่องแบบตำรวจมาสวมใส่ ตัดผมสั้นเกรียน มักทำทีสวมเสื้อเกราะ สวมอุปกรณ์ยุทธวิธี ให้เหมือนตำรวจ สร้างโปรไฟล์ว่าเป็นชุด “เฉพาะกิจ ปะฉะดะ” ปัจจุบันปลอมตัวเป็นสายสืบตระเวนกรรโชกทรัพย์
ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.บางมด พร้อมกับมอบหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค.67 ขณะที่ผู้เสียหายอยู่ในบ้านพัก ได้มีชายแต่งกายคล้ายสายสืบ อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จาก “สืบนครบาล” ชื่อว่า “หมวดเจมส์”
เข้าไปจับกุมผู้เสียหายที่อยู่ในบ้านพัก โดยอ้างว่ามีน้ำกระท่อม 3 ขวด ก่อนจะเรียกเงิน 3,000 บาทจากผู้เสียหาย โดยข่มขู่ว่าหากไม่จ่ายจะถูกจับกุมดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงยอมจ่ายเงินสดให้กับคนร้ายไป 3,000 บาท คนร้ายข่มขู่ให้จ่ายค่าคุ้มครองแบบรายเดือนอีก 500 บาทต่อเดือน ก่อนจะออกจากบ้านผู้เสียหายไป
ต่อมาได้มีการออกหมายจับสายสืบเก๊รายนี้ แต่การจับกุมไม่สามารถทำได้ง่าย เพราะจากการสืบสวนติดตามคนร้ายหลบหนีไปกบดานตามแหล่งชุมชนในพื้นที่ฝั่งธนบุรี พร้อมกับสั่งให้ลูกสมุนคอยสังเกตการณ์ดูตำรวจเข้าออกชุมชนตลอดเวลา
พล.ต.ต.ธีรเดช จึงใช้แผนคลาสสิค “ล่อเสือออกจากถ้ำ” เนียนปลอมคูปองส่วนลดร้านไอศกรีมชื่อดังร้านโปรดของคนร้ายส่งไปให้ กว่า 7 วันที่ชุดสืบสวนเฝ้าร้านไอศกรีม กระทั่งช่วงหัวค่ำของวันที่ 30 ต.ค. คนร้ายปรากฏตัวที่ร้านไอศกรีมด้วยท่าทีระแวง
เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมตัวทันที ตรวจค้นพบอาวุธปืน 1 กระบอก (ขึ้นลำพร้อมปะทะ) และยังพบบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ (ปลอม) ปรากฏชื่อและใบหน้าของคนร้ายซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าคาดเอว จึงยึดไว้เป็นของกลาง ขยายผลจับกุมเข้าตรวจค้นบ้านพักพบเครื่องแบบตำรวจและเสื้อเกราะกันกระสุนอีกหลายรายการ
จากการสอบสวน หมวดเจมส์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า ตนเป็นเหลนของเจ้าพระยาท่านหนึ่ง และตระกูลตนเป็นตระกูลชื่อดังมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีสายเลือดเจ้าหน้าที่ของบรรพบุรุษเข้มข้น จึงทำให้ตนอยากเป็นตำรวจ
หมวดเจมส์ ให้การต่อว่า แต่ด้วยวัยเด็กตนเกิดมีลูกก่อนวัยอันควรทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องออกมาทำงานหาเงิน จนปัจจุบันไม่สามารถสอบเข้าตำรวจได้แล้วแต่ก็ยังมีความอยากเป็นตำรวจ จึงสมัครเป็น อปภร. อยู่สักพักหนึ่ง
หมวดเจมส์ ให้การอีกว่า กระทั่งได้เรียนรู้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในคดีนี้ตนได้เบาะแสจุดร้านกระท่อมของผู้เสียหาย จึงเห็นช่องทางในการจะตบทรัพย์ จึงปลอมตัวเป็นสืบนครบาล อ้างว่าชื่อ “หมวดเจมส์” ทำทีเข้าไปจับกุม
นายชลทิศ ให้การว่า ก่อนจะเรียกรับเงินเป็น 3,000 บาท แต่หลังก่อเหตุก็เกิดเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นตนจึงหลบหนี โดยยืนยันว่าเคยก่อเหตุมาแค่ครั้งเดียวจริง ๆ ไม่เคยก่อเหตุเช่นนี้มาก่อน
หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บุคคโล ดำเนินคดีต่อไป